รัก 2 เศร้า เรา 4 คน

สวัสดีชาวพันทิปทุกคนนะคะ แฝงตัวอยู่ในนี้มานาน อ่านเรื่องของหลายๆคนมาก็เยอะ

วันนี้เลยแอบขอยืมไอดีเพื่อนมาตั้งกระทู้เพื่อแบ่งปันเรื่องราวของตัวเองบ้าง

เรื่องของเราเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้วค่ะ อยู่ๆ แฟนที่เราคบมา เกือบ 12 ปีก็โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊คว่า

"เราเป็นเพื่อนกันเถอะ"

ขอเริ่มเรื่องเลยนะคะ

เรา 2 คน เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม คบกัน ก็มีเรื่องทะเลาะกันบ้างตามประสา
จนจบมัธยมก็แยกย้ายกันไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย ที่ตัวเองเลือก
แต่สุดท้าย เราก็ได้มาเรียนที่เดียวกันอีกจนได้ !!!
เราทั้งคู่เรียนไป ทำงานไป หารายได้ช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้าน
แฟนเราจะไปรับ ไปส่งเราทุกวัน จนเราตัดสินใจขออนุญาตพ่อ ให้แฟนเราเข้ามาอยู่ทึ่บ้านด้วย
เพราะค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง ค่อนข้างสูง ซึ่งพ่อเองก็ไม่ได้ว่าอะไร
เราสองคนคบกันโดยมีผู้ใหญ่รับรู้ทั้ง 2 ฝ่าย เข้านอกออกในบ้านกันได้เป็นประจำ
พอขึ้นปี 4 ต่างคนต่างต้องแยกย้ายกันไปฝึกงาน
พอดีกับทางมหาวิทยาลัยมีโครงการครูอาสาไปฝึกสอนที่อเมริกา 1 ปี
แฟนเราเลยลองไปสอบดู ปรากฎว่า สอบติดค่ะ เราเองก็ สองจิต สองใจ
ถามว่ากลัวมั๊ย??? ว่าถ้าเค๊าไปแล้วทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม "กลัว" ค่ะ
แต่เรามั่นใจในความรักและความเชื่อใจของเราทั้งคู่

จนวันที่แฟนเราจะต้องเดินทางไปอเมริกา เราตกลงกันว่า
ตลอด 1 ปี เราเข้าใจว่า คุณต้องมีบ้าง อารมณ์เหงา อยากมีเพื่อน
เราไม่ว่า ถ้าคุณจะมีอะไรกับใคร!! (ก็ผู้ชายนี่คะ)
แต่ขอนะ 1 ปีกลับมา ทุกอย่างจะต้องเป็นเหมือนเดิม ซึ่งเราทั้งคู่ต่างยอมรับในข้อตกลง
ช่วงแรกๆที่แฟนเราไป ยอมรับค่ะว่านอนร้องไห้ทุกคืน เพราะเราไม่เคยห่างกันแบบนี้เลย แทบจะตัวติดกันตลอด
เรา email หาแฟนเราทุกวัน เล่าชีวิตประจำวันของตัวเองให้แฟนเราฟังทุกวัน
เพราะเวลาเราไม่ตรงกัน พยายามใช้ internet ให้เป็นประโยชน์
เราตั้งนาฬิกาปลุก เปิดคอมรอ แทบทุกคืน เพื่อที่จะได้ เปิดกล้องคุยกัน
ถึงจะเป็นช่วงเวลาไม่กี่นาที แต่มันก็ทำให้เรามีความสุข จนพักหลังๆ ทั้งคู่เริ่มห่างกันไป ด้วยงานและหน้าที่
ช่วงนั้นเรามีคนเข้ามาคุยด้วยพอดี แต่เราไม่ได้คิดอะไรกับคนที่เข้ามาคุยด้วยจริงๆ
เราจะบอกตั้งแต่เริ่มมาคุยว่าเรามีแฟนแล้ว ถ้าแฟนกลับมาก็คงไม่คุยแบบนี้แล้วนะ !!!
ช่วงที่แฟนไปอเมริกา เราก็เข้าไปบ้านแฟนเราบ้างแต่ไม่บ่อย เพราะต้องทำงาน แค่แวะเข้าไปทักทายบ้าง บางครั้ง
จนครบปี วันที่แฟนเรากลับมา รู้สึกรอคอยวันนี้มานานมาก
เจอกันที่สนามบิน เรากอดกันโดยที่ไม่สนใจใครจะมอง คิดถึงค่ะ!!! มองผ่านกล้องยังไง มันก็สู้ เห็นตัวเป็นๆ ไม่ได้ จริงมั๊ยคะ??
หลังจากกลับมาเราก็เลิกคุยกับผู้ชายคนนั้น แล้วเราก็มีชีวิตแบบปกติเหมือนก่อนที่แฟนเราจะไป

