เรื่องราวของผู้หญิงคนนึงที่ได้แค่แอบชอบมานานหลายปี...จนวันที่เราได้แต่งงาน

เราชอบอ่านเรื่องราวในpantip มานานแล้ว บางเรื่องอ่านไปยิ้มไป จนมาเห็นกระทู้ที่ชื่อว่า "ลองคิดถึงความรู้สึกของคนที่ถูกตามหาผ่านเน็ต...ถึงสาวคนนั้นที่ไปเจอที่นั่นที่นี่"

(ขอออกตัวก่อนนะคะว่าเราไม่ใช่คนที่ถูกตามหา แต่เป็นคนที่ไปตามหาเค้า แหะๆ)

แล้วก็กระทู้ที่ชื่อว่า "อยากมีแฟนเป็นนายร้อย..." คิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะเล่าดีรึป่าว กลัวโดนโจมตี --" ด้วยความที่เราอยู่ในสังคมไทยส่วนใหญ่ผู้ ญ ต้องรอผู้ชายมาจีบจะดีงาม...แต่อีกใจก็อยากจะเป็นกำลังใจให้คุณสาวๆ ที่กำลังแอบปิ๊งใครอยู่ แต่ไม่กล้า พอดีเรื่องราวของเรามันไปตอบโจทย์บางมุมของกระทู้ที่เอ่ยชื่อไปข้างบน     


                          ขอย้อนไปเมื่อประมาณ สิบปีที่แล้วตอน จขกท.อยู่ม.2 วัยว้าวุ่นเลยตอนนั้น ..เถียงสิ่ยะว่าไม่เคยแอบมองใครตอนอายุเท่านั้น..ต้องมีบ้างแหละเนอะ

                 //เข้าเรื่องนะ..ต้องบอกว่าบ้านเราอยู่ ตจว. ที่บ้านจะสอนให้ทำบุญเข้าวัดเสมอ แต่เราก็ไปแค่วันสำคัญทางศาสนาแหละความจริง เค้าตื่นกันเช้านี่นา... ระหว่างที่นั่งสวดมนต์ไหว้พระ สายตาเราดันไปสะดุดคนคนนึง(ไม่ได้ตั้งใจสะดุดนะ ปกติเราสวดมนต์จะต้องหันหน้าไปทางพระแต่เขานั่งอยู่ข้างหน้าเราพอดี) ซึ่งหน้าตางั้นๆ พอไปวัดไปวา แต่ติดตรงที่ตัวเล็กไปนีส เค้าแก่กว่าเราประมาณสองปี

             ขอเรียกเค้าพี่ชาย แล้วกัน พี่ชายเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างดูเรียบร้อย หลังจากวันนั้นเราก็เห็นพี่ชายมาทำบุญเป็นประจำ จนทำให้เกิดความประทับใจแรก อาจเป็นเพราะเราไม่ค่อยเห็นผู้ชายเข้าวัดเข้าวาเท่าไรมั๊ง เอาหละทีนี้ไปทำบุญทีไรพี่เริ่มมีจุดประสงค์เพิ่มและ หุหุ  แต่ก็ได้แค่มองนะ  ใครจะไปกล้าทักเป็นผู้หญิงนี่นา ไม่มีช่องทางไหนเลยที่จะทำให้รู้จักกันได้

             ตอนนั้นรู้แค่ชื่อเล่น จริงๆ ได้แค่นั้น เพราะสัยนั้นยังไม่มีโทรศัพท์ก็ไม่มีเน็ตเล่นได้แต่เกมงูก็หรูแล้ว ไม่มีไลน์ เฟส หรือแม้แต่ msn อาจจะมีแต่เล่นไม่เป็น ...แต่ก็มีความสุขที่ได้มองโดยที่เค้าไม่เคยรู้เลย  #ดูโรคจิตมะ# ด้วยความที่บ้านเราค่อนข้างมีกรอบ ต้องไปเรียน กลับบ้านตรงเวลา ไม่ค่อยมีเพื่อนแถวบ้านเพราะเราไปเรียนในเมืองช่องทางเลยน้อยมาก


