ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆคับ
เรื่องเริ่มจากมีนายหน้ามาเสนอขายที่ดินประมาณ7ไร่คับ ผมก็ตกลงซื้อที่ดินผืนนั้น (ในความเป็นจิงเป็นพ่อผมขึ้นมาจากกทม โดยซื้อเป็นชื่อน้องชายผม) หลังจากซื้อขายกันเรียบร้อย นายหน้าได้เสนอกับพ่อตาผมโดยที่ผมไม่รู้ (พ่อตาผมเป็นคนที่นี่ ส่วนผมเป็นคนกทมแต่งงานกับลูกสาวเขา จึงย้ายตามภรรยาขึ้นมาอยู่ที่นี่) ว่ามีคนสนใจจะเช่าที่ปลูกหัวหอม พ่อตาผมก็เป็นสไตล์ผู้ใหญ่ใจดี ท่านเห็นว่าที่ดินก็หญ้าขึ้นเต็มไปหมด ก็ให้เขาเข้ามาปลูกพืชผักแลกกับการถางหญ้าให้เรียบร้อยไปซะเลย โดยเบื้องต้นได้ตกลงกันไว้ว่าหลังจากช่วยถางหญ้าแล้วจะให้ทำการเพาะปลูก1รอบเก็บเกี่ยว จากนั้นถ้าจะทำต่อต้องทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งทางพ่อตาผมท่านใจดีอยู่แล้ว เจตนาท่านคือไม่ได้ต้องการเงินค่าเช่า แต่ทำสัญญาเพื่อป้องกันไม่ให้เขายึดครองที่ดินเราก็เท่านั้น
ภายหลังผมมารู้เรื่องที่พ่อตาไปรับปากเรื่องที่ให้เขาเข้ามาปลูกหัวหอม ผมจึงปรึกษาทางฝั่งคุณพ่อของผม ซึ่งท่านไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้(พ่อผมเป็นสไตล์นักธุรกิจนิดนึง ไม่ใช่ผู้ใหญ่ใจดีแบบพ่อตา) ท่านเห็นว่าที่ดินก็มีมูลค่าของมัน ไม่ควรจะให้ใครมาใช้ฟรีๆ ถ้าจะใช้ก็ต้องมีค่าเช่าที่เหมาะสมหรือใกล้เคียงกับมูลค่าที่ดินนั้น ท่านจึงบอกผ่านไปทางพ่อตาว่าไม่อนุญาตให้มาใช้ที่ดินฟรีๆ ส่วนเรื่องที่เขาถางที่ดินเพื่อเตรียมเพาะปลูกไปนั้น พ่อผมจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดคืนให้เอง
แต่ทางฝั่งนั้นกลับไม่ยอม โดยยื่นข้อเสนอว่าขอให้ได้เก็บเกี่ยวผลผลิตสักรอบนึงก่อนเพื่อชดเชยกับค่าถางหญ้าให้ แล้วหลังจากนั้นจะไม่ทำอีก ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ยอมรับกับเงื่อนไขนี้ ระหว่างนั้นผมพยายามขับผ่านที่ดินผืนนี้บ่อยๆเพื่อดูว่าเขาเก็บเกี่ยวรึยัง หรือว่าแอบปลูกอะไรใหม่ไหม พอพ้นช่วงเก็บเกี่ยวรอบแรกไปก็เหมือนทุกอย่างจะราบรื่น ผมจึงค่อยๆลดความถี่ในการผ่านที่ดินผืนนั้นลง นานๆจะผ่านไปดูสักที
และแล้วในวันหนึ่งที่ผมขับไปทักทายที่ดินผืนนี้ ก็เจอก็ไร่ข้าวโพดเข้าให้เต็มพื้นที่7ไร่ ผมแจ้งไปทั้งทางพ่อตาและพ่อผม แน่นอนว่าพ่อผมท่านโมโหมาก ถึงขนาดขับรถขึ้นมาจากกทมเลยทีเดียว (ผมแต่งงานแล้วย้ายขึ้นมาอยู่กับภรรยาในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือตอนล่าง) ทางฝั่งนั้นก็บอกแต่เพียงว่าขอเก็บเกี่ยวรอบนี้ก่อนแล้วจะไม่ทำแล้ว และฝั่งพ่อตาก็รับปากว่าจะช่วยดูแลอย่างเต็มที่ (เหมือนพ่อตาจะเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบเล็กน้อย เพราะไปชักศึกเข้าบ้าน) ผมก็ทำได้เพียงพาพ่อผมและครอบครัวเที่ยวเพื่อคลายเครียดไป
หลังจากนั้นพ่อตาผมก็ผ่านไปดูที่ดินหลายครั้ง จนกระทั่งเขาได้ทำการเก็บเกี่ยวไป พ่อตาจึงได้แจ้งให้ทุกคนทราบด้วยความโล่งใจ และเรื่องควรจะจบเพียงเท่านี้ แต่ทว่า….