จนแฟนเราได้งานที่โรงเรียนมัธยม แถวๆบ้าน ส่วนเราก็สอนอยู่อีกที่นึง
เราจะมีเวลาช่วงเย็นๆ เข้าไปช่วยงานแฟนเราที่โรงเรียน ครูที่ รร. จะรู้จักเราดี จนมีครูผู้หญิงมาสมัครใหม่ เป็นรุ่นน้องของเราตอนสมัยมัธยม น้องรู้จักเราทั้งคู่ดี ยิ้มแย้ม ทักทายกันปกติตลอดทุกครั้งที่เจอกัน

แฟนเรากับน้องคนนี้เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น เพราะสอนอยู่หมวดเดียวกัน มีธุระด้วยกันบ่อยขึ้น แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไร
เพราะเห็นเป็นเพื่อนร่วมงาน อีกอย่าง น้องเค๊ามีแฟนแล้วค่ะ เราเลยเชื่อใจ เลยไม่คิดอะไรมาก

ปีแรก ที่น้องเค๊าเข้ามา ก็ยังไม่มีอะไร หรือเราไม่รู้ ก็ไม่ทราบ แต่พอครึ่งปีหลัง เริ่มมีอาการแปลกๆ ค่ะ
แฟนเริ่มตื่นแต่เช้า บอกจะออกไปวิ่งออกกำลังกาย แรกๆก็พอเข้าใจค่ะ ตี 5 ตื่นวิ่ง
แต่พักหลังนี่ ตี 3 บางทีก็ไม่หลับไม่นอนเหมือนรอเวลา จนเราเริ่มสงสัย
เลยถามแฟนเราว่าเป็นอะไรรึป่าว นอนไม่หลับหรอ แฟนเราก็ปฏิเสธค่ะ ว่าไม่มีอะไร
ด้วยความสงสัย เราเลยแอบดูโทรศัพท์ (ปกติเป็นคนไม่ค่อยยุ่ง ไม่ค่อยเช็คโทรศัพท์) มีเบอร์น้องคนนี้โทรเข้าออก บ่อยมาก
เลยถามแฟนเราตรงๆ ว่า ทำไมโทรหากันบ่อยจัง มีธุระอะไรคุยกันแต่เช้าเลยหรอ ดึกดื่นก็โทรหากัน ยังไม่เสร็จงานรึไง
แฟนเราก็บอกว่าไม่มีอะไร น้องเค๊าโทรฟรี เพื่อนๆเลยใช้เบอร์น้องเค๊าติดต่อ

หลังจากนั้นเราก็เริ่มไม่ไว้ใจ หาทางจับผิดมาเรื่อยๆ มันก็ค่อยๆโผล่มาทีละนิด อะไรปล่อยผ่านได้ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
จนเราทนไม่ไหว เลยทะเลาะกัน แต่เราขอคุยกะแฟนเราดีๆนะคะ ว่าทำไมทำแบบนี้ น้องเค๊ามีแฟนแล้ว อย่าไปทำให้เค๊าทะเลาะกันสิ่!!
แฟนเราบอกว่าจะเลิกยุ่ง เลิกโทรหาค่ะ เราก็เชื่อ!!!