            แหล่งข่าวเดียวของเราคือคุณยาย ยายจะใส่บาตรหน้าบ้านกับคนอื่นๆแถวบ้านทุกวัน แล้วชอบมาอัพเดทให้คนในบ้านฟังต่อ 555 คนโน้นแต่งงาน คนนี้ป่วย คนนั้นหนีตามใครไปเรารู้หมด หลังจากนั้นก็เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ อีกประมาณปีกว่าๆ คุณยายก็มาอัพเดทให้ฟังว่าพี่ชายสอบติดโรงเรียนเตรียมทหาร


           ...ความประทับใจที่สองบังเกิด ยายเล่าว่าพี่ชายไม่ใช่คนเรียนเก่งเลยแต่ขยันมากไปเรียนพิเศษจังหวัดใกล้เคียงทุกอาทิตย์ ตื่นมาอ่านหนังสือตอนตีสีตีห้าทุกวัน (ที่ยายเล่าเพราะเราขี้เกียจอ่านหนังสือ..มาก ประเภทไม่เกินสามหน้าก็หลับอ่ะ)

       ..บัดนั้น..ข้าพเจ้าตาลุกวาว หลังจากไม่ได้ข่าวสารมานาน แอบกรี๊ดในใจอะไรกันนี่ เรียบร้อย ดูดีแล้วกำลังจะติดดาวด้วย (ตอนเด็กๆบ้าคนในเครื่องแบบมาก เรามองว่าเท่ห์ไงตามภาษาเด็ก)     
                                
           สองสามปีต่อมา วันนึงมีการ์ดงานบวชมาเชิญคนที่บ้าน แน่นอนที่สุดพี่ชายบวช เหมือนจะไม่เกี่ยวอะไรกับเราแต่ข้อมูลเล็กๆน้อยๆก็สำคัญกับเรามากนะ ถ้าคุณแิบชอบใครคุณจะเข้าใจ วันนั่นทำให้ได้รู้ชื่อจริงของเค้า  

           หลังจากนั้นผ่านไปสี่ห้าปีทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมเราเข้ามหาวิทยาลัย เขาก็เรียนของขาไปก็ได้แต่รอคอยวันหยุดยาวที่จะได้กลับบ้านเพื่อที่จะได้เจอ แต่ด้วยพาระหน้าที่ของเขาบางทีเราก็ไปด้วยความคาดหวังแต่ก็ไม่ได้เจอ คิดแล้วเศร้า ตอนนั้นเพลงโปรดคือ อ่าวจำชื่อเพลงไม่ได้ซะงั้น แต่มันร้องว่า ฉันรักเธอโดยที่ไม่รู้จัก ฉันรักเธอตั้งแต่แรกพบหน้าอ่ะค่ะ โฆษณาcannon อ่ะ ตอนนั้นรู้สึกว่สเพลงนี้เพราะมาก โดนสุดๆ ^เพ้ออยู่คนเดียว^ หลังจากได้ชื่อจริงเขามาแล้วแต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมอยู่ดี .


                     ...จนเราเข้ามหาวิทยาลัยเจอคนมากขึ้นมีคนนึงเข้ามาในชีวิต เราก็ต้องคิดว่าต้องอยู่กับความจริงบ้าง   พี่ชายคือคนที่อยู่ในจินตนาการเท่านั้นคงเป็นไปได้ (แต่แอบมองนะทุกครั้งที่กลับบ้านเลย) แต่คนที่เราคบไม่สามารถบอกที่บ้านได้เพราะบ้านเราหัวโบราณ ถ้าเรียนห้ามมีแฟนน่ะ


