ทำไมฝรั่งวัยหนุ่ม-สาว ( บางคน ) พอเรียนจบแล้วแต่ไม่ทำงาน ชอบออกท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีที่แล้ว ผมมีโอกาสได้รู้จักเพื่อนชาวต่างชาติของรุ่นพี่ท่านนึง เป็นคนอเมริกัน ตอนที่ได้พบกันอายุเค้าตอนนั้นเกือบจะสามสิบ มา backpack ที่ไทย พอเริ่มที่จะสนิทกัน เค้าจึงเล่าให้ฟังว่าเรียนจบป.ตรี สาขาพวกไอทีมาตั้งตอนอายุยี่สิบต้นๆ พอเรียนจบไม่เคยได้ทำงานในสายที่เรียน เพราะเพิ่งรู้ว่าไม่ไช่สิ่งที่ชอบ หลังเรียนจบก็ทำงานพาร์ทไทม์ไปเรื่อยๆ เพื่อเก็บเงินไปท่องเที่ยวตามประเทศต่างๆทั่วโลก ( งานพาร์ทไทม์ที่ต่างประเทศมันเก็บเงินได้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอครับ) ทำแบบนี้อยู่หลายปี จนเมื่ออายุยี่สิบปลายๆ เค้ารู้สึกชื่นชอบในงานช่างไม้ แต่ยังไม่แน่ใจตัวเอง จึงออกท่องเที่ยวไปดูพวกศิลปะงานไม้ ตามที่ต่างๆทั่วโลก รวมถึงที่เมืองไทยด้วย หลังจากคนนี้กลับอเมริกาไปแล้ว ประมาณปีต่อมา รุ่นพี่ผมเล่าให้ฟังว่าเพื่อนคนนี้สมัครเข้าเรียนต่อแล้ว เป็นโรงเรียนแนวพวกวิชาชีพ เรียนเกี่ยวกับงานไม้ ปัจจุบันผ่านมาหลายปีแล้ว เพื่อนชาวอเมริกันของรุ่นพี่ผมคนนี้ ยึดอาชีพทำงานไม้เต็มตัว เป็นทั้งช่างไม้ และ artist ที่มีงานแสดงโชว์ศิลปะงานไม้ของตัวเองมาหลายครั้งแล้ว

   แล้วไม่เฉพาะแต่เพื่อนรุ่นพี่คนนี้ของผม เท่าที่เห็นมามีวัยหนุ่ม-สาวหลายคน ที่ทำคล้ายๆแบบนี้ คือทำงานพาร์ทไทม์ไปเรื่อยๆแล้วเก็บเงินเพื่อไปท่องเที่ยว พอแน่ใจแล้วว่าตัวเองชอบอะไร อยากจะทำอะไรจึงค่อยกลับไปเรียนและมุ่งมั่นไปในทางนั้น คือผมอยากถามผู้รู้ว่า คนเหล่านี้เค้ามีวิธีคิดกันแบบไหนอย่างไรเหรอครับ และทางครอบครัวก็ไม่ได้ว่าอะไรเหรอครับ ในเคสของเพื่อนชาวอเมริกันคนนั้นเค้าบอกว่าคุณพ่อเค้าเองเป็นคนที่สอนให้เค้าคิดและทำแบบนั้นด้วยซ้ำ

ขอบคุณทุกความคิดเห็นมากๆครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
ไม่รู้สินะ

ผมเคยไปเที่ยวกระบี่ สมัยเรียนจบใหม่ เจอชาวต่างชาติ มาจาก แม๊กซิโก บางส่วนจากการพูดคุย แปลเป็นไทยประมาณนี้

