สวัสดีค่ะ ชาว Blue Planet ทุกท่าน
ก่อนอื่นต้องขอฝากเนื้อฝากตัว เพราะ เป็นกระทู้แรกในชีวิต ค่ะ
หลังจากการตัดสินใจ ทิ้ง Comfort Zone (บ้าน) ไปใช้ชีวิตในต่างแดนคนเดียวเป็นเวลาร่วม 4 ปี เดินทางท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ด้วยตัวเอง ทำให้ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น (โดยเฉพาะได้รู้ว่า เรา (บ้า) รักการท่องเที่ยวขนาดไหน ) และได้รู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดจากการเดินทางไม่ใช่จุดหมายว่าคุณไปถึงกี่ที่ แต่สิ่งที่ได้ระหว่างทาง มีค่ามากกว่านั้น ยิ่งเดินทางมากเท่าไร ยิ่งรู้ว่าโลกใบนี้กว้างมว๊ากกกจริงๆ
ร่วม 5 ปี ในการค้นพบตัวเอง ว่า เป็น โรค Wonderlust ( ตามที่น้อง หมอๆตะลุย โลก ได้นิยามไว้ ) ฝึกวิทยายุทธ์ ท่องเที่ยวไป ตามสไตล์ ของตัวเอง เก็บสิ่งต่างๆไว้ในความทรงจำและภาพถ่าย แค่นั้น
จนเมื่อวานนี้ เพิ่งเกิดแรงบันดาลใจ อ๊ะ! อยากเป็นเจ้าของกระทู้ กับเค้าบ้าง (เพราะล้วงข้อมูลจากกระทู้ของคนอื่นไปประกอบการวางแผนการท่องเที่ยวของตัวเองมาเยอะแล้ว ) ต้องขอบอกว่า วิธีการวางแผน เรื่องราว และข้อมูลต่างๆ ในกระทู้นี้ เป็นการท่องเที่ยวสไตล์ ของตัวเองนะคะ แต่อย่างไรก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับทุกๆ ท่าน ที่เข้ามาอ่านค่ะ
เกริ่นนำ พอสมควรแล้ว เริ่มเดินทางไปด้วยกันเลยดีกว่านะคะ
*** ทริปนี้ เป็นทริป ล่าสุด เลยขอนำมา ลงกระทู้ก่อน ส่วน ทริปอื่นๆ จะตามมาเรื่อยๆ ถ้ามีกำลังใจ จากมิตรรักแฟนเพลง เอ๊ยย++ ***
โดยทริปนี้มีโจทย์ ว่า
1. เที่ยวให้อยู่ในงบไม่เกิน 60,000 บาท รวมทุกอย่าง (แต่ไม่รวมค่าของฝากนะคะ)
2. มีเวลาแค่ 15 วัน อ่ะ ต้องไปเมืองที่อยากจะไปให้ครบ (จริงๆ ถ้าไม่รวมเวลาบนเครื่องบิน ก็มีเวลาเที่ยวจริงๆ แค่ 13 วัน กว่า ๆ)
Plan (วางแผนการท่องเที่ยวแบบ ช้านอยากไปไหน ก่อน)
BKK --> Milan --> Lake Como --> Verona --> Bologna --> Florence --> Venice --> Milan ( Italy)
Milan --> Prague --> Chesky Krumlov --> Prague ( Cz Republic)
Prague --> Vienna --> Hallstatt (Austria)
Vienna --> Budapest (Hungary)
Budapest--> Moscow (Russia) *** เมืองนี้แถมเพราะต้องต่อเครื่องกลับประเทศไทย
Moscow--> BKK
อาจมีคำถามอยู่ในใจของผู้อ่าน ว่า ไป Italy ทำไมไม่มี Rome กับ Pisa อยู่ในแผน (จขก.คิดเอง ว่าน่าจะมีคนสงสัย
)
ขอทึกทักตอบว่า จขก. เคยไปมาแล้ว จึงตัดออกเพราะเวลาในครั้งนี้มีไม่พอ ( อย่างไร จะเขียน กระทู้ ประเทศ Italy ฉบับสมบูรณ์ ให้อ่านกันนะคะ)
มาต่อค่ะ ^^