เพื่อตัดปัญหาเราเลยโทรไปหา น้องเค๊าเลย คุยกับน้องเค๊าตรงๆ (ด้วยความสุภาพ)
บอกว่า พี่ขอโทษแทนแฟนพี่ด้วยที่โทรไปรบกวน พี่รู้ว่าน้องมีแฟนอยู่แล้ว น้องคงไม่อยากให้เค๊าโทรไปแบบนี้ ถ้ายังไง พี่รบกวนน้องพูดกับแฟนพี่ไปตรงๆเลยได้มั๊ยว่า อย่ามารบกวนอีก
หรือไม่ก็โทรมาบอกพี่ก็ได้ เวลาที่แฟนพี่โทรไป เดี๋ยวพี่จัดการแฟนของพี่เอง

น้องเค๊าก็บอกกลับมาค่ะว่า นู๋ก็รู้นะพี่ ว่าพี่รู้สึกยังไง นู๋เข้าใจ นู๋ก็บอกพี่เค๊าแล้วว่ามันไม่ดี อย่าทำแบบนี้
แต่นู๋ไม่ได้คิดอะไรกับแฟนพี่จริงๆ แฟนนู๋ก็มี พี่ไม่ต้องห่วงค่ะ

พอได้ยินคำยืนยันจากปากผู้หญิง เราก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อยค่ะ ว่าตบมือข้างเดียวไม่ดัง
แต่ป่าวเลย แฟนเรายังพยายามแอบโทรหากันทุกเช้า จนเรายื่นคำขาดว่า จะเอายังไง
ครั้งแรกเรายอมให้อภัย แต่ครั้งสอง เราคงจะไม่พูดอะไรแล้ว ถ้าจับได้อีกครั้ง เราจะเป็นฝ่ายไปเอง จะไม่รั้งเอาไว้เลย
แฟนเราก็บอกว่า ครั้งนี้จะเลิกยุ่งจริงๆแล้วค่ะ!!!

จนเรื่องทุกอย่างดูปกติ ไม่มีเบอร์น้องคนนั้นโทรเข้าออก ไม่มีวี่แววการคุยกันนอกจากเรื่องงาน
จนมีอยู่ช่วงนึง แฟนเราบอกว่า งานเยอะมาก เหนื่อย ขอกลับไปอยู่บ้านเพราะใกล้ที่ทำงานมากกว่า จะกลับมาบ้านเราอาทิตย์ละ 3 วัน
เราก็ไม่ว่าอะไรค่ะ คนทำงาน เราก็พอจะเข้าใจได้ เราเริ่มห่างกัน แต่ยังโทรหากันเป็นเวลาปกติ คุยกันน้อยลง เจอกันน้อยลง
บางวันแฟนเราบอกไม่สบาย บางวันก็นอนเร็ว ด้วยความที่เราเป็นห่วง และไว้ใจ เราก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่บอกให้กินยาแล้วพักผ่อนเยอะๆ
เรื่องผ่านไป 1 ปี เราไม่ได้ทะเลาะกันอีกเลย
(ปกติเราเป็นคนไม่ชอบชวนทะเลาะ เพราะคิดว่าเรื่องงานก็เยอะพออยู่แล้ว ถ้ามานั่งจับผิดกันมากๆ ก็คงจะไม่ดี )

