แก้ขเพิ่มเติมกระทู้เก่าที่ต่อเนื่องมากระทู้นี้นะครับ
http://ppantip.com/topic/32839702
มนุษย์ทุกคนมีส่วนร่วมในการทำให้เกิดทุกข์
“มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาปและเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า” โรม 3:23
เมื่ออดีตโลกนี้น่าอยู่ อากาศดีมากและแม่น้ำก็ใสสะอาดแต่ที่มันแย่ในทุกวันนี้เพราะมนุษย์ไม่ดูแลรักษาโลกที่พระเจ้าประทานให้ เพราะมนุษย์เห็นแก่ตัวและมักง่าย (บาป)เช่น ทิ้งขยะลงแม่น้ำ ปล่อยควันพิษในอากาศ ตัดไม่ทำลายป่า การที่มนุษย์ได้ทำสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อชีวิตของตนเองและลูกหลานในยุคต่อๆมาด้วย ดังนั้นความทุกข์ลำบากที่เราเผชิญบนโลกก็เกิดขึ้นเพราะคนในยุคก่อนหน้าเราได้ทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เหมาะสม เราจึงเป็นผู้รับผลนั้นโดนหลีกเลี่ยงไม่ได้
พระคำของพระเจ้าตรัสอย่างชัดเจนว่า พระพรของพระเจ้าจะหลั่งไหลไปยังลูกหลานหลายชั่วอายุคนและผลของความบาปก็จะตามไปยังลูกหลานเช่นเดียวกัน ให้เราลองสังเกตตัวของเราดูว่าชีวิตของเราที่เกิดมาจะสุขหรือทุกข์นั้นก็ขึ้นอยู่กับพ่อและแม่ของเรา หากพ่อแม่ขยัน อดทนและสู้ชีวิต การเป็นอยู่ในชีวิตก็จะดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อชีวิตลูกด้วย แต่พ่อแม่ที่ขาดความรับผิดชอบก็จะทำให้ลูกมีความทุกข์ แต่อย่างไรก็ตามเราก็ต้องระมัดระวังในการที่จะกล่าวโทษพ่อแม่ พระคัมภีร์สอนเราอย่างชัดเจนว่า พ่อแม่เป็นที่สองรองจากพระเจ้า และพระเจ้าทรงบัญชาว่า จงให้เกรียติแก่บิดามารดาของเจ้า
หลายคนมักกล่าวว่า เราทำบุญมาน้อยจึงทำให้เราเกิดมาในครอบครัวแบบนี้ อย่าพูดหรือคิดอย่างนั้นเด็ดขาดเพราะจะทำให้เราไม่เจริญ ถึงแม้ว่าเราจะได้รับอิทธิพลจากพ่อและแม่ที่ส่งผลต่อชีวิตของเราแต่พระเจ้าต้องการให้เราเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาดในชีวิตของพ่อและแม่เพื่อที่เราจะหลุดพ้นจากความทุกข์หรือหลุมของชีวิตที่ท่านได้พลาดมา
ตัวอย่างเช่นพ่อแม่บางคนท้องตอนเป็นวัยรุ่นซึ่งทำให้เกิดความลำบากมากมาย เราก็ควรเอาบทเรียนนั้นไปใช้ในชีวิตหรือพ่อแม่บางคนคิดรวยทางลัดโดยการค้ายาเสพติดซึ่งทำให้ครอบครัวต้องแตกแยกและลูกต้องอยู่ลำบาก เราก็ควรเอาบทเรียนนี้ไปใช้ในชีวิตในการไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เราสามารถตัดห่วงโซ่ของความทุกข์ได้
พระเจ้าได้ตรัสอย่างชัดเจนว่า หากลูกเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในชีวิตของพ่อและแม่และลูกเลือกที่จะไม่ทำตามแต่เลือกทำดี ตัวของลูกเองก็จะเจริญขึ้นโดยไม่ต้องรับผลจากสิ่งที่พ่อแม่ทำ