เมื่อเช้าของวันนี้(17พย57) ได้มีชายสองคนมากดกริ่งหน้าบ้าน พบว่าเป็นนายหน้าคนนั้นมาขอพบพ่อตา แต่พอพ่อตาเห็นก็ไม่อยากออกไปคุยด้วย (ท่านโมโหที่ฝั่งนายหน้าทำให้มีเรื่องต้องผิดใจกับฝั่งพ่อผม) คิดว่าเขาจะมาขอเช่าที่เพื่อเพาะปลูกต่อ จึงให้ผมออกไปคุยเอง
เนื้อหาในบทสนทนาดูจะผิดไปจากที่คาดการณ์อยู่มาก เมื่อฝั่งนายหน้าเริ่มบอกกล่าวว่า
”ผมบอกเพื่อนเขาแล้ว ว่าไม่ให้ทำต่อ” พร้อมชี้ไปที่ชายคนข้างๆที่มาด้วยกัน
“แต่เพื่อนมันดันลืมไปบอกเอง” นายหน้ากล่าวเสริม
“มันก็เลยไปหว่านพืชไว้แล้ว” นายหน้าพูดต่อ
ผมได้ยินแบบนั้นก็โมโหมาก และแน่นอนว่าผมไม่เชื่อที่เขากล่าวอ้าง ผมจึงบอกไปว่า”งั้นผมคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมายแหละคับ เพราะมันหลายครั้งแล้ว” นายหน้าได้ยินดังนั้นจึงพูดสอดขึ้นมาว่า”แต่เขาจะให้ค่าเช่านะ” พร้อมชี้ไปทางชายคนเดิม ผมจึงถามกลับไปทางชายคนนั้นว่าจะให้ค่าเช่าเท่าไหร่ แต่นายหน้าชิงตอบว่า”หมื่นนึง” ผมถามต่อทันทีว่าต่อเดือนหรอ นายหน้าตอบกลับเบาๆว่า”ต่อปี” ซึ่งนั่นทำให้ผมโมโหมากขึ้นไปอีก เพราะครั้งล่าสุดที่มีคนมาเสนอซื้อที่ดินผืนนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่าสิบล้านบาท แต่นี่เขามาเสนอค่าเช่าให้10000บาทต่อปี หรือตก833บาทต่อเดือน หรือตกไร่ละ119บาทต่อเดือน ผมเลยบอกไปว่านี่ล้อเล่นกันรึป่าว ถ้าราคานี้จิงก็ไม่ต้องคุยกันแล้ว นายหน้าจึงถามขึ้นว่า”แล้วจะเอาเท่าไหร่” ผมจึงเลี่ยงตอบไปว่ามันเป็นที่ดินของพ่อผมไม่ใช่ของผม ผมขอคุยกับพ่อผมก่อน
และในบ่ายวันนี้ภรรยาผมได้ขับรถไปดูที่ดินพบว่ามีไม้ปักเรียงกันเป็นแถวๆไม่รู้ว่าคือพืชอะไร แต่พี่เลี้ยงเด็กที่ไปด้วยกันบอกว่าเป็นมันสำปะหลัง
ข้อมูลเพิ่มเติม
1.ผมคิดว่านายหน้าน่าจะมีผลประโยชน์จากเรื่องนี้ เช่นอาจจะไปเก็บค่าเช่าชาวบ้านไว้แล้ว จึงไม่สามารถหยุดการปลูกพืชของชาวบ้านได้ หรืออาจจะมีการแบ่งในรูปแบบเปอร์เซนต์
2.ชายคนที่มาด้วยกันกับนายหน้า อาจจะไม่ใช่คนที่ปลูกพืชจิงๆผมเดาว่าอาจจะเป็นคนแถวๆบ้านที่นายหน้าพามาแล้วบอกว่าเป็นคนปลูก เพื่อดูว่าฝั่งผมมีปฏิกิริยาอย่างไร เพราะจากการพูดคุย ชายคนดังกล่าวแทบไม่ได้พูดเลย เรื่องค่าเช่าก็กลับเป็นนายหน้าที่เสนอตัวเลขมา ถ้านายหน้าเป็นแค่คนกลางที่หวังดีจิงๆน่าจะพามาแล้วปล่อยให้พูดคุยกันเอง