ผม : คุณมาจากไหนครับ?
ชตป : มาจากแม๊กซิโก
ผม : มาเที่ยวเหรอ?
ชตป : ใช่ มาเที่ยว
ผม : จะอยู่เที่ยวอีกนานไหม?
ชตป : เดือนหน้า ก็กลับแล้ว
ผม : โอ้ว มาเที่ยวเป็นเดือนเลยเหรอ?
ชตป : ใช่ ลางานมาเที่ยว 3 เดือน
ผม : อ้า.. ที่ทำงาน ให้ลางาน ได้นานจัง
ชตป : สะสมวันลาไว้
ผม : อืม..คุณทำงานอะไร?
ชตป : (ทำท่าอึกอัก) ผมอายจัง ... ผมเป็น แค่ พนักงานเสมียน พิมพ์ดีด เอง
ผม : แต่ก็ดีนะครับ ได้มาเที่ยว
ชตป : ทำงานเก็บเงิน ตั้ง 2 ปี กว่าจะได้มาเที่ยว
ผม : (คิดในใจ สาดแค่ 2 ปี)
ชตป : แล้วคุณละทำงานอะไร?
ผม : วิศวกร ครับ
ชตป : (ทำท่าตกใจ) สุดยอดมากเลย
ผม : (คิดในใจ ตูทำงาน 2 ปี ยังไปไหนไม่ได้ไกลเลย)

หลังจากนั้นเปลี่ยนเรื่องคุย...


เท่าที่สัมผัส คนพวกนี้ มักจะขยัน ทำงาน ใช้เงินประหยัดมากๆ เพื่อเก็บเงิน ท่องเที่ยว (ยกเว้นฐานะดีอยู่แล้วนะ)
และค่าแรง ในหลายประเทศสูงกว่าเรามาก และค่าครองชีพบ้านเราถูกกว่ามาก เลยเป็นจุดหมายปลายทางของหลายๆคน
ความคิดเห็นที่ 8
ไม่ต้องฝรั่งหรอกคะ เราเป็นคนไทยก็ทำคะ เราเรียนจบจากม.รัฐชื่อดังในไทย แล้วมีโอกาสได้ไป working holiday ที่นิวซีแลนด์ นั่นเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของเราคะ แรกเริ่มเราแค่อยากไปเมืองนอก อยากรู้อยากเห็น  แต่พอไปแล้วมันไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิดในแบบที่คิดว่าต้องสบาย อยู่ไปสักพักจากเด็กผู้หญิงที่เรียกว่าเพิ่งจบ ไม่รู้อะไรเลย พูดได้เป็นคำๆ ไม่ทันโลก โดนหลอกมาก็เยอะ ทำอะไรแทบจะไม่เป็นเลย

ผ่านไปสามเดือน หลังจากเราย้ายจากการทำร้านอาหารไทย ไปอยู่แบคแพคเกอร์ เราโตขึ้นมาก เริ่มโบกรถเที่ยว เริ่มประหยัดเงิน มีเพื่อนที่เป็นฝรั่งเยอะมาก ความคิด ทัศนคติเราเปลี่ยนไปมาก การมองโลก แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม มันไม่ได้โตแค่ความคิด แต่โตที่จิตวิญญาณด้วย

ตอนนี้เราอยู่ออสเตรเลีย มา work and holiday เราโตขึ้นมาก เราโบกรถเที่ยว เที่ยวแบบประหยัดด้วยวิธีต่างๆมากมายที่เราได้จากเพื่อน เราเจอเพื่อนแบคแพคเกอร์ที่เราได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากเค้า จนทำให้เราเป็นคนเปิดกว้างมากขึ้น หลังจากออส เรามีแผนจะเที่ยวเดี๋ยวทั่วเอเชีย และ ถ้าเรามีโอกาส เราอยากไปยุโรปคนเดียว แต่ดูท่าจะยากหน่อย