จขก. ไม่ขอ อธิบายละเอียดเรื่อง วางแผนอย่างไร , หาข้อมูลอย่างไร, จองที่พักอย่างไร, จองตั๋วเครื่องบินอย่างไร, เตรียมเอกสารและยื่นขอวีซ่าอย่างไร นะคะ เพราะคิดว่าผู้อ่าน น่าจะมีข้อมูลแน่น จากกระทู้ดีๆ เริ่ดๆ ของ ท่านอื่นๆ แล้ว แต่จะแทรกสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์ไว้เรื่อยๆ นะคะ
หรือ ถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมจริงๆ ขอฝาก
https://www.facebook.com/pages/Lots-of-Love-to-Travel/1511975042385574
ไว้สำหรับผู้ที่ต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างๆ ค่ะ
******************************************************************************************************
บิน จาก BKK --> Milan (Italy)
การเดินทางจาก กรุงเทพฯ ไป Milan ครั้งนี้ ใช้บริการของสายการบิน Aeroflot (ชั้นประหยัด) ในราคา 27, 445 บาท+ ค่าบริการตัดบัตรเครดิต 800 บาท = 28,245 บาท ค่ะ เพราะ จขก.เช็คราคา แล้วเป็นราคาที่รับได้ , เวลาของ Flight บิน ก็ตรงตามความต้องการ และ จขก.ต้องการแวะเที่ยว Moscow อีกที่เป็นของแถมเพื่อให้คุ้มค่ากับเงิน ที่เสียไป ^^
ซื้อตั๋ว แบบ Multi City ค่ะ คือ
ขาไป จาก BKK-->Milan (ต่อเครื่องที่ Moscow)
ขากลับ กลับจาก Budapest --> BKK (ต่อเครื่องที่ Moscow)
เพราะไม่ต้องการย้อนกลับไป Milan (เปลืองเงินค่าเดินทางย้อนไป Milan เพิ่ม และ เสียเวลา) ค่าตั๋วเครื่องบินก็ไม่ได้ต่างกัน
สายการบิน Aeroflot เป็นสายการบินของประเทศรัสเซียค่ะ ดังนั้นต้องต่อเครื่องที่ Moscow สนามบิน Sheremetyevo International Airport
CR : รูปภาพจาก www.aeroflot.ru/
ไม่ได้ถ่ายรูประหว่างอยู่บนเครื่องบินไว้เลยค่ะ ขอเล่าเรื่องการบริการแทนนะคะ
จขก.จองตั๋วเครื่องบินกับทาง http://www.bkkfly.com/ ด้วยเหตุผลที่ว่า
- ลองเช็คราคาจากเว็บอื่นๆ เช่น
https://www.kayak.com/
http://www.skyscanner.co.th/
แล้ว ราคาไม่สวย
- ตอนจองตั๋วเครื่องบิน เพื่อขอวีซ่า จขก. จองตั๋วหลอก คือหมายถึง จองตั๋วเพื่อให้ครอบคลุมเวลาที่เราต้องการจะได้วีซ่าแบบ Multi ให้ยาว
ที่สุด (โดยที่ยังไม่ต้องชำระเงิน แต่ได้หลักฐานการจองตั๋ว) แล้วเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายครั้งมาก เพราะ วางแผน ไม่ลงตัว
แต่เจ้าหน้าที่ของ
http://www.bkkfly.com/ ก็น่ารักมาก ให้บริการเป็นอย่างดี
ส่วนการบริการของสายการบิน Aeroflot - พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน, สิ่งอำนวยความสะดวก, อาหาร, ความตรงต่อเวลา
เป็นที่น่าพอใจนะคะ สำหรับการใช้บริการกับสายการบินนี้เป็นครั้งแรก
ยกเว้น ตอนขากลับ รอต่อเครื่องที่ Moscow ไว้จะเล่าเมื่อเขียนถึงตอนนั้นนะคะ