3.ผมคิดว่าขนาดของที่ดินอาจมีส่วนที่ทำให้เขากล้าเสี่ยง เพราะที่ดินขนาด7ไร่ เสี่ยงแล้วได้รายรับกลับมาเยอะ ถ้าแถข้างๆคูๆผ่านไปได้ก็อาจจะคุ้ม แต่ถ้าที่ดินผมขนาดแค่2-3งาน เขาอาจจะไม่เสี่ยงเพราะรายรับที่ได้มันน้อยเกินที่จะเสี่ยง
สิ่งที่ผมต้องการความช่วยเหลือ
1.ผมควรจะทำอะไรต่อจากนี้คับ เพราะผมเป็นคนไม่รู้กฎหมายเลย
2.ถ้าผมต้องการแจ้งความ ผมสามารถแจ้งความได้หรือไม่คับ เพราะเจ้าของที่ดินเป็นชื่อของน้องชาย หรือต้องให้น้องชายผมขึ้นมาแจ้งความด้วยตัวเอง
3.ใจผมจิงๆไม่ต้องการทำอะไรร่วมกับคนกลุ่มนี้แล้วคับ รวมถึงการให้เช่าที่ดินต่อ เพราะเสียความรู้สึกไปมากแล้ว และที่บ้านก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ถ้าในกรณีเขาไม่ยอมจิงๆหรือต้องการที่จะเช่าจิงๆ มีวิธีการคำนวนค่าเช่ามั้ยคับ เพราะผมไม่เคยให้เช่าที่ดินมาก่อน เลยไม่รู้ว่ามันเป็นประมาณไหน แต่อย่างที่เขาเสนอมาไร่ละ119บาทต่อเดือนผมว่าน้อยไม่ใกล้เคียงกับความเป็นจิงเลย (ที่ดินผม7ไร่ มีคนเคยมาขอซื้อ10ล้าน)
ปล. ผมไม่เคยตั้งกระทู้ไม่เคยตอบกระทู้ในพันทิปมาก่อน นี่ก็ใช้log inของภรรยาเล่น อาจพิมพ์แล้วทำให้อ่านดูลายตาไปนิดนึงก็ขออภัยนะคับ
สุดท้ายนี้ผมอยากขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคนที่เข้ามาคอมเม้นท์ ตอนนี้ก็เที่ยงคืนแล้ว ผมตั้งกระทู้เสร็จคงจะเข้านอนเลย เพราะผมเพิ่งมีลูกน้อยคับตี5ก็เริ่มร้องแล้ว ผมต้องเป็นคนตื่นมาอุ้มลูกทุกเช้ามืดจนกระทั่งพี่เลี้ยงมาทำงานตอน8โมง แล้วผมก็ไปทำงานต่อ (ไม่ได้เกี่ยวกับกระทู้เลย555) ขอบคุณอีกครั้งคับ
ผมควรทำอย่างไรเมื่อผมโดนบุกรุกที่ดิน
เรื่องเริ่มจากมีนายหน้ามาเสนอขายที่ดินประมาณ7ไร่คับ ผมก็ตกลงซื้อที่ดินผืนนั้น (ในความเป็นจิงเป็นพ่อผมขึ้นมาจากกทม โดยซื้อเป็นชื่อน้องชายผม) หลังจากซื้อขายกันเรียบร้อย นายหน้าได้เสนอกับพ่อตาผมโดยที่ผมไม่รู้ (พ่อตาผมเป็นคนที่นี่ ส่วนผมเป็นคนกทมแต่งงานกับลูกสาวเขา จึงย้ายตามภรรยาขึ้นมาอยู่ที่นี่) ว่ามีคนสนใจจะเช่าที่ปลูกหัวหอม พ่อตาผมก็เป็นสไตล์ผู้ใหญ่ใจดี ท่านเห็นว่าที่ดินก็หญ้าขึ้นเต็มไปหมด ก็ให้เขาเข้ามาปลูกพืชผักแลกกับการถางหญ้าให้เรียบร้อยไปซะเลย โดยเบื้องต้นได้ตกลงกันไว้ว่าหลังจากช่วยถางหญ้าแล้วจะให้ทำการเพาะปลูก1รอบเก็บเกี่ยว จากนั้นถ้าจะทำต่อต้องทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งทางพ่อตาผมท่านใจดีอยู่แล้ว เจตนาท่านคือไม่ได้ต้องการเงินค่าเช่า แต่ทำสัญญาเพื่อป้องกันไม่ให้เขายึดครองที่ดินเราก็เท่านั้น