                จนกระทั่งเรียนจบรู้สึกได้รับอิสระเต็มที่ละ เราเข้าไปทำงานในกทม. เมืองศิวิไลของใครหลายๆคนรวมทั้งเราด้วย ที่ชอบเพราะสะดวกสบายแต่เบื่อรถติดมว๊ากก...นอกเรื่องอีกและ  

               เรามาอยู่กทม.กับเพื่อนสนิทเช่าหออยุ่ด้วยกันทำงานที่เดียวกัน (ผู้ ญนะจ๊ะ)  ..และแล้ววันนึงเราก็มีเหตุต้องเลิกลากับคนที่คบด้วย อ่าทีนี้นานๆไปเริ่มเหงาอีกและ อยู่กับเพื่อนว่างๆก็นั่งเล่าเรื่องพี่ชายให้เพื่อนฟัง^^...จนเกิดปิ๊งไอเดียนึงทะเล้นลองsearch ชื่อหาเบอร์โทรเค้าดู ''  หลายๆคนต้องกำลังคิดในใจแน่ๆ หึหึ จริงๆเลยผู้หญิงคนนี้""ไม่เป็นไรค่ะ

        ...ปรากฎว่า...เจอจ้า ..เบอร์โทรพร้อมประวัติและรูปถ่ายในทำเนียบรุ่น (เรียกถูกป่าวไม่รุ้) ได้เบอร์มาแล้วทีนี้ทำไงต่อล่ะ ...โทร ไม่โทร โทร ไม่โทร คือคิดเยอะอ่ากลัวพี่เค้าจะมองไม่ดี


        ....ในที่สุด เอาวะ มีเพื่อนนั่งอยุ่ข้างๆช่วยคิดถ้ามีไรยังมีคนคอยให้คำปรึกษา..เจ้กดโทรเลยจ้า...แต่ฟ้าไม่เป็นใจ มีผู้หญิงรับบอกว่าหมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...อ่าวอุตส่าห์รวบรวมความกล้าตั้งนาน หนทางหมดแล้ว คิดไม่ออกจริงๆ.


             ..ได้แต่แอบมองเวลากลับบ้านเหมือนเดิม เจอบ้างไม่เจอบ้าง เวลาเดินเล่นที่อนุเสาวรีฯ เห็นนักเรียนนายร้อยเดินผ่านมาก็แอบเหล่ว่าจะใช่เค้ารึป่าว เป็นเอามาก  แต่ก็ไม่เคยเจอ...


           .จนวันนึงนึกอยากลองดูอีกครั้ง แต่คราวนี้searchเป็นภาษาอังกฤษ  อ่าวเจอจ้ามาครบถ้วนอีกแล้ว เบอร์ ชื่อเล่น พร้อมเลขบัญชีเลย พอดีพี่เค้าลงขายของออนไลน์ไว้ในเว็บ ...โอกาสมาอีกแล้ว คราวนี้อยู่ดีๆก็กดโทรไปโดยที่ไม่ได้กดดัน หรือรวบรวมความกล้าเลยเพราะคิดว่าอาจจะไม่ติด ....แต่...คราวนี้มันติดไง...เสียงโทรศัพท์ดังตื๊ดดดด ใจนี่เต้นแรงตุ่บๆๆไม่เป็นจังหวะเลย  และแล้วก็มีคนรับ        
                              พี่ชาย: สวัสดีครับผมร้อยตรี...........รับสายครับ   
                               เรา : โอ๊ย ทำไงๆๆๆเพื่อนไม่มีด้วยวันนี้ "ค่ะ ขอสายแพรค่ะ"มุกโทรผิด โบราณมากแต่จุดนั้นทำไงได้         
                               พี่ชาย :โทรผิดรึป่าวครับ          
                               เรา:ก็ใช่สิาชั้นโทรหาเธอแพรที่ไหนจะมารับล่ะ"ไม่นะคะเบอร์นี้โทรประจำ"        
                               พี่ชาย : ไม่มีจริงๆครับ          
                               เรา :เอาแล้วทำไงต่อๆๆๆจะวางแล้ว "แล้วคุณชื่ออะไรคะ มีแฟนหรือยัง"นางถามไปมั่วมากเลย         
                               พี่ชาย  :  มีแฟนแล้วครับ 
             จบ......!!!!       จบจริงๆคราวนี้ หมดบทสนทนาโดยสิ้นเชิง จำไม่ได้ว่าตอบเค้าว่าไงคำสองคำแล้วก็วางเฉยเลย  (มันมีสองความรู้สึกนะตอนนั้น มีความประทับใจแทรกเข้ามาที่เค้ายอมรับแบบลูกผุ้ชายอ่ะว่ามีแฟนแล้ว แสดงว่าเป็นคนที่ซื่อสัตย์พอสมควร)    
                               


