จะต้องใช้กี่ความรักเพื่อพิสูจน์รักแท้ สุดท้ายเพิ่งรู้ว่าตัวเองได้รับHIV

จะต้องใช้กี่ความรักเพื่อพิสูจน์รักแท้ สุดท้ายเพิ่งรู้ว่าตัวเองได้รับเชื้อHIV
สวัสดีชาวpantip ทุกๆคนครับ ผมอยากมาแชร์ประสบการณ์ทีผมได้พบเจอ และเรียนรู้และรู้จักการใช้ชีวิตและอยู่กับมันให้ได้ อยากบอกเพื่อนๆว่า อย่าปล่อยให้ความทุกข์ในวันวาน มีอายุยืนนานจนถึงวันพรุ่งนี้ เพราะพรุ่งนี้คือวันแรก ของวันที่เหลืออยู่

>>>>ก่อนอื่นผมขอเกริ่นนำเรื่องราวของผมก่อนนะครับ
ผมเป็นคนบ้านนอกอาศัยอยู่ ตจว(ภาคอีสาน) สิ่งที่ผมมีมากที่สุดจิตใต้สำนึก คือ ความกตัญญู ในสภาวะครอบครัวของผมที่ไม่สมบูรณ์มากนัก ผมคิดมาเสมอว่า  ผมอยากทำให้ชีวิตของผมและครอบครัวพี่น้องสบาย  ชีวิตในการเรียนของผม  ผมก็ตั้งใจแอดมิสชันเข้ามหาลัยในกรุงเทพ ความฝันของผมตอนนั้นคืออยากเข้ามหาลัยที่มีชื่อเสียง และสาขาที่ผมชอบ โดยที่อยากออกจากบ้านหาประสบการณ์ รู้จักการใช่ชีวิตคนเดียว

**** สุดท้ายชีวิตก็ถูกเริ่มต้นขึ้นที่กำลังไปได้สวย และพังไปในพริบตา
ผมสอบติดมหาลัยในกรุงเทพพแล้ว ผมได้เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยย่านศาลายา แต่ผมก็ต้องมาอยู่กรุงเทพคนเดียว ผมตั้งใจเรียนมากขึ้นเพื่ออนาคตของตัวผมเอง และครอบครัวตจว.ที่รอดูวันประสบความสำเร็จของตัวผม ผมเรียนได้เกือบ4.00 ทุกเทอม มาตลอดผมกำลังจะเป็นนักเรียนเกียตินิยมจนจะจบปริญญา เพื่อพิสูจน์ว่าางบ้านของผมทำงานเหนื่อยเพื่อแลกให้ผมได้เรียน ดังนั้นผมจำเป็นต้องทำให้มันดีที่สุด ไม่ให้เหงื่อของท่านออกมาแบบไร้ค่า ผมไม่เที่ยวกลางคืน ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ผมไม่เคยทำให้พ่อแม่ผิดหวัง พ่อแม่มักพูดให้น้องเอาผมเป็นตัวอย่างเสมอ แต่ในด้านความรักผมก็ต้องการนะ เพราะผมมักชอบดูละคร ความรักก็เหมือนนิยายมากสำหรับผม ผมไม่เคยมีแฟนมาตลอด4 ปี มีคนมาคุยด้วยมากมายแต่ผมกลัวโดนหลอก ผมขอกล่าวว่าผมเป็นเกย์(หน้าตาดี80%) หลงตัวเองง55 จนวันนี้ก็มาถึงผมได้คุยกับผช.คนหนึ่งในอินเตอร์เน็ต และได้นัดเจอกันที่ห้อง เพราะเขาบอกว่าจะมาหาเฉยๆแล้วเขาจะรีบไปตจว. ผมก็คิดนะว่าครั้งแรกที่เราเจอกันคงจะไม่มีอะไรกัน หรือถ้ามีอะไรกันจริงๆ ก็คงไม่เป็นไร เพราเขาภายนอกดูหล่อ ผิวขาว รูปร่างดี แทบดูไม่ออกว่าเขามีเชื้อ และผมก็ตอบตกลง ในคืนวันนั้นเมื่อเขามาถึง เขาพยายามใช้อารมณ์เร่งเร้า และพูดกล่อมผมให้ยอมมีอะไรด้วยกับเขา จนในที่สุดพวกเราก็มีอารมณ์ทางเพศด้วยกัน จู่ๆเขาก็เอาจู๋ของเขามา จิ้มที่,,,ขอผมโดยที่ไม่ใส่ถุงยาง (เหมือนเปิดทาง) และเขาก็ใส่ถุงยางต่อนะ แต่สุดท้ายผมก็ไม่ไหว เพราะเป็นครั้งแรกของผม ผมตกใจมากเพราะเขาดูอารมณ์เสียและรีบเปิดประตูกลับบ้าน ผมตกใจมากเห้ยยยย !! สุดท้ายมันก็แค่เรื่องsexเท่านั้น มันไม่มีหรอกที่จะมีsexกันแล้วว เพื่อพิสูจน์ความรักในอนาคต ผมก็ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป3เดือนน จนผมไม่คิดเรื่อความรัก คิดเสมอว่าเมื่อเรามีงานทำ หรือ ทำให้พ่อแม่สบายก่อน และมันจะมาในเวลาที่ใช่เอง