ภายหลังผมมารู้เรื่องที่พ่อตาไปรับปากเรื่องที่ให้เขาเข้ามาปลูกหัวหอม ผมจึงปรึกษาทางฝั่งคุณพ่อของผม ซึ่งท่านไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้(พ่อผมเป็นสไตล์นักธุรกิจนิดนึง ไม่ใช่ผู้ใหญ่ใจดีแบบพ่อตา) ท่านเห็นว่าที่ดินก็มีมูลค่าของมัน ไม่ควรจะให้ใครมาใช้ฟรีๆ ถ้าจะใช้ก็ต้องมีค่าเช่าที่เหมาะสมหรือใกล้เคียงกับมูลค่าที่ดินนั้น ท่านจึงบอกผ่านไปทางพ่อตาว่าไม่อนุญาตให้มาใช้ที่ดินฟรีๆ ส่วนเรื่องที่เขาถางที่ดินเพื่อเตรียมเพาะปลูกไปนั้น พ่อผมจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดคืนให้เอง
แต่ทางฝั่งนั้นกลับไม่ยอม โดยยื่นข้อเสนอว่าขอให้ได้เก็บเกี่ยวผลผลิตสักรอบนึงก่อนเพื่อชดเชยกับค่าถางหญ้าให้ แล้วหลังจากนั้นจะไม่ทำอีก ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ยอมรับกับเงื่อนไขนี้ ระหว่างนั้นผมพยายามขับผ่านที่ดินผืนนี้บ่อยๆเพื่อดูว่าเขาเก็บเกี่ยวรึยัง หรือว่าแอบปลูกอะไรใหม่ไหม พอพ้นช่วงเก็บเกี่ยวรอบแรกไปก็เหมือนทุกอย่างจะราบรื่น ผมจึงค่อยๆลดความถี่ในการผ่านที่ดินผืนนั้นลง นานๆจะผ่านไปดูสักที
และแล้วในวันหนึ่งที่ผมขับไปทักทายที่ดินผืนนี้ ก็เจอก็ไร่ข้าวโพดเข้าให้เต็มพื้นที่7ไร่ ผมแจ้งไปทั้งทางพ่อตาและพ่อผม แน่นอนว่าพ่อผมท่านโมโหมาก ถึงขนาดขับรถขึ้นมาจากกทมเลยทีเดียว (ผมแต่งงานแล้วย้ายขึ้นมาอยู่กับภรรยาในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือตอนล่าง) ทางฝั่งนั้นก็บอกแต่เพียงว่าขอเก็บเกี่ยวรอบนี้ก่อนแล้วจะไม่ทำแล้ว และฝั่งพ่อตาก็รับปากว่าจะช่วยดูแลอย่างเต็มที่ (เหมือนพ่อตาจะเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบเล็กน้อย เพราะไปชักศึกเข้าบ้าน) ผมก็ทำได้เพียงพาพ่อผมและครอบครัวเที่ยวเพื่อคลายเครียดไป
หลังจากนั้นพ่อตาผมก็ผ่านไปดูที่ดินหลายครั้ง จนกระทั่งเขาได้ทำการเก็บเกี่ยวไป พ่อตาจึงได้แจ้งให้ทุกคนทราบด้วยความโล่งใจ และเรื่องควรจะจบเพียงเท่านี้ แต่ทว่า….