******************************************************************************************************
ว่าด้วยเรื่อง วีซ่า เชงเก้น (Schengen Visa)
*** บางท่านอาจจะสงสัยว่า แล้วทำยังไงล่ะ ไอ้จองตั๋วเพื่อให้ครอบคลุมเวลาที่เราต้องการจะได้วีซ่า ***
อ่อ ลืมบอกว่า ทริปนี้ จขก. ยื่นขอวีซ่าเชงเก้น กับประเทศ Italy โดยผ่าน ศูนย์ยื่นวีซ่าประเทศอิตาลีประเทศไทยในกรุงเทพฯ
หรือเรียกง่ายๆว่า VFS (ถ้าเราจะยื่นขอวีซ่าประเภทท่องเที่ยวระยะสั้น ต้องยื่นขอผ่านที่นี่ค่ะ )
http://www.vfsglobal.com/italy/thailand/thai/
คืองี๊ค่ะ เท่าที่ได้ยินมาและประสบการณ์ของตัวเอง ส่วนมาก การอนุมัติวีซ่าท่องเที่ยว แบบ Multi (เข้า-ออก กลุ่มประเทศเชงเก้นได้มากกว่า
1 ครั้งซึ่งให้ระยะเวลาพำนักได้สูงสุดไม่เกิน 90 วัน จะพิจารณาให้ตาม กำหนดการเดินทางของผู้ขอ และระยะเวลาของประกัน
ที่ผู้ขอวีซ่าซื้อ (การขอวีซ่าเชงก้นต้องมีประกันภัยการเดินทางและค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศด้วยค่ะ) เช่น
คุณวางแผน ว่า จะเดินทางไปเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1-15 มกราคม 2558 (15 วัน) จองตั๋วเครื่องบิน เป๊ะ คือบินไปวันที่ 1 กลับวันที่ 15
ซื้อประกันที่คุ้มครอง 15-30 วัน ความเป็นไปได้ที่คุณจะได้วีซ่า 15 วันเป๊ะๆ หรือแถมมาให้แค่ 1 วัน 2 วัน มีสูงค่ะ
แต่สำหรับ จขก. ครั้งนี้ ต้องการวีซ่าให้ครอบคุมระยะเวลา 90 วัน แต่จำนวนวันพำนักรวมที่จะอยู่ในกลุ่มใประเทศเชงเก้นประมาณ 30 วัน
และต้องการความยืดหยุ่นค่ะ เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน ที่เราต้องเปลี่ยนแผน หรือ เราอยากไปเที่ยวอีก
แบบโอ๊ว!!! โปรโมชั่น ตั๋ว เครื่องบินออกมายั่วต่อม Wonderlust อะไรประมาณนั้น
เราก็ไม่ต้องยุ่งยากและเสียเวลา เสียเงิน ไปขอวีซ่าอีก.... แต่ถ้าใครอยากได้เวลาพำนักเต็มๆ 90 วัน ก็ลองวางแผนดูนะคะ
***ดังนั้น จึงขอใช้ ความแกมโกง (อิอิ) เพื่อความอยู่รอด โดย***
1. วางแผนหลอก โดย ทำแผนการเดินทาง 2 ช่วง คือ ทำแผนการเดินทาง ของ วันที่ 11 ต.ค.2557 - 26 ต.ค.2557
และ ของ วันที่ 27 ธ.ค.2557- 8 ม.ค.2558 ขอย้ำว่า นับวันให้ถูกนะคะ คือรวมกัน ต้องห้ามเกิน 30 วัน
(อาจจะเหนื่อยหน่อย เพราะต้องหาข้อมูล ที่ๆ เราจะไม่ไป เพิ่ม แต่ แต่ แต่ เก็บไว้ได้หนิ มีตังค์ มีเวลา ก็จัดไปสิ จริงมะ ? )
2. จองตั๋วเครื่องบินหลอก 2 ช่วง ให้ไป-กลับ ตามแผน บอกเจ้าหน้าที่ที่เราติดต่อจองตั๋วด้วยนะคะว่า เราจะนำไปยื่นวีซ่า
เค้าจะส่ง เอกสารยืนยันการจองตั๋วให้เราทาง E-mail เราก็ปริ้นไปใช้ยื่นวีซ่าได้เลยค่ะ