**** จนวันใกล้จะจบของผมก็มาถึงง หลังจาก3เดือนถัดมา ผมฝันถึง,,,,, ซึ่งผลทำนายว่าผมจะได้รับเคราะห์ใหญ่ อีกทั้งในช่วง7 วัน ผมได้ยินคำว่าHIV บ่อยมาก ทั้งเพื่อนแซวๆ เลื่อนอ่านข่างในเฟส ก็มีข้อความนี้เด้งขึ้นมา และอาจารย?ก็ให้ทำเกี่ยวกับHIv เป็นแบบนี้มาประมาณ 7-8 เรื่อง จนทำให้ผมเอะใจว่ามีอะไรคอยเตือนผมรึปล่าวว จนทำให้ผมหาข้อมูลการตรวจของโรคนี้ และวันรุ่งขึ้นก็ได้ไปที่คลิกนิกนิรนามแห่งหนึ่ง และเจาะเลือดสร็จรอผล1 ชม. เขาก็เรียกผมเข้าไปในห้อง แล้วบอกผลว่า """คุณมีเชื้อHIV ในเลือด"""" รู้ไหมวินาทีนั้นผมเหมือนวิญญาณออกจากร่าง เดินแทบไม่ไหว ทำไมต้องเป็นผม ทำไม ทำไม ? ถ้าผมเป็นคนขายบริการผมจะไม่คิดมากเลย มันยุติธรรมสำหรับแล้วหรอ มันพังหมดแล้ววชีวิตตอนนั้น น่ำตาไหลพรากก  ภาพเข้ามาในหัวผมเลยว่า ผมกำลังทำให้พ่อแม่ผิดหวัง พวกเขาจะอยู่ยังไง ใครจะดูแลพวกเขา วินาทีนั้นผมไม่ได้กลัวตายหรอกนะ แต่ผมกลังทำให้พ่อแม่ผิดหวังมากกว่า และผมได้ไปเจาะค่าCD4 เพื่อดูภูมิคุ้มกัน ปรากฏว่าเหลือ379 ซึ่งคนปกติคือ(400-1,200) จำผิดป่าวเนี่ยย55 ในช่วงเวลา1เดือน ผมกินไม่ได้ นอนไม่หลับ คิดมาก จากที่เป็นคนคิดมาก กลับต้องคิดมากละเอียดไปอีก จากที่ต้องวางแผนเกี่ยวกับการทำงาน ความฝันโน่นนี่ที่อยากทำให้พ่อแม่น้อง ผมต้องมาคิดเพิ่มว่าจะทำไงให้มีชีวิตอยู่ได้นานๆ ดูแลสุขภาพให้ดียังไง จะบอกพ่อแม่ยังไง จะใช้ชีวิตยังไง? ผมกลับย้อนไปคิดถึงเรื่องอดีตเสมอ ว่า ทำไมผมถึงไม่รักตัวเอง ทำไมผมถึงไว้ใจครแปลกหน้า และติดได้อย่างไร? ในช่วง1 เดือนของผมเป็นช่วงที่ทุกข์ทรมารมากที่สุด ผมร้องไห้ทุกวัน ร่างกายโทรม เดินล่องลอยเหมือนไม่มีจิตวิณญาณ แต่มันมีข้อดีนะสำหรับโรคนี้คือ -- ทำให้ผมไมีเคยบอกรักแม่ ผมกลับโทรไปบอกแทบทุกวัน ผมรู้จักคุณค่าของทุกชีวิตมากขึ้น รู้จักเข้าวัด ปฎิบัติธรรมมากขี้น รู้จักบุญ บาปมากขึ้น และผลข้าวเคียงที่ผมคิดมากตลอด1 เดือน จนทำให้ผมนอนแทบไม่หลับ ผมจึงตัดสินใจไปพบจิตแพทย์ ของรพ. ศิริราช และได้เล่าเรื่องราวนี้ให้กับคุณหมอฟัง และขอคำปรึกษาการใช้ชีวิต และได้รับยานอนหลับมากิน และติดตามอาการต่อไป จนสมองตอนหลับมักคิดตลอดเวลา เหมือนสมองมันทำงานตลอดเวลา ทั้งที่หลับ นั่นคือการฝันร้ายนะแหละ เชื่อไหมไม่มีวันไหนที่ผมไม่ไหวฝันเลยสักครั้ง
****อีก1 เดือนถัดไปจิตเวชได้ส่งตัวผมไปรักษาแผนกกลุ่มผู้ติดเชื้อ และเจาะเลือดตรวจหาเชื้ออีกที พร้อมทั้งตรวจCD4 เอกซเรย์ปอด และนัดฟังอีก2อาทิตย์  2อาทิตย์ฟังผล ผลออกมาคือ มีเชิ้อHIv แต่ปอดปกติ ไม่มีโรคแทรกซ้อน CD4 =422 เพิ่มมาหน่อยนึง แต่ผมไม่มีอะไรผิดปกติทั้งร่างกาย และผิว  ปกติผมมีผิวขาวอยู่แล้ว  และทำให้ผมมีกำลังใจมากขึ้นในการใช้ชีวิต และคุณหมอก็นัดมาพบอีก6 เดือนเจอกัน
^^^^^^^สิ่งที่ผมอยากแชร์ประสบการณ์คือ ใหัทุกคนรู้จักการใช้ชีวิต รักตัวเอง ทำวันนนี้ให้ดีที่สุด อย่าประมาทในเรื่องของการมีsex จนถึงวันนี้ผมยังงงอยู่เลย มันติดง่ายขนาดนั้นเลยหรอ? และทำอะไรให้คิดถึงพ่อแม่ไว้เสมอ ไม่ต้องมาคิดโทษตัวเองในวันหลัง และเห็นคุณค่าของคนให้มากๆ รู้จักการให้ อภัย กันนะ ผมเองก็อายุยังน้อยไม่รู้ว่าผมจะอยู่ได้กี่ปี ผมจะมีโอกาสทำมันสำเร๋จรึปล่าวว ในวันรับปริญญาของผม บวชทดแทนผู้มีพระคุณ เลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ตอนนี้ผมก็กำลังทำให้มันดีที่สุด ทำให้มันเหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต ตอนแรกผมคิดว่าอยู่เพื่อคนที่เรารัก แต่ตอนนี้ขออยู่เพื่อคนที่รักเราแล้วกันเนอะ ตอนนี้ยังไม่ต้องกินยา แต่ยังไงผมต้องดูแลตัวเองให้ดี พักผ่อนถึงวีนนี้ผมยังนอนไม่หลับก็เหอะ ออกกำลังกายเสมอ และการปฏิบัติธรรม สวดมนต์ นั่งสมาธิก็ดีนะอยากแนะนำ มันอาจเป็นผลทางอ้อมหรือทางตรงที่ทำให้ภูมิคุ้มกันเพิ่ม ผมอาจะเป็นคนที่โชคร้าย ต้องมาติดด้วยโรคร้าย เพราะตัวเองคาดไม่ถึง แต่วันนี้ผมไม่โทษเขานะ ไม่โทษตัวเอง คิดแค่ว่าคนเราเกิดมาเพื่อชดใช้กรรม ผมอาจเคยไว้กัใครสักคนในชาติที่แล้ว
ช่วยเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ ผมจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 32
พี่ก้อป่วยเป็นโรคนี้มา16ปีแล้วต่ะ ติดจากพ่อของลูกค่ะ 15ปีแรกไม่กินยา แต่พยายามรักษาตัวเอง คอยเชคค่าcd4แต่ไม่ยอมรับยา จนปีที่แล้วป่วยหนักเชื้อราขึ้นสมอง cd4เหลือแค่20 หมอเลยให้เริ่มรับยาต้านคิดว่าไม่รอดแน่ ทรมานมาก ทุกข์ใจเพิ่มอีกโดนแฟนทิ้ง ตกงาน เข้าออกรพ จนจะย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่รพ เข้าicuครั่งหนึ่ง แต่วันนี้พี่ดีขึ้นละคะ อาการทรมานจากการปวดหัวไม่มีแล้ว สำคัญที่สุดนึกถึงคนทึ่รักเราอยู่เคียงข้างเรา ถ้าต้องรับยาcd4ต้องอยู่ประมาณ 250เค้าว่างั้นนะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ พอถึงจุดที่ต้องอยู่ระหว่างความเป็นความตาย มันจะทำให้นึกถึงธรรม ดูแลตัวเองนะคะ แค่ต้องอยู่ไปกับมันอย่างน้อยในอีกแง่อาจจะโชคดีที่ได้ป่วย สู้ๆค่ะ มีไรปรึกษาทิ้งข้อความไว้ได้ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 5
" ไม่มีใครตายเพราะเอดส์ครับ "

