คือวันนี้มีเพื่อนเราไปปั่นจักรยานกับกลุ่มที่ปั่นจักรยานในมหาลัยค่ะ แล้วเหมือนจะโดนรถเกี่ยวล้มเลยโทรเรียกให้เราไปรับมันหน่อยมันปั่นต่อไม่ไหว

เราก็ไปรับมันนะ เพราะมันยังไปไม่ไกลจากม.เท่าไหร่ รับมันกลับมาตรวจที่โรงบาลของ ม. พออยู่บนรถเราก็ถามว่าไปทำยังไงให้โดนรถเกี่ยวล้ม มันก็บอกว่ามันปั่นตีคู่กันมา

เราเลยเตือนมันไปว่าถนนที่มันปั่นมันมีแค่2เลนสวนกัน อย่าปั่นตีคู่เลยเดี๋ยวโดนรถยนต์ชนเอา แล้วเราก็เตือนมันเพิ่มอีกหลายอย่างเพราะสังเกตมาหลายครั้งแล้ว

เราบอกมันไปว่า เลิกตะบี้ตะบันปั่นเอาความเร็วแถวม.ได้แล้ว คือข้างทางรถมันจอดเยอะจักรยานที่ปั่นเลาะข้างทางมันก็ต้องลบรถพวกนี้ แต่บางทีปั่นกันเร็วเกินเบี่ยงหลบทีหนึ่งก็พุ่งออกมาคนขับรถตามหลังมาก็ใจไม่ดี

แล้วก็เตือนมันไปอีกว่าชุดปั่นจักรยานสีมืดๆเลิกเอาไปใส่ตอนปั่นตอนกลางคืนได้แล้ว มันมองไม่เห็น ฝากไปเตือนเพื่อนมันหลายๆคนด้วยว่าไฟที่ติดยังสว่างไม่พอสำหรับปั่นตอนกลางคืนให้ไปเปลี่ยนด้วย

บอกมันเพิ่มไปอีกว่าปั่นตีคู่กันมาอย่าชะลอคุยกันเยอะ เดี๋ยวเจอคนขับรถขี้รำคาญจะโดนเบียดเอา

เตือนมันไปแบบนี้แต่มันสวนกลับมาว่า ทำไมต้องบอกให้จักรยานปรับตัวแล้วก็ระวังอยู่ฝ่ายเดียว เราขับแต่รถยนต์เราไม่เข้าใจมันหรอก แล้วมันก็บ่นอะไรไม่รู้ของมันทำนองว่ารถยนต์ชอบมองว่าจักรยานเกะกะถนน คนขับรถยนต์ชอบไม่มีมารยาทคิดว่าชนจักรยานไปตัวเองก็ไม่ตายเลยไม่ระวัง คิดว่าจักรยานไม่มีสิทธิ์ใช้ถนน

คือเข้าใจนะว่ามันกำลังนอยด์ ที่โดนเกี่ยวล้ม แต่มันไม่คิดว่าคนที่เตือนมันด้วยความหวังดีและกำลังขับรถยนต์(ที่มันด่า)ไปส่งมันที่โรงพยาบาลจะนอยด์บ้างเหรอ

เราคิดนะว่าที่บอกไปก็เพื่อจะให้มันเซฟตัวเอง คือใช่คุณจะเรียกร้องให้คนอื่นระวังมากขึ้น ทำถูกระเบียบวินัยการจราจรมากขึ้นมันก็ได้แต่ก็ควรจะมีการป้องกันตัวเองร่วมด้วยดีกว่าไหม?

เรื่องของเราก็จบเพียงแค่นี้ค่ะ อยากถามว่าใครเคยเจอแบบเราไหมเตือนไปดันว่าคืนซะงั้น

ปล.ขอนั่งพิมพ์ระบายขณะรอมันตรวจ พิมพ์ในมือถือมีผิดบ้างขออภัย

ปล2.เราอาจจะไม่มีวันเข้าใจฟีลคนปั่นจักรยานอย่างที่มันพูดก็ได้เพราะเราไม่คิดจะปั่นจักรยาน ขาเราผ่าใหญ่มา2ครั้งแล้ว แค่ขับรถเกียร์ธรรมดาก็จะแย่แล้วจักรยานก็ต้องขอบายด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