เอเสเคียล18:19-20 “ทำไมบุตรจึงไม่รับโทษความชั่วของบิดาของตน? เมื่อบุตรได้ทำความยุติธรรมและความชอบธรรมแล้ว ทั้งได้รักษากฏเกณฑ์ทั้งหมดของเราและได้ทำตาม เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน ตัวคนที่กระทำบาปจะต้องตาย บุตรไม่ต้องรับโทษความชั่วของบิดา บิดาก็ไม่ต้องรับโทษความชั่วของบุตร คนชอบธรรมจะรับกรรมชอบของตัว และคนอธรรมจะรับกรรมชั่วของตน”
ถึงอย่างไรก็ตามเราไม่ได้รับผลโดยตรงของบาปจากพ่อแม่ของเรา แต่เราได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่พ่อแม่เราทำ เช่นพ่อแม่ติดคุกซึ่งอาจจะทำให้ลูกมีชีวิตที่ลำบากแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าลูกจะต้องติดคุกด้วยเพราะลูกไม่ได้ทำผิด หากลูกเลือกเส้นทางที่ดีเขาจะเจริญขึ้นอย่างแน่นอนแต่หากเขาเลือกเส้นทางเดียวกันกับพ่อและแม่ จุดจบก็ไม่ต่างกัน
ดังนั้นพระเจ้าได้กำหนดวันในการสิ้นโลกเพื่อเป็นการตัดวงจรและอิทธิพลของความบาปที่สืบทอดกันมา พระองค์ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า พระองค์จะทรงสร้างแผ่นดินโลกใหม่(วิวรณ์21:1) ซึ่งปราศจากบาป
ถึงอย่างไรก็ตามการที่เรามีชีวิตอยู่เราต้องพยายามทำดีต่อโลกนี้และต่อตัวเองเพราะถ้าเรารักลูกหลานของเรา เราจะพยายามเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้พวกเขา เราต้องเตรียมตัวเราที่จะเป็นพรไปยังลูกหลานและเราต้องเตรียมโลกนี้ให้น่าอยู่สำหรับพวกเขาด้วย พระเจ้าทรงรักโลกและพระองค์ต้องการให้เรารักโลกที่พระองค์ทรงสร้างด้วย
ติดตามอ่านเพิ่มได้ที่ alccr.org
กรรมหรือทุกข์ในมุมมองของคริสเตียน--2 ต่อจากโลกและกรรมในมุมมองคริสเตียน
มนุษย์ทุกคนมีส่วนร่วมในการทำให้เกิดทุกข์
“มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาปและเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า” โรม 3:23
เมื่ออดีตโลกนี้น่าอยู่ อากาศดีมากและแม่น้ำก็ใสสะอาดแต่ที่มันแย่ในทุกวันนี้เพราะมนุษย์ไม่ดูแลรักษาโลกที่พระเจ้าประทานให้ เพราะมนุษย์เห็นแก่ตัวและมักง่าย (บาป)เช่น ทิ้งขยะลงแม่น้ำ ปล่อยควันพิษในอากาศ ตัดไม่ทำลายป่า การที่มนุษย์ได้ทำสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อชีวิตของตนเองและลูกหลานในยุคต่อๆมาด้วย ดังนั้นความทุกข์ลำบากที่เราเผชิญบนโลกก็เกิดขึ้นเพราะคนในยุคก่อนหน้าเราได้ทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เหมาะสม เราจึงเป็นผู้รับผลนั้นโดนหลีกเลี่ยงไม่ได้
พระคำของพระเจ้าตรัสอย่างชัดเจนว่า พระพรของพระเจ้าจะหลั่งไหลไปยังลูกหลานหลายชั่วอายุคนและผลของความบาปก็จะตามไปยังลูกหลานเช่นเดียวกัน ให้เราลองสังเกตตัวของเราดูว่าชีวิตของเราที่เกิดมาจะสุขหรือทุกข์นั้นก็ขึ้นอยู่กับพ่อและแม่ของเรา หากพ่อแม่ขยัน อดทนและสู้ชีวิต การเป็นอยู่ในชีวิตก็จะดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อชีวิตลูกด้วย แต่พ่อแม่ที่ขาดความรับผิดชอบก็จะทำให้ลูกมีความทุกข์ แต่อย่างไรก็ตามเราก็ต้องระมัดระวังในการที่จะกล่าวโทษพ่อแม่ พระคัมภีร์สอนเราอย่างชัดเจนว่า พ่อแม่เป็นที่สองรองจากพระเจ้า และพระเจ้าทรงบัญชาว่า จงให้เกรียติแก่บิดามารดาของเจ้า
