รีวิว รองเท้าวิ่ง Adidas จากญี่ปุ่นรุ่น Japan Boost (เบา - นุ่ม - เด้ง )
บอกก่อนนะครับ ว่าผมเองไม่ได้เป็นนักวิ่งอาชีพ เพียงแค่วิ่งเพื่อออกกำลังกาย และมีใจรักรองเท้ากีฬาเท่านั้น ดังนั้นหากข้อมูลที่ผมเขียนไปผิดพลาดประการใด มาช่วยกันท้วงติงได้เลยนะครับ เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อคนที่กำลังมองหารองเท้าวิ่ง และมีใจรักรองเท้ากีฬาเหมือนๆ กัน
เรื่องของเรื่อง คือผมเพิ่งมีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นมาครับ เลยถอยรองเท้าวิ่งใหม่มา 1 คู่ ยี่ห้อ Adidas ตระกูล Boost ซึ่งเชื่อว่าหลายคนที่เป็นนักวิ่ง ย่อมรู้จักกันดีอยู่แล้ว เพราะเทคโนโลยี Boost ที่ว่า เป็นระบบรองรับแรงกระแทก ที่เหมือนกับเม็ดโฟมมาอัดรวมกัน แต่ทาง ADIDAS เค้ายืนยันว่าไม่ใช่โฟมนะครับ แต่เรียกว่า Boost แม่ว่าหน้าตาจะเหมือนกับโฟมก็ตาม 555 .....แต่ถ้าใครเคยไปลองจับดูแล้ว (ตามช็อป Adidas ช่วงแรกๆ จะมีเม็ด Boost ให้ลองสัมผัส )จะรู้เลยว่า ความยืดหยุ่นสูงมาก เพราะฉะนั้นรองเท้าตระกูลนี้ จึงเน้นไปที่ความยืดหยุ่น และความนุ่มและเด้งของพื้นรองเท้าเป็นหลัก
รุ่นที่ผมได้มา คือรุ่น JAPAN Boost ซื้อมาจาก Gotemba Outlet ซึ่งเท่าที่ดูมา ไม่น่าจะมีจำหน่ายในช็อป Adidas ประเทศไทย หรืออาจจะมี แต่อยู่ในชื่ออื่นรึเปล่าไม่ทราบ (ถ้าใครรู้บอกกันได้เลยนะครับ) รายละเอียดต่างๆ ค่อยๆ บรรยายตามภาพประกอบละกัน
1. รูปร่างหน้าตา......จะคล้าย Energy Boost นะครับ แต่ดูจากรูปจะเห็นว่า ตรง Boost ที่เป็นสีขาวๆ รุ่น Energy จะหนากว่าเล็กน้อย (รูปจากเว็บนะครับ) ซ้ายคือ Japan ขวาคือ Energy
2. กล่อง ก็จะเป็นเหมือน Boost รุ่นอื่น พาดด้วยตัวหนังสือสีเหลือง คำว่า Boost
3. ป้ายห้อย ก็จะเยอะๆ ตามสไตล์รองเท้าญี่ปุ่น ...ถ้าเป็นบ้านเรามีป้ายบอกเบอร์ บอกราคาเพียงป้ายเดียว
4. รองเท้าญี่ปุ่น แต่ผลิตที่ไหนดูเอาเองนะครับ 555
5. ดูเชือกก่อนครับ เชือกรุ่นนี้ จะมีเม็ดสีขาวๆ แทรกอยู่ แต่ของจริง ตรงนี้จะเป็นเม็ดสะท้อนแสงนะครับ ฟรุ้งฟริ้งพอตัว (ไม่ชอบ) ...แต่ถ้าสีอื่น (พี่ที่ไปด้วยซื้อมาเหมือนกัน สีดำล้วน พื้นเขียว) จะมีเชือกให้อีกคู่นึง เป็นสีเขียวเดียวกับพื้น แต่ของผมไม่มี (หรือว่า ทางร้านมันไม่ให้มาก็ไม่รู้)
6.ดูที่ตัวรองเท้ากันบ้าง แบบไม่ร้อยเชือกนะครับ สัมผัสแรกที่ได้จับ คือ รู้สึกเบาครับ เบากว่า Energy (ลองจับตอนอยู่ในร้าน) เนื่องจากมีหลายจุดที่ รุ่นนี้ใช้วัสดุที่เบาลง และยิ่งเทียบกับรุ่น Sonic Boost ที่ผมใช้อยู่ (รุ่นล่างสุดของตระกูลนี้) ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ เจ้า Sonic ดูหนักและเทอะทะขึ้นมาทันที