เมื่อเช้าของวันนี้(17พย57) ได้มีชายสองคนมากดกริ่งหน้าบ้าน พบว่าเป็นนายหน้าคนนั้นมาขอพบพ่อตา แต่พอพ่อตาเห็นก็ไม่อยากออกไปคุยด้วย (ท่านโมโหที่ฝั่งนายหน้าทำให้มีเรื่องต้องผิดใจกับฝั่งพ่อผม) คิดว่าเขาจะมาขอเช่าที่เพื่อเพาะปลูกต่อ จึงให้ผมออกไปคุยเอง
เนื้อหาในบทสนทนาดูจะผิดไปจากที่คาดการณ์อยู่มาก เมื่อฝั่งนายหน้าเริ่มบอกกล่าวว่า
”ผมบอกเพื่อนเขาแล้ว ว่าไม่ให้ทำต่อ” พร้อมชี้ไปที่ชายคนข้างๆที่มาด้วยกัน
“แต่เพื่อนมันดันลืมไปบอกเอง” นายหน้ากล่าวเสริม
“มันก็เลยไปหว่านพืชไว้แล้ว” นายหน้าพูดต่อ
ผมได้ยินแบบนั้นก็โมโหมาก และแน่นอนว่าผมไม่เชื่อที่เขากล่าวอ้าง ผมจึงบอกไปว่า”งั้นผมคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมายแหละคับ เพราะมันหลายครั้งแล้ว” นายหน้าได้ยินดังนั้นจึงพูดสอดขึ้นมาว่า”แต่เขาจะให้ค่าเช่านะ” พร้อมชี้ไปทางชายคนเดิม ผมจึงถามกลับไปทางชายคนนั้นว่าจะให้ค่าเช่าเท่าไหร่ แต่นายหน้าชิงตอบว่า”หมื่นนึง” ผมถามต่อทันทีว่าต่อเดือนหรอ นายหน้าตอบกลับเบาๆว่า”ต่อปี” ซึ่งนั่นทำให้ผมโมโหมากขึ้นไปอีก เพราะครั้งล่าสุดที่มีคนมาเสนอซื้อที่ดินผืนนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่าสิบล้านบาท แต่นี่เขามาเสนอค่าเช่าให้10000บาทต่อปี หรือตก833บาทต่อเดือน หรือตกไร่ละ119บาทต่อเดือน ผมเลยบอกไปว่านี่ล้อเล่นกันรึป่าว ถ้าราคานี้จิงก็ไม่ต้องคุยกันแล้ว นายหน้าจึงถามขึ้นว่า”แล้วจะเอาเท่าไหร่” ผมจึงเลี่ยงตอบไปว่ามันเป็นที่ดินของพ่อผมไม่ใช่ของผม ผมขอคุยกับพ่อผมก่อน
และในบ่ายวันนี้ภรรยาผมได้ขับรถไปดูที่ดินพบว่ามีไม้ปักเรียงกันเป็นแถวๆไม่รู้ว่าคือพืชอะไร แต่พี่เลี้ยงเด็กที่ไปด้วยกันบอกว่าเป็นมันสำปะหลัง
ข้อมูลเพิ่มเติม
1.ผมคิดว่านายหน้าน่าจะมีผลประโยชน์จากเรื่องนี้ เช่นอาจจะไปเก็บค่าเช่าชาวบ้านไว้แล้ว จึงไม่สามารถหยุดการปลูกพืชของชาวบ้านได้ หรืออาจจะมีการแบ่งในรูปแบบเปอร์เซนต์