3. ซื้อประกัน ให้ครอบคลุม 90 วัน หรือถ้าใครมีโอกาสได้เดินทางบ่อยๆ ซื้อเป็นรายปีไปเลย ราคาเฉลี่ยถูกกว่า คุ้มครองมากกว่า
(รายชื่อ บริษัท ประกัน ที่ทางสถานทูตยอมรับ มีรายละเอียดบอกไว้บน Website ของ VFS
http://www.vfsglobal.com/italy/thailand/thai/ ค่ะ)
4. ที่พักก็จองหลอกสิคะ ^^ ส่วนมาก จขก.ใช้บริการ
http://www.booking.com/
เพราะ สามารถยกเลิกการจองล่วงหน้าได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ***แต่ต้องดูเงื่อนไขการยกเลิกด้วยนะคะ อย่าเพลิน***
อีกอย่าง จขก.ได้เป็นลูกค้าระดับ Genius ของเค้า จึงมี Deal กับข้อเสนอดีๆ มายั่วต่อม Wonderlust ตลอด
เอกสารการจองที่พัก เราสามารถปริ้น จาก E-mail ที่เราได้รับการยืนยันการจอง แล้วนำไปใช้ยื่นวีซ่าได้เลยค่ะ
5. ส่วนเอกสารอื่นๆ เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลค่ะ เน้น ตรวจสอบรายละเอียดให้ถูกต้อง เช่น ชื่อ- นามสกุล ตรงกับ Passport เรามั๊ย,
update เอกสารให้เป็นปัจจุบัน ตามเงื่อนไขของสถานทูต
เอกสารอะไรที่เป็นภาษาอังกฤษได้ ให้ออกเอกสารเป็นภาษาอังกฤษหรือแปลเป็นภาษาอังกฤษ นะคะ
อย่าลืม สำเนาเอกสารทุกอย่าง ไว้ซัก 2 ชุด สำหรับยื่นวีซ่า ตัวจริง+สำเนา 1 ชุด อีก 1 ชุด เก็บไว้เผื่อมีปัญหา
ถ้าทางสถานทูตหรือ ตัวแทนรับยื่นขอวีซ่า (VFS) เค้าไม่ใช้ เค้าจะคืนเราเองค่ะ เหลือดีกว่าขาด ค่ะ
เค้าจะมี Check List ( รายการเอกสาร) ให้เราปะหน้าเอกสารทั้งหมดค่ะ เราก็ตรวจสอบให้ครบ ตามเงื่อนไขในเอกสาร
จขก. เลือกที่จะเตรียมทุกอย่างเผื่อไว้ ดีกว่าต้องวิ่งวุ่น ตอนที่ไปยื่นขอวีซ่าครั้งล่าสุด เห็นคนส่วนมาก วิ่งวุ่น ถ่าย
เอกสาร, หาที่แปลเอกสาร, เอกสาร ไม่ update , เอกสารไม่ครบ เหนื่อยแทนค่ะ ขนาด Agency, บริษัททัวร์ พาลูกค้าไปยื่นขอวีซ่า
ก็ยังเห็น ความไม่พร้อม เอ่อ...ไม่ได้ ... กะเค้านะคะ แค่เจ้าระเบียบ นิดหน่อย ^^
ตัวอย่าง แผน (หลอก) ที่ใช้ยื่นขอวีซ่า ค่ะ
ผลวีซ่าที่ได้ คือ สามารถพำนักอยู่ได้รวม 30 วัน (เข้า-ออก ได้หลายครั้ง) ในระยะเวลา 90 วัน ตามต้องการค่ะ
และ ยื่นขอวีซ่าไป 3 วันก็ได้รับผล
ขอเล่าเพิ่มอีกนิดค่ะ ก่อนยื่นวีซ่าก็หวั่นๆนิดหน่อย เพราะไม่เคยยื่นขอวีซ่าเชงเก้นที่ประเทศไทยเลย
ที่ผ่านๆ มา ขอวีซ่าเชงเก้นที่ ตัวแทน VFS ในประเทศอังกฤษตลอด และจขก. ไม่เคยได้ระยะเวลาพำนักต่ำกว่า 30 วันค่ะ
เลยเกิดอาการลุ้น ตุ้มๆ ต่อมๆ
******************************************************************************************************
เอาหล่ะ ได้วีซ่าแล้ว ซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว เราก็ไปตามแผน จริง ที่เราซ่อนไว้ ได้ละ ไปกันเลย