หากคุณรู้จักดูแลตัวเอง 40-50 ปี สบายๆครับ เป็นกำลังใจให้ครับผม
ความคิดเห็นที่ 70
ยิ้ม เยี่ยมเยี่ยมหลังจากผมได้เข้ามาอ่าน ผมอ่านทุกคอมเม้นนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจ และทุกคำแนะนำ ถึงผมจะไม่รู้จักกับคุณ คุณก็ไม่รู้จักกับผม ผมรู้ได้เลยถึงความหวังดีทุกๆข้อความเลย ตอนนี้ผมโอเคขึ้นมาส่วนหนึ่งแล้ว ผมต้องอยู่กับมันให้ได้ ต้องเรียนรู้กับมัน รู้จักการรักษา และการปฏิบัติดูแลตัวเอง และทั้งกับคนรอบข้าง ตอนแรกผมอาจจะท้อบ้าง สิ้นหวังบ้าง แต่ก็มีเพื่อนๆอยู่2 คน ที่คอยให้กำลังใจผมมาตลอด และกำลังใจจากครอบครัว ซึ่งตอนนี้ผมได้ปรึกษาหมอว่าควรจะบอกกับทางครอบครัวอย่างไร? คุณหมอเขาแนะนำให้บอก แต่จิตใจผมตอนนี้ยังไม่กล้าจะบอก ผมกลัวท่านร้องไห้ ผมไม่อยากเห็นผ่านร้องไห้ เรื่องที่มันมาจากตัวผม ผมไม่อยากให้ท่านต้องมาผิดหวังเพราะผม ผมกลัวครอบครัวจะหมดกำลังใจที่จะทำงาน แต่ผมคิดนะว่าถ้าผมทำงานแล้ว ผมจะบอกเขาแน่นอน ตอนนี้ผมก็หมั่นออกกำลังกาย ไม่เครียด ถึงยังไม่ได้รับยา และหมอนัดอีก6 เดือน ยังไงผมก็ต้องดูแลตัวเองใหัดีที่สุดตามที่คุณหมอ และเพื่อนๆในpantip แนะนำนะครับ ขอบคุณจริงๆ ผมอยากทุกๆคนสามารถนำเรื่องของไปเตือนหรือเป็นแนวคิดให้กับวัยรุ่นที่กำลังสนุกในชีวิต ในพฤติกรรมที่เสี่ยง หันมารักตัวเอง เห็นคุณค่าของชีวิตมากขึ้น ทั้งทำทุกวันให้ดีที่สุดทั้งกับตัวเองและดูแลพ่อแม่นะครับ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลังนะครับ ผมจะลองสู้กับมันสักตั้ง เชื้อโรคนี้มันคงต้องการทดสอบใจมนุษย์อย่างที่คนอื่นพูด ไม่มีเหตุผลใดๆที่ต้องร้องไห้เสียใจใดๆ
ผมอาจจะเป็นคนโชคร้ายที่ติดเชื้อตั้งแต่อายุน้อยๆ ทุกวันนี้เข้มแข็งได้เพราะนึกถึงพ่อแม่มันก็มีกำลังใจมาละ .
*** ผมอยากให้ทุกคนรู้จักป้องกันรู้จักการคุยกับคนที่แปลกหน้า ที่เรายังไม่รู้จักเขาดีพอ ถึงเขาจะมีรูปร่างดี ผิวขาว หน้าตาดี แทบดูไม่ออกเลยว่าเป็นผู้ติดเชื้อ อย่าไว้ใจใครง่ายๆ ผมพลาดมาแล้ว ตอนนี่ผมก็ไม่โทษเขานะ ไม่โทษตัวเองด้วย อาจจะเป็นเพราะความประมาทของเราเอง เดี๋ยวนี้ผู้ติดเชื้อุถ้าไม่ตรวจเลือดจริงๆไม่รู้เลย  คนเหล่านั้นอาจจะเดินผ่านคุณเกือบทุกวันก็ได้ ระมัดระวังนะครับ^~^