2.ชายคนที่มาด้วยกันกับนายหน้า อาจจะไม่ใช่คนที่ปลูกพืชจิงๆผมเดาว่าอาจจะเป็นคนแถวๆบ้านที่นายหน้าพามาแล้วบอกว่าเป็นคนปลูก เพื่อดูว่าฝั่งผมมีปฏิกิริยาอย่างไร เพราะจากการพูดคุย ชายคนดังกล่าวแทบไม่ได้พูดเลย เรื่องค่าเช่าก็กลับเป็นนายหน้าที่เสนอตัวเลขมา ถ้านายหน้าเป็นแค่คนกลางที่หวังดีจิงๆน่าจะพามาแล้วปล่อยให้พูดคุยกันเอง
3.ผมคิดว่าขนาดของที่ดินอาจมีส่วนที่ทำให้เขากล้าเสี่ยง เพราะที่ดินขนาด7ไร่ เสี่ยงแล้วได้รายรับกลับมาเยอะ ถ้าแถข้างๆคูๆผ่านไปได้ก็อาจจะคุ้ม แต่ถ้าที่ดินผมขนาดแค่2-3งาน เขาอาจจะไม่เสี่ยงเพราะรายรับที่ได้มันน้อยเกินที่จะเสี่ยง
สิ่งที่ผมต้องการความช่วยเหลือ
1.ผมควรจะทำอะไรต่อจากนี้คับ เพราะผมเป็นคนไม่รู้กฎหมายเลย
2.ถ้าผมต้องการแจ้งความ ผมสามารถแจ้งความได้หรือไม่คับ เพราะเจ้าของที่ดินเป็นชื่อของน้องชาย หรือต้องให้น้องชายผมขึ้นมาแจ้งความด้วยตัวเอง
3.ใจผมจิงๆไม่ต้องการทำอะไรร่วมกับคนกลุ่มนี้แล้วคับ รวมถึงการให้เช่าที่ดินต่อ เพราะเสียความรู้สึกไปมากแล้ว และที่บ้านก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ถ้าในกรณีเขาไม่ยอมจิงๆหรือต้องการที่จะเช่าจิงๆ มีวิธีการคำนวนค่าเช่ามั้ยคับ เพราะผมไม่เคยให้เช่าที่ดินมาก่อน เลยไม่รู้ว่ามันเป็นประมาณไหน แต่อย่างที่เขาเสนอมาไร่ละ119บาทต่อเดือนผมว่าน้อยไม่ใกล้เคียงกับความเป็นจิงเลย (ที่ดินผม7ไร่ มีคนเคยมาขอซื้อ10ล้าน)
ปล. ผมไม่เคยตั้งกระทู้ไม่เคยตอบกระทู้ในพันทิปมาก่อน นี่ก็ใช้log inของภรรยาเล่น อาจพิมพ์แล้วทำให้อ่านดูลายตาไปนิดนึงก็ขออภัยนะคับ
สุดท้ายนี้ผมอยากขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคนที่เข้ามาคอมเม้นท์ ตอนนี้ก็เที่ยงคืนแล้ว ผมตั้งกระทู้เสร็จคงจะเข้านอนเลย เพราะผมเพิ่งมีลูกน้อยคับตี5ก็เริ่มร้องแล้ว ผมต้องเป็นคนตื่นมาอุ้มลูกทุกเช้ามืดจนกระทั่งพี่เลี้ยงมาทำงานตอน8โมง แล้วผมก็ไปทำงานต่อ (ไม่ได้เกี่ยวกับกระทู้เลย555) ขอบคุณอีกครั้งคับ