[CR] # 15 วัน เที่ยวยุโรป 5 ประเทศ 11 เมือง by Lots of Love to Travel
ก่อนอื่นต้องขอฝากเนื้อฝากตัว เพราะ เป็นกระทู้แรกในชีวิต ค่ะ
หลังจากการตัดสินใจ ทิ้ง Comfort Zone (บ้าน) ไปใช้ชีวิตในต่างแดนคนเดียวเป็นเวลาร่วม 4 ปี เดินทางท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ด้วยตัวเอง ทำให้ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น (โดยเฉพาะได้รู้ว่า เรา (บ้า) รักการท่องเที่ยวขนาดไหน ) และได้รู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดจากการเดินทางไม่ใช่จุดหมายว่าคุณไปถึงกี่ที่ แต่สิ่งที่ได้ระหว่างทาง มีค่ามากกว่านั้น ยิ่งเดินทางมากเท่าไร ยิ่งรู้ว่าโลกใบนี้กว้างมว๊ากกกจริงๆ
ร่วม 5 ปี ในการค้นพบตัวเอง ว่า เป็น โรค Wonderlust ( ตามที่น้อง หมอๆตะลุย โลก ได้นิยามไว้ ) ฝึกวิทยายุทธ์ ท่องเที่ยวไป ตามสไตล์ ของตัวเอง เก็บสิ่งต่างๆไว้ในความทรงจำและภาพถ่าย แค่นั้น
จนเมื่อวานนี้ เพิ่งเกิดแรงบันดาลใจ อ๊ะ! อยากเป็นเจ้าของกระทู้ กับเค้าบ้าง (เพราะล้วงข้อมูลจากกระทู้ของคนอื่นไปประกอบการวางแผนการท่องเที่ยวของตัวเองมาเยอะแล้ว ) ต้องขอบอกว่า วิธีการวางแผน เรื่องราว และข้อมูลต่างๆ ในกระทู้นี้ เป็นการท่องเที่ยวสไตล์ ของตัวเองนะคะ แต่อย่างไรก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับทุกๆ ท่าน ที่เข้ามาอ่านค่ะ
เกริ่นนำ พอสมควรแล้ว เริ่มเดินทางไปด้วยกันเลยดีกว่านะคะ
*** ทริปนี้ เป็นทริป ล่าสุด เลยขอนำมา ลงกระทู้ก่อน ส่วน ทริปอื่นๆ จะตามมาเรื่อยๆ ถ้ามีกำลังใจ จากมิตรรักแฟนเพลง เอ๊ยย++ ***
โดยทริปนี้มีโจทย์ ว่า
1. เที่ยวให้อยู่ในงบไม่เกิน 60,000 บาท รวมทุกอย่าง (แต่ไม่รวมค่าของฝากนะคะ)
2. มีเวลาแค่ 15 วัน อ่ะ ต้องไปเมืองที่อยากจะไปให้ครบ (จริงๆ ถ้าไม่รวมเวลาบนเครื่องบิน ก็มีเวลาเที่ยวจริงๆ แค่ 13 วัน กว่า ๆ)
Plan (วางแผนการท่องเที่ยวแบบ ช้านอยากไปไหน ก่อน)
BKK --> Milan --> Lake Como --> Verona --> Bologna --> Florence --> Venice --> Milan ( Italy)
Milan --> Prague --> Chesky Krumlov --> Prague ( Cz Republic)
Prague --> Vienna --> Hallstatt (Austria)
Vienna --> Budapest (Hungary)
Budapest--> Moscow (Russia) *** เมืองนี้แถมเพราะต้องต่อเครื่องกลับประเทศไทย
Moscow--> BKK
อาจมีคำถามอยู่ในใจของผู้อ่าน ว่า ไป Italy ทำไมไม่มี Rome กับ Pisa อยู่ในแผน (จขก.คิดเอง ว่าน่าจะมีคนสงสัย )
ขอทึกทักตอบว่า จขก. เคยไปมาแล้ว จึงตัดออกเพราะเวลาในครั้งนี้มีไม่พอ ( อย่างไร จะเขียน กระทู้ ประเทศ Italy ฉบับสมบูรณ์ ให้อ่านกันนะคะ)
มาต่อค่ะ ^^