เราไม่ได้เข้าไปที่โรงเรียนแฟนเราเหมือนปีก่อนๆ เพราะแฟนเราบอกไม่ต้องเข้าไป
แต่มีอยู่ครั้งนึงเราเข้าไปรับแฟนเราที่โรงเรียน แล้วเรานั่งรอในรถ
มีเด็กนักเรียนเดินมาแล้วคิดว่าเราคือน้องคนนั้นมาเคาะกระจกเรียกค่ะ เราเลยรู้สึกตะหงิดๆ
พอเดินลงไป เจอน้องเค๊า แล้วเค๊าหลบหน้าหนีเรา แต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไรนะคะ คิดว่าคงไม่กล้าสู้หน้าเพราะเรื่องเก่า ๆ

จนแฟนเราสอบบรรจุได้ที่ต่างจังหวัด ทางโรงเรียนจะพาไปดูสถานที่ก่อนย้ายไปอยู่ เค๊า 2 คน ก็ไปด้วยกัน
( เราไม่เคยสบายใจเลย ทุกครั้ง ที่รู้ว่าเค๊าจะต้องไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่เราไม่เคยพูดหรือแสดงท่าทีให้สงสัย )

จนวันที่ต้องย้ายไปจริงๆ เราก็ขับรถไปส่งแฟนเรา พาไปทำเรื่องต่างๆนานา จนเสร็จ แฟนขอให้เราอยู่เป็นเพื่อนคืนนึงแล้วค่อยกลับ
ช่วงแรกๆ แฟนเรากลับบ้านทุกอาทิตย์ค่ะ แต่หลังๆนี่ 2 อาทิตย์กลับที บางเดือนนี่ เป็นเดือนสองเดือนเลย
บางอาทิตย์ก็บอกเราว่าจะไปเที่ยวบ้านเด็กที่โรงเรียน อาจจะไม่มีสัญญานโทรศัพท์นะ มีอบรมมีสัมนา ถ้าว่างจะโทรหาเอง
มีอาทิตย์นึงแฟนเราอ้างว่าต้องไปอบรมครูฝึก รด. หลายวัน เดี๋ยวว่างจะโทรหา
เราก็ได้แต่บอกว่า ไม่เป็นไร!! แต่ก็แอบน้อยใจว่าไม่คิดถึงกันบ้างรึไง จนเรื่องเกิด!!!

วันนั้นเราโทรคุยกันปกติค่ะ บอกรักกันเหมือนทุกวัน ไม่มีการทะเลาะอะไรกันทั้งสิ้น แต่หลังจากผ่านไปแค่ ชม. เดียว แฟนเราโพสต์ข้อความบนเฟสบุ๊คว่า เราเป็นเพื่อนกันดีกว่า!!!
เราก็ตกใจค่ะ รีบโทรไปหาแฟนเรา คิดว่าต้องมีคนแกล้ง คงจะโดนเพื่อนแกล้งแน่ๆ
แต่!!!!  ปิดเครื่องค่ะ

ด้วยความร้อนใจ เราก็พยายามแฮคเข้าไปในเฟสบุ๊ค เพราะคิดว่าใครเอาไปเล่นรึป่าว
แฮคกันไป แฮคกันมา จนแฟนเราส่งข้อความเข้ามาในโทรศัพท์ว่า แฟนเราเป็นคนโพสต์เอง ไม่มีใครแฮคหรอก
แล้วแฟนเราก็ปิดโทรศัพท์หนีเราไปค่ะ ทิ้งความสงสัยไว้ให้เรา ว่าเกิดอะไร ยังไง???

ตอนนั้นยังไม่เชื่อตัวเองค่ะ นอนไม่หลับทั้งคืน พยายามโทรติดต่อแฟนเราจนเช้า แทบจะทุก 10 นาที