คนไทยก็ทำได้คะ แต่อาจจะต้องเปลี่ยนการคิดเยอะๆๆ เพราะคนไทยไม่ค่อยกล้าเปลี่ยน กลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวลำบาก เมืองนอกเก็บเงินได้เยอะจริงๆคะ เราทำงานไม่กี่เดือนเราเก็บเงินได้เยอะในระดับนึงเลยคะ งานที่ทำส่วนมากเป็นงานแรงงาน แต่เป็นงานที่สนุกคะ สังคมที่นี้เค้าโอเคมาก คิดว่างานคืองานและสุจริต ถ้าผ่านตรงนี้ได้ เราจะเห็นอะไรอีกหลายๆเลยคะ ^^
ความคิดเห็นที่ 25
ผมคิดว่าระบบวิธีคิด กับความเจริญ การพัฒนา และรายได้ มันเหมือนวัฏจักรซึ่งทำให้สังคมแต่ละแห่งมีพัฒนาการไม่เหมือนกัน อย่างเช่นฝรั่งยุโรปหรืออเมริกา เขาเลือกที่จะทำในสิ่งที่ชอบ ที่เป็นตัวเขาจริงๆ ซึ่งเกิดจากการที่ความคิดตกผลึกจากประสบการณ์ที่ได้จากการท่องเที่ยวในวัยเยาว์ เมื่อเขารู้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ เมื่อกลับมาทำงาน จึงทำอย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพสูง อาจจะทำแบบไม่หยุด ไม่พัก ไม่ลา เพราะสิ่งที่เขาทำคือสิ่งที่เขาเลือก และคัดสรรด้วยความคิดที่ผ่านการกลั่นกรองจากประสบการณ์มาแล้วว่าเป็นสิ่งที่รักที่จะทำ งานที่ได้จึงเป็นงานที่ทำด้วยใจรัก มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูง ในเมื่อตัวจักรเล็กๆ ของสังคมขับเคลื่อนด้วยระบบวิธีคิดนี้ ผลงานของสังคมโดยรวมจึงมีคุณภาพ แน่นอนมันทำรายได้ มูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการให้ได้มาก และสะท้อนกลับมาที่รายได้โดยรวมและสวัสดิการสังคมที่ดี ทำให้คนรุ่นต่อๆ ไป สามารถใช้ชีวิตในวัยรุ่นในการท่องเที่ยวเพื่อสร้างประสบการณ์ชีวิต และค้นหาตัวเอง วนเวียนจากรุ่นสู่รุ่นแบบนี้
ในขณะที่บ้านเรา เราเข้าสู่ระบบผลิตกันตั้งแต่ยังไม่เคยเห็นโลกด้วยซ้ำ บางคนทำงานมาหลายๆ ปีไม่เคยไปไหนเลย หรือไปก็ไปกับ "ทัวร์" ซึ่งมันเป็นเพียงการ "ไปดู" เท่านั้น ไม่ใช่การ "ศึกษาชีวิต" แบบนี้วิธีคิดมันจะไปได้แค่ไหน? และผลิตผลของงานมันจะมีความแตกต่าง มีคุณค่าพอที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างไร? คนที่ทำงานอยู่ทุกวันนี้จำนวนมาก รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ใช่งานที่ตัวเองชอบ หรือรู้ก็ตอนอายุมากไปไหนไม่ได้แล้ว ก็ได้แต่ทำงานเพื่อรอวันหยุดไปตลอดเวลา เมื่อตัวจักรย่อยๆ เป็นแบบนี้ ผลผลิตที่เราทำได้ก็มีมูลค่าเพิ่มน้อย เป็นแค่ผู้รับจ้างผลิตเท่านั้น ในเมื่อผลผลิตของเรามีมูลค่าเพิ่มน้อย รายได้มันก็ต้องเป็นอย่างที่เห็น เมื่อรายได้น้อย เราก็ต้องรีบทำงานเพื่อหาเงิน วนเวียนอยู่อย่างนี้
