ดิฉันก็อายุจะ 40 แล้ว ส่วนเขาก็ใกล้จะ 50 แล้ว. ไม่มีลูก

ก่อนหน้านั้นเขามาเล่าให้ฟังว่า

มีหมายจากกรมบังคับคดีมาอายัดเงินเดือนและโบนัสของเขา

ยอดไม่ถึงแสน เพื่อนเขาช่วยดึงจดหมายออกมาให้เขาเรื่องเลยยังไม่ถึงผู้ใหญ่

มาขอให้กู้สหกรณ์ช่วยหน่อยแล้วเขาจะผ่อนชำระให้

ตอนคุยกันยอด 1 แสน แต่ตอนกู้กลับให้เจ้าหน้าที่สินเชื่อเปลี่ยนยอดไปเป็น 1 แสน 5 หมื่นบาท

อันนี้อึ้งที่ 1 อะยอม

อึ้งที่ 2 ไม่ถึงเดือนจะให้ไปกู้เพิ่ม อันนี้เราไม่ยอม

อึ้งที่ 3 สองเดือนถัดมาจะให้เราไปกดเงินสดมามหั 3 หมื่น  อันนี้เราก็ไม่ยอม เราบอกเขาว่าเงินก้อนนี้เราให้น้องชายยืมไว้สำรองตอนน้องสะใภ้คลอด

อึ้งที่ 4 วันนี้มีจดหมายจากกรมบังคับคดีแจ้งอายัดเงินเดือนและโบนัสมาที่ทำงานอีกแล้ว

ยอดหนี้เท่าเดิมเลย. ไม่เหมือนเดิมคือรอบนี้จดหมายไปถึงมือผู้ใหญ่

เราโกรธมากถามเขาว่าไหนบอกยืมเงินไปปิดยอดหนี้

แล้วทำไมยังมีจดหมายแบบเดิมมาอีก

เขาระบุชัดเจนว่าส่งมารอบนี้เป็นรอบที่ 2

ตอนนี้มีการสอบกันอยู่ว่ารอบแรกใครไปรับแล้วหายไปไหน

ยอดหนี้แค่ 7 หมื่นแล้วให้เรากู้เงินไปให้ แสนห้า เอาไปทำอะไร

พรุ่งนี้เราจะเอาคำตอบจากเขา

ถ้าคำตอบไม่โปร่งใสเราก็รู้สึกไม่ไหวจะคบเหมือนกัน

แต่ติดอยู่ที่ตอนนี้เขาก็เจอปัญหานี้อยู่

ความรู้สึกเราก็ไม่ไหวนะ

รู้สึกเหมือนโดนหลอกเลย. เราก็บอกเขาแล้วนะว่าตอนนี้เรารู้สึกเหมือนโดนเขาโกหกโดนหลอกระ

เขาก็บอกอย่าคิดอย่างงั้นสิ

รู้ไว้อย่างเดียวพี่รักเราก็พอ

เฮ้อออ. ไม่ใช่เด็กที่พอฟังคำว่ารักแล้วจะยินดีจ่ายเงินให้

กำลังชั่งใจ

ถ้าเลิกกับเขามันเพราะอารมณ์หรือเหตุผล

อยู่คนเดียวก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินเลยนะ

พอคบกับเขามีปัญหาแบบนี้มาให้รู้สึกอึดอัดตลอดเลย

ไม่ไหวแล้วมั๊ง

จะโดนข้อหาเงินจางแล้วนางจรมั๊ยนิ

ถ้าเลิกกัน เงินต้น 1 แสน 5 ก็ต้องใช้หนี้แทนเขาอีก

เจ็บตัวทุกทางเลย