จขก. ไม่ขอ อธิบายละเอียดเรื่อง วางแผนอย่างไร , หาข้อมูลอย่างไร, จองที่พักอย่างไร, จองตั๋วเครื่องบินอย่างไร, เตรียมเอกสารและยื่นขอวีซ่าอย่างไร นะคะ เพราะคิดว่าผู้อ่าน น่าจะมีข้อมูลแน่น จากกระทู้ดีๆ เริ่ดๆ ของ ท่านอื่นๆ แล้ว แต่จะแทรกสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์ไว้เรื่อยๆ นะคะ
หรือ ถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมจริงๆ ขอฝาก
https://www.facebook.com/pages/Lots-of-Love-to-Travel/1511975042385574
ไว้สำหรับผู้ที่ต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างๆ ค่ะ
******************************************************************************************************
บิน จาก BKK --> Milan (Italy)
การเดินทางจาก กรุงเทพฯ ไป Milan ครั้งนี้ ใช้บริการของสายการบิน Aeroflot (ชั้นประหยัด) ในราคา 27, 445 บาท+ ค่าบริการตัดบัตรเครดิต 800 บาท = 28,245 บาท ค่ะ เพราะ จขก.เช็คราคา แล้วเป็นราคาที่รับได้ , เวลาของ Flight บิน ก็ตรงตามความต้องการ และ จขก.ต้องการแวะเที่ยว Moscow อีกที่เป็นของแถมเพื่อให้คุ้มค่ากับเงิน ที่เสียไป ^^
ซื้อตั๋ว แบบ Multi City ค่ะ คือ
ขาไป จาก BKK-->Milan (ต่อเครื่องที่ Moscow)
ขากลับ กลับจาก Budapest --> BKK (ต่อเครื่องที่ Moscow)
เพราะไม่ต้องการย้อนกลับไป Milan (เปลืองเงินค่าเดินทางย้อนไป Milan เพิ่ม และ เสียเวลา) ค่าตั๋วเครื่องบินก็ไม่ได้ต่างกัน
สายการบิน Aeroflot เป็นสายการบินของประเทศรัสเซียค่ะ ดังนั้นต้องต่อเครื่องที่ Moscow สนามบิน Sheremetyevo International Airport
CR : รูปภาพจาก www.aeroflot.ru/
ไม่ได้ถ่ายรูประหว่างอยู่บนเครื่องบินไว้เลยค่ะ ขอเล่าเรื่องการบริการแทนนะคะ
จขก.จองตั๋วเครื่องบินกับทาง http://www.bkkfly.com/ ด้วยเหตุผลที่ว่า
- ลองเช็คราคาจากเว็บอื่นๆ เช่น
https://www.kayak.com/
http://www.skyscanner.co.th/
แล้ว ราคาไม่สวย
- ตอนจองตั๋วเครื่องบิน เพื่อขอวีซ่า จขก. จองตั๋วหลอก คือหมายถึง จองตั๋วเพื่อให้ครอบคลุมเวลาที่เราต้องการจะได้วีซ่าแบบ Multi ให้ยาว
ที่สุด (โดยที่ยังไม่ต้องชำระเงิน แต่ได้หลักฐานการจองตั๋ว) แล้วเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายครั้งมาก เพราะ วางแผน ไม่ลงตัว
แต่เจ้าหน้าที่ของ http://www.bkkfly.com/ ก็น่ารักมาก ให้บริการเป็นอย่างดี
ส่วนการบริการของสายการบิน Aeroflot - พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน, สิ่งอำนวยความสะดวก, อาหาร, ความตรงต่อเวลา
เป็นที่น่าพอใจนะคะ สำหรับการใช้บริการกับสายการบินนี้เป็นครั้งแรก
ยกเว้น ตอนขากลับ รอต่อเครื่องที่ Moscow ไว้จะเล่าเมื่อเขียนถึงตอนนั้นนะคะ