**** ผมขอฝากกลอนหรือข้อคิดให้กับคนกำลังท้อหมดกำลังใจนะครับ

>>>จะยิ้มรับมันวันที่ใจอ่อนแอ แม้ทุกเรื่องราวมันจะยังคงโหดร้าย สุขหรือทุกข์ที่พบพานมันคือชีวิตเรา เพราะชีวิตยังคงสวยงามเสมอ

>>< 2 วันในชีวิตเรา ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย คือ เมื่อวานนี้กับวันพรุ่งนี้ มีเพียงวันเดียวและเป็นวันที่ดีที่สุดที่เราจะทำอะไรก็ได้ นั่นคือ"วันนี้"

>>> ทำทุกวันให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ก็ต้องอยู่กับมันให้ได้
ความคิดเห็นที่ 34
เมื่อก่อนนี้เข้ามาอ่านกระทู้แนวนี้ เพื่อนำไปเล่าให้ลูกศิษย์ฟัง เพื่อเตือนสติเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ ว่าโรคนี้มันอยู่รอบตัวเรา อย่าประมาท

จนเมื่อเดือนที่แล้วญาติสนิทเราผู้ชาย ติดเชื้อ ตอนที่ไปเที่ยวผู้หญิง  (ไปแค่ครั้งเดียว ภรรยาไปธุระ ตจว หลายวัน สามีเลยแว้บไป) ติดมาเกือบ 10 ปี ไม่รู้ตัวเลย และมีอะไรกับภรรยาเป็นสิบปี โดยที่ไม่ป้องกัน เมื่อเดือนที่แล้วญาติเราคนนี้เค้าประสบอุบัติเหตุ แถมภูมิต้านทานก็ต่ำ เลยเป็นโรคฉกฉวย ทำให้เสียชีวิตไป หลังจากที่ตัวเองรู้ว่าติดเชื้อแค่ไม่กี่สัปดาห์เองค่ะ ส่วนภรรยาก็ตรวจเลือดเลยทันทีที่รู้ว่าสามีติดเชื้อ แต่ไม่พบ พยาบาลแจ้งว่า ยังอยู่ในช่วง window period  เชื้อกำลังฟักตัว ยังหาไม่พบ ต้องรออีก 3 เดือน ค่อยมาตรวจใหม่