               ซักพักประมาณห้านาทีเค้าโทรกลับมา ขอโทษนะเมื่อกี๊นั่งบนรถลมตีมากเลยคุยไม่รู้เรื่อง "คุณเป็นใครนะครับ" อ่าวเอาไงดีล่ะทีนี้เราก็เลยตัดสินใจบอกความจริงไปว่าชื่อหญิง อยู่แถวบ้านเค้า แอบปลื้มเค้าอยู่ ที่บอกไปเพราะไม่คิดว่าเค้าจะรู้จักเพราะเราอยู่แต่ในบ้านจริงๆและบ้านเราก็อยุ่ห่างกันตั้งสิบกว่าหลัง แต่..เค้าตอบกลับมาว่า"ออ หญิงที่ต่อเพื่อนเราเคยจีบป่าว" บร๊ะเจ้าดันรู้จักชั้นอีก
            




                คราวนี้จะทำไงดีทำตัวไม่ถูกแล้วอายมาก บอกไปแล้วด้วยว่าเป็นใคร...ขนาดตอนยังไม่ได้บอก  ใส่บาตรตรงข้ามกันทั้งๆที่เค้าไม่รู้ตัวมือไม้ยังสั่นทัพพีโดนบาตรเก๊งๆเลย คราวนี้ไม่กล้าไปทำบุญแล้ว เราไม่ได้ไปวัดสักพักใหญ่เลยอ่ะ แต่ยอมรับนะว่าแอบขอ  msn เค้าไว้ แอบทักไปบ้างถามความเป็นอยู่แต่ไม่ได้คุยเกินเลยแน่นอน (ไม่เห็นหน้าคุยได้ หุหุ) แอบโทรไปบ้างแต่แค่นาทีสองนาทีถามว่าสบายดีมั๊ย (เราไม่ได้คิดจะแย่งน๊า)
                                 


                   มีช่วงนึงพี่เค้าไปประจำการที่สามชายแดนภาคใต้ น่าจะเกือบๆสองปีระหว่างนั้นเราก็เริ่มทำใจได้และไม่ได้คุยกันอีกเลย  (ทำใจได้แต่ตัดใจไม่ให้ชอบ ห้ามสายตาไม่ให้มองเนี่ยมันยากนะ)



            ...จนกระทั่งวันนึงเค้าทักมาใน msn  ว่าเป็นไงบ้าง  #ดีใจมากก# เค้าโทรมาปรึกษา  เค้ามีปัญหากับแฟนและกำลังจะเลิกกัน  (ปัญหาที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ไม่เกี่ยวกับเรานะ เจ่สาบาน) พี่เค้าดูเศร้ามาก จนวันนึงเค้าเลิกกันจริงๆ