******************************************************************************************************
ว่าด้วยเรื่อง วีซ่า เชงเก้น (Schengen Visa)
*** บางท่านอาจจะสงสัยว่า แล้วทำยังไงล่ะ ไอ้จองตั๋วเพื่อให้ครอบคลุมเวลาที่เราต้องการจะได้วีซ่า ***
อ่อ ลืมบอกว่า ทริปนี้ จขก. ยื่นขอวีซ่าเชงเก้น กับประเทศ Italy โดยผ่าน ศูนย์ยื่นวีซ่าประเทศอิตาลีประเทศไทยในกรุงเทพฯ
หรือเรียกง่ายๆว่า VFS (ถ้าเราจะยื่นขอวีซ่าประเภทท่องเที่ยวระยะสั้น ต้องยื่นขอผ่านที่นี่ค่ะ )
http://www.vfsglobal.com/italy/thailand/thai/
คืองี๊ค่ะ เท่าที่ได้ยินมาและประสบการณ์ของตัวเอง ส่วนมาก การอนุมัติวีซ่าท่องเที่ยว แบบ Multi (เข้า-ออก กลุ่มประเทศเชงเก้นได้มากกว่า
1 ครั้งซึ่งให้ระยะเวลาพำนักได้สูงสุดไม่เกิน 90 วัน จะพิจารณาให้ตาม กำหนดการเดินทางของผู้ขอ และระยะเวลาของประกัน
ที่ผู้ขอวีซ่าซื้อ (การขอวีซ่าเชงก้นต้องมีประกันภัยการเดินทางและค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศด้วยค่ะ) เช่น
คุณวางแผน ว่า จะเดินทางไปเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1-15 มกราคม 2558 (15 วัน) จองตั๋วเครื่องบิน เป๊ะ คือบินไปวันที่ 1 กลับวันที่ 15
ซื้อประกันที่คุ้มครอง 15-30 วัน ความเป็นไปได้ที่คุณจะได้วีซ่า 15 วันเป๊ะๆ หรือแถมมาให้แค่ 1 วัน 2 วัน มีสูงค่ะ
แต่สำหรับ จขก. ครั้งนี้ ต้องการวีซ่าให้ครอบคุมระยะเวลา 90 วัน แต่จำนวนวันพำนักรวมที่จะอยู่ในกลุ่มใประเทศเชงเก้นประมาณ 30 วัน
และต้องการความยืดหยุ่นค่ะ เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน ที่เราต้องเปลี่ยนแผน หรือ เราอยากไปเที่ยวอีก
แบบโอ๊ว!!! โปรโมชั่น ตั๋ว เครื่องบินออกมายั่วต่อม Wonderlust อะไรประมาณนั้น
เราก็ไม่ต้องยุ่งยากและเสียเวลา เสียเงิน ไปขอวีซ่าอีก.... แต่ถ้าใครอยากได้เวลาพำนักเต็มๆ 90 วัน ก็ลองวางแผนดูนะคะ
***ดังนั้น จึงขอใช้ ความแกมโกง (อิอิ) เพื่อความอยู่รอด โดย***
1. วางแผนหลอก โดย ทำแผนการเดินทาง 2 ช่วง คือ ทำแผนการเดินทาง ของ วันที่ 11 ต.ค.2557 - 26 ต.ค.2557
และ ของ วันที่ 27 ธ.ค.2557- 8 ม.ค.2558 ขอย้ำว่า นับวันให้ถูกนะคะ คือรวมกัน ต้องห้ามเกิน 30 วัน
(อาจจะเหนื่อยหน่อย เพราะต้องหาข้อมูล ที่ๆ เราจะไม่ไป เพิ่ม แต่ แต่ แต่ เก็บไว้ได้หนิ มีตังค์ มีเวลา ก็จัดไปสิ จริงมะ ? )
2. จองตั๋วเครื่องบินหลอก 2 ช่วง ให้ไป-กลับ ตามแผน บอกเจ้าหน้าที่ที่เราติดต่อจองตั๋วด้วยนะคะว่า เราจะนำไปยื่นวีซ่า
เค้าจะส่ง เอกสารยืนยันการจองตั๋วให้เราทาง E-mail เราก็ปริ้นไปใช้ยื่นวีซ่าได้เลยค่ะ