เมื่อวันก่อน เราพาภรรยาเค้าไปตรวจเลือด (4 gen)  ปรากฏว่าไม่ติดเชื้อค่ะ  ซึ่งนับจากวันที่มีอะไรกันครั้งล่าสุด ก็ต้นเดือน ก.ย จนมาถึง 23 พ.ย  เราก็อุ่นใจขึ้นเยอะ  เดี๋ยวเดือน มี.ค ปีหน้า ว่าจะพาไปตรวจอีกรอบ เพื่อความชัวร์ แต่ถึงภรรยาเค้าจะติด ภรรยาเค้าก็ไม่กลัวนะคะ ก็วางแผนจะดูแลรักษาตัวเอง และเข้าโครงการเพื่อรับยาต้านอย่างสม่ำเสมอ เค้าบอกว่า ถ้าเค้าติดเชื้อ เค้าก็จะอยู่กับมันจนแก่ตาย และจะอยู่ดูแลลูกจนเรียนจบปริญญาตรีก่อน  เรานับถือในความเข้มแข็งของเค้าจริงๆ  ระหว่างรอฟังผล 1 ชั่วโมง  หัวใจเราเต้นแรงมาก ลุ้น เครียด แต่เจ้าตัวนี่ชิล ชิล นั่งอ่านนิตยสารไปเรื่อยๆ ไม่เครียดเลย

อยากให้คุณ จขกท เข้มแข็งเหมือนผู้หญิงคนนี้ค่ะ  ไม่มีอะไรน่ากลัว ถ้าใจเราเข้มแข็งซะอย่าง จะเชื้ออะไร โรคอะไร ก็ทำร้ายเราไม่ได้หรอกค่ะ
ความคิดเห็นที่ 53
ที่ประเทศเยอรมัน การนำเชื้อ HIV มาแพร่ให้ผู้อื่น ผู้นำเชื้อมาแพร่นั้น มีโทษติดคุกตั้งแต่ 10ปีขึ้นไป โทษจะพอๆกันกับการฆ่าคนตายค่ะ แต่ประเทศไทย เราไม่รู้ว่า มีกฏหมายคุ้มครองไหม แต่ที่นี่(เยอรมัน) จะชัดเจนในเรื่องนี้มากๆ คนที่ติดเชื้อไม่ใช่เรื่องที่น่ารังเกียจ แต่การมีเชื้อแล้วนำไปแพร่ให้กับคนอื่น เท่ากับเป็นการฆ่าให้ตายทั้งเป็น กฏหมายควรที่ทำเอาผิดผู้นำเชื้อมาแพร่ได้น่ะค่ะ เราไม่ได้รู้สึกรังเกียจคนที่ติดเชื้อนี้นะคะ เรามีเพื่อนร่วมงานที่ติดเชื้อนี้ และเค้าก็ใช้ชีวิตปกติในสังคมนี้ร่วมกันได้ แต่เค้าจะต้อง "รับผิดชอบ" กับตัวเองและกับคนที่อยู่ร่วมในสังคมนี้น่ะค่ะ เป็นกำลังใจให้คุณ จขกท นะคะ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  สุขภาพกาย ครอบครัว ความรักวัยรุ่น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่