ว่ากันจริงๆ ผมก็ยังไม่รู้ว่าเราต้องวนเวียนอยู่กับสภาวะแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ก็ได้แต่หวังว่า ในอนาคตเมื่อคนรุ่นใหม่ค่อยๆ เปลี่ยนทัศนคติ การเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นได้อย่างช้าๆ แต่เมื่อดูจากวิธีคิดแบบบริโภคนิยมสุดตัวของวัยรุ่นที่มีการศึกษาค่อนข้างดีทุกวันนี้ ก็ยังไม่รู้ว่าอนาคตของชาติจะเป็นอย่างไร คนรุ่นผมก็แก่ลงไปทุกวัน คงไม่น่าอยู่ถึงได้เห็นวันที่ไทยจะก้าวไปเป็นประเทศพัฒนาแล้วทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ ก็ได้แต่ฝากความหวังไว้กับเด็กรุ่นใหม่ๆ นี่ล่ะครับ
ความคิดเห็นที่ 17
เงินคือปัจจัยที่สำคัญครับ อันนี้สำคัญสุดละที่เป็นตัวกำหนดพฤติกรรมระหว่างคนไทยกับต่างชาติ และอีกอย่างคือมันมีงานให้เค้าทำ รายได้พอเพียงที่จะพาตัวเองไปเที่ยวได้ ไม่ได้เหมือนไทยครับ แค่เก็บเงินเที่ยวก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว งานของเค้าแค่พาร์ทไทม์มันก็ยังพอเอาไปจ่ายค่าเช่าที่พักที่ดีสมบูรณ์ได้ แถมยังพอเพียงกับการใช้จ่าย และพอให้ได้เก็บสำหรับท่องเที่ยวด้วย แค่ทำงานเสิร์ฟตามร้านอาหารก็พออยู่พอกินและมีเงินเก็บได้ละ (แม้จะไม่ได้ร่ำรวยก็เถอะ) มันไม่มีอะไรมาบีบให้เค้าต้องรีบทำงาน เค้ามีสวัสดิการด้วยนะ (อันนี้ไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่เคยถกกันกับเพื่อนที่อเมริกามา) ไม่มีงานทำก็มีเงินใช้ในสักระยะหนึ่งจนกว่าจะหางานได้ ดังนั้นมันจึงต่างกับไทยมากครับ ของไทยเหรอ เรียนจบม.ปลายแล้วจะเอาเงินที่ไหนไปเที่ยวอะครับ ทำงานพาร์ทไทม์ที่ไทยจะเก็บเงินได้พอเที่ยวในประเทศเท่านั้นแหละมั้ง จบแล้วทำงานกว่าจะเก็บเงินได้ไปเที่ยวมันง่ายเสียที่ไหนล่ะ ลาออกแล้วไปเที่ยวนาน ๆ แล้วกลับมาจะหางานทำมันก็ไม่ง่ายอีกเช่นกัน แล้วระหว่างที่ไม่มีงานทำ มันก็ไม่มีเงินอะไรมาให้นะ แล้วจะไปเที่ยวค้นหาตัวเองยังไง สิ่งที่บีบเรามันต่างกันอะ
ความคิดเห็นที่ 2
เราเคยทำงานเป็นผู้จัดการ bookmaker (บริษัทรับพนันม้าแข่งกับรับพนันกีฬา) ใน London เรารู้จักฝรั่งคนหนึ่งที่ทำงานในตำแหน่งเดียวกันในบริษัทเดียวกัน เราแปลกใจที่เห็นหน้าเค้าปีหนึ่งแล้วเค้าหายไปไหน 2 ปี แล้วอีกปีเค้าก็กลับมาให้เราเห็นหน้าอีก สลับกันแบบนี้เรื่อยๆไป

เราถามเค้าว่าทำไมมาๆหายๆให้เห็น เค้าบอกว่าเค้าทำงานใน London 1 ปีแล้วหยุดทำงาน 2 ปีเพื่อไปอยู่ในชนบทในอินเดีย เค้าจะทำแบบนี้สลับกันไปเรื่อยๆ เค้าบอกว่าเงินที่เก็บจากการทำงาน 1 ปีใน London เอาไปกินใช้ในชนบทในอินเดียได้ถึง 2 ปีแบบสบายๆโดยไม่ต้องทำงาน เค้าบอกว่าในอินเดียนะเค้ามีเงินเช่าบ้านหลังใหญ่ๆอยู่ จ้างคนใช้ให้บริการเค้าทุกอย่าง กินดีอยู่ดี ได้พักผ่อน 2 ปีสบายๆ แล้วค่อยกลับมาทำงานใน London ใหม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่