3. ซื้อประกัน ให้ครอบคลุม 90 วัน หรือถ้าใครมีโอกาสได้เดินทางบ่อยๆ ซื้อเป็นรายปีไปเลย ราคาเฉลี่ยถูกกว่า คุ้มครองมากกว่า
(รายชื่อ บริษัท ประกัน ที่ทางสถานทูตยอมรับ มีรายละเอียดบอกไว้บน Website ของ VFS
http://www.vfsglobal.com/italy/thailand/thai/ ค่ะ)
4. ที่พักก็จองหลอกสิคะ ^^ ส่วนมาก จขก.ใช้บริการ http://www.booking.com/
เพราะ สามารถยกเลิกการจองล่วงหน้าได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ***แต่ต้องดูเงื่อนไขการยกเลิกด้วยนะคะ อย่าเพลิน***
อีกอย่าง จขก.ได้เป็นลูกค้าระดับ Genius ของเค้า จึงมี Deal กับข้อเสนอดีๆ มายั่วต่อม Wonderlust ตลอด
เอกสารการจองที่พัก เราสามารถปริ้น จาก E-mail ที่เราได้รับการยืนยันการจอง แล้วนำไปใช้ยื่นวีซ่าได้เลยค่ะ
5. ส่วนเอกสารอื่นๆ เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลค่ะ เน้น ตรวจสอบรายละเอียดให้ถูกต้อง เช่น ชื่อ- นามสกุล ตรงกับ Passport เรามั๊ย,
update เอกสารให้เป็นปัจจุบัน ตามเงื่อนไขของสถานทูต
เอกสารอะไรที่เป็นภาษาอังกฤษได้ ให้ออกเอกสารเป็นภาษาอังกฤษหรือแปลเป็นภาษาอังกฤษ นะคะ
อย่าลืม สำเนาเอกสารทุกอย่าง ไว้ซัก 2 ชุด สำหรับยื่นวีซ่า ตัวจริง+สำเนา 1 ชุด อีก 1 ชุด เก็บไว้เผื่อมีปัญหา
ถ้าทางสถานทูตหรือ ตัวแทนรับยื่นขอวีซ่า (VFS) เค้าไม่ใช้ เค้าจะคืนเราเองค่ะ เหลือดีกว่าขาด ค่ะ
เค้าจะมี Check List ( รายการเอกสาร) ให้เราปะหน้าเอกสารทั้งหมดค่ะ เราก็ตรวจสอบให้ครบ ตามเงื่อนไขในเอกสาร
จขก. เลือกที่จะเตรียมทุกอย่างเผื่อไว้ ดีกว่าต้องวิ่งวุ่น ตอนที่ไปยื่นขอวีซ่าครั้งล่าสุด เห็นคนส่วนมาก วิ่งวุ่น ถ่าย
เอกสาร, หาที่แปลเอกสาร, เอกสาร ไม่ update , เอกสารไม่ครบ เหนื่อยแทนค่ะ ขนาด Agency, บริษัททัวร์ พาลูกค้าไปยื่นขอวีซ่า
ก็ยังเห็น ความไม่พร้อม เอ่อ...ไม่ได้ ... กะเค้านะคะ แค่เจ้าระเบียบ นิดหน่อย ^^
ตัวอย่าง แผน (หลอก) ที่ใช้ยื่นขอวีซ่า ค่ะ
ผลวีซ่าที่ได้ คือ สามารถพำนักอยู่ได้รวม 30 วัน (เข้า-ออก ได้หลายครั้ง) ในระยะเวลา 90 วัน ตามต้องการค่ะ
และ ยื่นขอวีซ่าไป 3 วันก็ได้รับผล
ขอเล่าเพิ่มอีกนิดค่ะ ก่อนยื่นวีซ่าก็หวั่นๆนิดหน่อย เพราะไม่เคยยื่นขอวีซ่าเชงเก้นที่ประเทศไทยเลย
ที่ผ่านๆ มา ขอวีซ่าเชงเก้นที่ ตัวแทน VFS ในประเทศอังกฤษตลอด และจขก. ไม่เคยได้ระยะเวลาพำนักต่ำกว่า 30 วันค่ะ
เลยเกิดอาการลุ้น ตุ้มๆ ต่อมๆ
******************************************************************************************************
เอาหล่ะ ได้วีซ่าแล้ว ซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว เราก็ไปตามแผน จริง ที่เราซ่อนไว้ ได้ละ ไปกันเลย