วันรุ่งขึ้น เราจำได้ว่าแฟนเราบอกว่าจะไปคุมเด็กเข้าค่าย รด. เราเลยโทรไปเช็คกับที่ค่ายค่ะ
แต่ได้คำตอบกลับมาว่าตอนนี้ที่ค่ายไม่มีการฝึกอบรมใดๆ
เรารู้สึกใจไม่ดี ทุกอย่างมันจุกอยู่ในอก เราเลยโทรไปหาเพื่อนของแฟนเรา ซึ่งเป็นครูที่โรงเรียนเก่า (เรารู้จักดี ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ)
โทรไปถามว่า แฟนเราโทรหาบ้างมั๊ย ?? มาปรึกษาอะไรรึเปล่า?? เพื่อนเค๊าบอกให้เราใจเย็นๆ เดี๋ยวเค๊าจะพยายามติดต่อให้

แฟนเราหายไป 2 วัน จนเราส่งข้อความไปในเฟสบุ๊คว่า ขอรู้เหตุผลได้มั๊ย?? มันมีเรื่องอะไร อย่าเงียบไปแบบนี้
ตอนนี้เราเริ่มทำใจแล้วค่ะ ว่าคงเป็นเรื่องจริง บ่ายนั้นแฟนเราก็โทรมาค่ะ
บอกเราว่า ไม่ต้องตามหาเค๊า เค๊าไม่ได้อยู่ที่ รร. เค๊าขออยู่คนเดียวซักพัก เค๊าไม่ได้มีใคร
เดี๋ยวจะติดต่อกลับมาเอง แล้วแฟนเราก็ตัดสายไปโดยที่เรายังไม่ทันพูดอะไรเลย

เราพยายามติดต่อแฟนเราผ่านเฟสบุ๊ค ทิ้งข้อความไว้ ว่า กลับมาคุยกันตรงๆ จะเลิกก็เลิกอย่าทำแบบนี้ กล้าทำก็กล้ารับความจริงหน่อย อย่าหนีปัญหา ตอนนั้นในหัวก็ยังไม่คิดว่าแฟนเราจะมีใคร จนมีเพื่อนมาถามว่า เห้ยยยย ไม่คิดว่ามันจะกลับไปคุยกะคนเดิมหรอ ????

เราเลยโทรไปหาน้องเค๊าเลยค่ะ ถามว่าได้ติดต่อกันบ้างมั๊ย แฟนเราได้โทรหารึป่าว
คำตอบที่ได้ก็คือ เฟสบุ๊คแฟนพี่นู๋ก็ไม่มี แฟนพี่ไปอยู่ที่นู่น นู๋ก็ไม่มีเรื่องอะไรจะติดต่อแฟนพี่นี่คะ
เราก็เลยไม่พูดอะไร กลับต่อว่าเพื่อนซะอีก ที่ไปโทษน้องเค๊าแบบนั้น

เราเลยตัดสินใจเข้าไปหาแม่ของแฟนเรา เพื่อให้แม่เค๊าช่วย เข้าไปก็เกรงใจ ไม่อยากให้เรื่องถึงผู้ใหญ่ แต่เราไม่ไหวแล้วจริงๆ
เลยคุยกะแม่ไปตรงๆ ว่า ลูกแม่บอกเลิกเราแล้วนะ แม่เค๊าก็นิ่งๆ ค่ะ แต่ซักพักคุยไปคุยมาก็ร้องไห้ไปกะเรา บอกว่าเข้าใจหัวอกนะ
แม่ก็สงสาร ไม่รู้จะทำยังไง เดี๋ยวแม่จะลองคุยให้ แม่ถามเราว่า แล้วพ่อเราจะว่ายังไง คงจะโกรธมากสิ่!!!
แล้วแม่ก็ถามคำถามที่ทำให้เราอึ้งไปว่า ถ้าแฟนเรามีคนอื่นจริงๆ เราจะยอมหลีกทางให้มั๊ย???
( กลายเป็นเราที่คบมา 11 ปี ต้องหลีกทางให้หรอ??? ทำไมถึงไม่ใช่คนที่เพิ่งเข้ามา )
แต่เวลานั้นก็ตอบไปว่า ถ้ามีคนอื่นจริงๆ เราจะยอมไปเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่