           อิชั้นก็....ดีใจสิ่คะแต่คุยกับเค้าแบบโศรกเศร้าเสียใจด้วย แต่ในใจนี่..โอกาสมาแล้ว จำได้ว่าเปิดเพลง ดัมในที่สุด ของพี่เบน ชลาทิศฟังทั้งวันหลังจากที่เค้าเลิกกันแล้วเราก็เริ่มทำตัวเป็นนางเอกที่แสนดีเข้าใจเค้าทุกอย่าง แต่ทำออกมาจากใจนะเราคิดว่าเราจะดีกับเค้าให้มากที่สุด คงเป็นเพราะรอมานานมั๊ง (ยกเว้นเรื่องตีหน้าเศร้าที่เค้าเลิกกับแฟนนะ^-^) เรื่องอื่นจริงใจหมด จนเราคุยกันมาเรื่อยๆ


                 .และแล้วความสัมพันธ์ก็พัฒนามาเป็นแฟน แต่ก็ไม่เจอกันอยู่ดี เพราะเค้าอยู่ไกลมาก และเจ้ก็มิกล้าฝ่าดงระเบิดไปด้วย ...โชคดีที่ไม่นานเค้าก็กลับมาประจำการอยุ่ในจังหวัดเดิมที่เค้าเลือก

                  อาทิตย์แรกที่พี่เค้ากลับมาเราก็ไปหาเค้าเลยด้วยความที่อยากมัดตัวมัดใจเค้าให้อยู่กับเรา กลัวเค้าจะกลับไปหาแฟนเก่าและเหตุผลอื่นๆต่างๆนานา เรื่ิอง 18+ จึงเกิดขึ้น (เราอ่านเรื่องของเจ้บ้องแบ๊วแล้วยังนับถือ ญ ช อยู่ด้วยกันสองคนหลายๆครั้งแต่ไม่เคย18+ ถือว่าแน่จริงๆ  แอบพาดพิงเบาๆ หุหุ)

เราไปมาหาสู่กันมากขึ้น(อย่าบอกแม่เรานะแม่ไม่เคยรู้เลย หุหุ)

        ต้องขอขอบคุณแฟนเก่าเค้าด้วยจุดนี้ที่ไม่ค่อยได้ติดต่อมาอีกเลยมีบ้างตอนแรกแรก แต่เราก็ไว้ใจนะ(ความจริงเงี่ยหูฟังสุดพลังแต่ไม่ยุ่ง ไม่ถาม)

  
            คือทุกอย่างเหมือนฝันที่เกิดขึ้นจากการที่เราเริ่มต้นเอง เราเลยทำทุกอย่างให้ดีที่สุดจนกระทั้งแต่งงาน ตรงนี้พี่พูดได้เต็มปากว่าต้องใช้ความอดทนและความเข้าใจกันพอสมควร

        เคยเห็นมีคนตั้งกระทู้ว่าอยากมีแฟนเป็นนายร้อย   อยากจะบอกว่าอย่างแรกต้องทำใจเรื่องเวลา

         ...วันนึงที่เราตกลงแต่งงานช่วงเตรียมงานพี่เขาก็ติดภาระกิจ.เราก็ต้องไปเลือกการ์ดแต่งงานคนเดียว เลือกรูปพรีเว็ดดิ้งคนเดียว ลองชุดเจ้าสาวคนเดียว อยากให้เขาดูดีมีผมลองทรงเท่ๆเหมือนคนอื่นตอนถ่ายรูป ก็ต้องตัดมาจนเกรียน ตัวดำมาเชียว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องที่ต้องเข้าใจกัน จนตอนนี้เราแต่งงานกันมาได้เกือบสองปีแล้ว เรื่องที่เคยคิดว่าเกินเอื้อมบางทีก็เป็นจริงได้ เลยอยากจะเป็นกำลังใจให้สาวๆ นะคะที่กำลังแอบปิ๊งใครอยู่ แต่อย่าใช้วิธีเดียวกับเรานะยังอายมาจนถึงทุกวันนี้ถ้าพูดกันขึ้นมา ของเราโชคดีที่ตอนหลังเค้ามาบอกว่าแอบประทับใจตั้งแต่แรก เราเป็นคนแรกที่ไปปลื้มเค้าน่ะ^-^ ////
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่