หลายคนมักกล่าวว่า เราทำบุญมาน้อยจึงทำให้เราเกิดมาในครอบครัวแบบนี้ อย่าพูดหรือคิดอย่างนั้นเด็ดขาดเพราะจะทำให้เราไม่เจริญ ถึงแม้ว่าเราจะได้รับอิทธิพลจากพ่อและแม่ที่ส่งผลต่อชีวิตของเราแต่พระเจ้าต้องการให้เราเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาดในชีวิตของพ่อและแม่เพื่อที่เราจะหลุดพ้นจากความทุกข์หรือหลุมของชีวิตที่ท่านได้พลาดมา
ตัวอย่างเช่นพ่อแม่บางคนท้องตอนเป็นวัยรุ่นซึ่งทำให้เกิดความลำบากมากมาย เราก็ควรเอาบทเรียนนั้นไปใช้ในชีวิตหรือพ่อแม่บางคนคิดรวยทางลัดโดยการค้ายาเสพติดซึ่งทำให้ครอบครัวต้องแตกแยกและลูกต้องอยู่ลำบาก เราก็ควรเอาบทเรียนนี้ไปใช้ในชีวิตในการไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เราสามารถตัดห่วงโซ่ของความทุกข์ได้
พระเจ้าได้ตรัสอย่างชัดเจนว่า หากลูกเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในชีวิตของพ่อและแม่และลูกเลือกที่จะไม่ทำตามแต่เลือกทำดี ตัวของลูกเองก็จะเจริญขึ้นโดยไม่ต้องรับผลจากสิ่งที่พ่อแม่ทำ
เอเสเคียล18:19-20 “ทำไมบุตรจึงไม่รับโทษความชั่วของบิดาของตน? เมื่อบุตรได้ทำความยุติธรรมและความชอบธรรมแล้ว ทั้งได้รักษากฏเกณฑ์ทั้งหมดของเราและได้ทำตาม เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน ตัวคนที่กระทำบาปจะต้องตาย บุตรไม่ต้องรับโทษความชั่วของบิดา บิดาก็ไม่ต้องรับโทษความชั่วของบุตร คนชอบธรรมจะรับกรรมชอบของตัว และคนอธรรมจะรับกรรมชั่วของตน”
ถึงอย่างไรก็ตามเราไม่ได้รับผลโดยตรงของบาปจากพ่อแม่ของเรา แต่เราได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่พ่อแม่เราทำ เช่นพ่อแม่ติดคุกซึ่งอาจจะทำให้ลูกมีชีวิตที่ลำบากแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าลูกจะต้องติดคุกด้วยเพราะลูกไม่ได้ทำผิด หากลูกเลือกเส้นทางที่ดีเขาจะเจริญขึ้นอย่างแน่นอนแต่หากเขาเลือกเส้นทางเดียวกันกับพ่อและแม่ จุดจบก็ไม่ต่างกัน
ดังนั้นพระเจ้าได้กำหนดวันในการสิ้นโลกเพื่อเป็นการตัดวงจรและอิทธิพลของความบาปที่สืบทอดกันมา พระองค์ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า พระองค์จะทรงสร้างแผ่นดินโลกใหม่(วิวรณ์21:1) ซึ่งปราศจากบาป
ถึงอย่างไรก็ตามการที่เรามีชีวิตอยู่เราต้องพยายามทำดีต่อโลกนี้และต่อตัวเองเพราะถ้าเรารักลูกหลานของเรา เราจะพยายามเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้พวกเขา เราต้องเตรียมตัวเราที่จะเป็นพรไปยังลูกหลานและเราต้องเตรียมโลกนี้ให้น่าอยู่สำหรับพวกเขาด้วย พระเจ้าทรงรักโลกและพระองค์ต้องการให้เรารักโลกที่พระองค์ทรงสร้างด้วย
ติดตามอ่านเพิ่มได้ที่ alccr.org