คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
แต่ถ้า จขกท. ถามว่า ทำไมพี่ชายท่านนั้นไม่แสดงถ้าทีว่าชอบ หรือจีบ จขกท. สักที...อันนี้ผมพอตอบได้ครับ
เป็นไปได้ 2 กรณี คือ
กรณีที่ 1.
จขกท. ไม่เคยแสดงความรู้สึก หรือถ้าทีว่าจิงๆ แล้ว จขกท. ก็โอเคนะ ถ้าพี่เขาจะจีบ มิหนำซ้ำตัว จขกท. เองอาจจะสร้างกำแพงเล็กๆ บางๆ ขึ้นมาเองเสียด้วยซ้ำ เพราะความประหม่า หรือความรนู้สึกว่ากลัวจะดูเหมือนอ่อย หรือทอดสะพานเกินไป กลัวจะไม่งาม
ทำให้ในบางครั้งที่พี่ชายอาจส่งสัญญาณผ่านเสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม หรือพฤติกรรมอื่นใด แต่ จขกท. ก็กลับทำเป็นชิลๆ ขำๆ แก้เขิล หรือทำเป็นมองไม่เห็นสัญญาณแปลกเหล่านั้น หรือถ้าหนักหน่อยก็ทำเป็นงงๆ มึนๆ ไปเลย อันนี้ก็พบบ่อย แต่ที่จริงแล้วก็แอบลุ้นอยู่ว่าเมื่อไหร่พี่ชายจะส่งสัญญาณแรงๆ ตรงๆ มาสักที ผ่านคำพูด การกระทำ ข้อความ หรือวิธีสื่อสารอื่นใด ซึ่งพฤติกรรมงงๆ มึนๆ ชิลๆ เฉยๆ นี่เองที่ทำให้พี่ชายรู้สึกว่า หากส่งสัญญาณตรงๆ ออกไป ท่าทางจะไม่ได้รับการตอบรับที่ดี เขาก็เลยไม่กล้าส่ง ไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม ได้แต่คุยๆ ขำๆ ยิ้มๆ ตามท่าทีของ จขกท. นั่นเอง
.....
กรณีที่ 2
พี่ชายเป็นผู้ชำนาญการด้านการเกี้ยวพาราสีอย่างลึกซึ้ง ค่อยๆ ส่งสัญญาณทีละเล็ก ทีละน้อย ทำเป็นว่าตั้งใจบ้าง...ไม่ตั้งใจบ้าง สร้างความสงสัยและหวั่นไหวให้ จขกท. จนในที่สุด จขกท. นั่นเองที่เป็นผู้ก้าวออกมาจากกำแพงเล็กๆ ที่ตนสร้างขึ้นเพื่อค้นหาคำตอบนั้น ประกอบกับฟีโรโมน บรรยากาศ พฤติกรรมที่สร้างความประทับใจ ก็ทำให้ จขกท. เปิดใจให้พี่ชายชนิดที่เรียกว่า "อย่างจัง" ซึ่งวิธีนี้เองที่เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด เพราะการจะทำลายกำแพงจิตใจของใครสักคนนั้นทำได้ยากมากๆ ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง เช่น สถานการณ์ที่กดดัน...หรือเหตุไม่คาดฝันที่สร้างความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ บางคู่ตอนแรกกัดกันทุกวัน...แต่พอผ่านเหตุการณ์ที่ยากลำบาก หรือสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน หรืออุบัติเหตุมาด้วยกันก็เกิดความผูกพันธ์กันโดยไม่รู้ตัวว่ากำแพงของทั้งคู่ได้ถูกทำลายลงแล้วด้วยความสมัครใจนั่นเองครับ
ขอบพระคุณที่ติดตามอีกครั้งครับ
เป็นไปได้ 2 กรณี คือ
กรณีที่ 1.
จขกท. ไม่เคยแสดงความรู้สึก หรือถ้าทีว่าจิงๆ แล้ว จขกท. ก็โอเคนะ ถ้าพี่เขาจะจีบ มิหนำซ้ำตัว จขกท. เองอาจจะสร้างกำแพงเล็กๆ บางๆ ขึ้นมาเองเสียด้วยซ้ำ เพราะความประหม่า หรือความรนู้สึกว่ากลัวจะดูเหมือนอ่อย หรือทอดสะพานเกินไป กลัวจะไม่งาม
ทำให้ในบางครั้งที่พี่ชายอาจส่งสัญญาณผ่านเสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม หรือพฤติกรรมอื่นใด แต่ จขกท. ก็กลับทำเป็นชิลๆ ขำๆ แก้เขิล หรือทำเป็นมองไม่เห็นสัญญาณแปลกเหล่านั้น หรือถ้าหนักหน่อยก็ทำเป็นงงๆ มึนๆ ไปเลย อันนี้ก็พบบ่อย แต่ที่จริงแล้วก็แอบลุ้นอยู่ว่าเมื่อไหร่พี่ชายจะส่งสัญญาณแรงๆ ตรงๆ มาสักที ผ่านคำพูด การกระทำ ข้อความ หรือวิธีสื่อสารอื่นใด ซึ่งพฤติกรรมงงๆ มึนๆ ชิลๆ เฉยๆ นี่เองที่ทำให้พี่ชายรู้สึกว่า หากส่งสัญญาณตรงๆ ออกไป ท่าทางจะไม่ได้รับการตอบรับที่ดี เขาก็เลยไม่กล้าส่ง ไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม ได้แต่คุยๆ ขำๆ ยิ้มๆ ตามท่าทีของ จขกท. นั่นเอง
.....
กรณีที่ 2
พี่ชายเป็นผู้ชำนาญการด้านการเกี้ยวพาราสีอย่างลึกซึ้ง ค่อยๆ ส่งสัญญาณทีละเล็ก ทีละน้อย ทำเป็นว่าตั้งใจบ้าง...ไม่ตั้งใจบ้าง สร้างความสงสัยและหวั่นไหวให้ จขกท. จนในที่สุด จขกท. นั่นเองที่เป็นผู้ก้าวออกมาจากกำแพงเล็กๆ ที่ตนสร้างขึ้นเพื่อค้นหาคำตอบนั้น ประกอบกับฟีโรโมน บรรยากาศ พฤติกรรมที่สร้างความประทับใจ ก็ทำให้ จขกท. เปิดใจให้พี่ชายชนิดที่เรียกว่า "อย่างจัง" ซึ่งวิธีนี้เองที่เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด เพราะการจะทำลายกำแพงจิตใจของใครสักคนนั้นทำได้ยากมากๆ ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง เช่น สถานการณ์ที่กดดัน...หรือเหตุไม่คาดฝันที่สร้างความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ บางคู่ตอนแรกกัดกันทุกวัน...แต่พอผ่านเหตุการณ์ที่ยากลำบาก หรือสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน หรืออุบัติเหตุมาด้วยกันก็เกิดความผูกพันธ์กันโดยไม่รู้ตัวว่ากำแพงของทั้งคู่ได้ถูกทำลายลงแล้วด้วยความสมัครใจนั่นเองครับ
ขอบพระคุณที่ติดตามอีกครั้งครับ
แสดงความคิดเห็น
ผู้ชายเวลาจับมือผู้หญิงคิดอะไรมั้ยคะ ??