7.ดูที่ สามแถบด้านข้างครับ รุ่นอื่นแถบจะเป็นแผ่นพลาสติกสะท้อนแสง มาเย็บติดกับตัวรองเท้า แต่รุ่นนี้เป็นคล้ายๆสีสกีนครับ(ไม่รู้เทคโนโลยีอะไร) เลยลดน้ำหนักลงไปได้ละดับหนึ่ง .... จุดที่น่าสังเกตุอีกจุดหนึ่งคือหน้าผ้าของรองเท้าที่บางเฉียบ (ไม่แน่ใจจะมีปัญหาต่อความทนทานในอนาคตหรือเปล่า)
8. ลิ้นรองเท้าครับ ....รุ่นนี้ จะไม่ทำลิ้นติดกับตัวรองเท้า สามารถปริ้นออกมาได้อย่างในรูปนะครับ และเมื่อลองเทียบกับรุ่น Sonic ตามภาพด้านล่าง รุ่น Sonic จะเย็บลิ้นติดไปกับรองเท้าทำให้ต้องเพิ่มผ้าเข้ามาอีกหนึ่งชั้น น้ำหนักก็เลยเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
9. เกราะบริเวณส้นเท้า รุ่นนี้จะใช้เป็นแถบพลาสติกแบบบาง คล้ายจะเป็นแบบผ้าเคลือบพลาสติกด้วยซ้ำ (คาดว่าเพื่อลดน้ำหนัก) ต่างจากของ Sonic ที่จะเป็นพลาสติกที่แข็งและมีความหนา ซึ่งรุ่น Top อย่าง Energy ก็เป็นโครงพลาสติกหนาเหมือนกัน
10.เนื้อผ้าครับ ...รุ่นนี้จะใช้ผ้าตาข่าย แบบโปร่งแสง (ก็คาดว่าเพื่อลดน้ำหนักอีกนั่นแหละ) ต่างจากรุ่นอื่นๆ ที่ใช้ผ้าค่อนข้างหน้า และดูจะระบายอากาศไม่ค่อยดีเท่ากับรุ่นนี้
11. พื้นรองเท้ากันบ้างครับ รุ่นนี้ จะทำพื้นตรงฝ่าเท้าเป็นเม็ดสีดำ ๆ นูนออกมานะครับ ส่วนบริเวณส้นเท้า ก็จะมีคำว่า Boost พร้อมมีส่วนที่เว้าแว่ง เพื่อโชว์ว่า มี Boost กระจายอยู่ทั่วทั้งพื้น ซึ่งเมื่อเทียบกับ Sonic (รูปแรก) แล้ว Sonic จะมี Boost อยู่ 2 จุด คือตรงส้นเท้า กับฝ่าเท้า ที่เหลือนั้นเป็นพื้นยางเข้ามาผสม
12. ดูพื้นด้านใน ก็จะเขียนชื่อรุ่นเอาไว้
13. พอลองร้อยเชือกแล้วก็จะเป็นแบบนี้ครับ
14.ราคาที่ได้มาครับ
ข้อดี
1.เบา
รุ่นนี้เบาจริงๆ เพราะ Boost รุ่นแรกๆ อาจจะมีปัญหาเรื่องน้ำหนัก ใครที่อยากได้รองเท้าเบาอาจจะต้องหันไปใส่รุ่น Adizero แทน แต่ก็จะไม่ได้ความนุ่มของ Boost (ได้อย่างเสียอย่าง) รุ่นนี้เลยน่าจะตอบโจทย์สาวก ADIDAS ที่ชอบของเบาและนุ่มได้ แต่ถ้าไม่ใช่สาวก ก็ไปหายี่ห้ออื่นใส่ก็ได้นะครับ 555
2. หน้ากว้าง
เหมาะกับคนเท้าบาน ถ้าใครเคยลองหรือใส่ตระกูล Boost จะพอทราบนะครับ ว่ารุ่นนี้ค่อนข้างจะบีบช่วงกลางเท้าพอสมควร (ส่วนหนึ่งคิดว่าน่าจะเป็นที่เนื้อผ้าแต่ละประเภทด้วย) แต่รุ่นนี้ แม้ว่าจะร้อยเชือกแบบแน่นแล้ว แต่ก็ไม่รู้สึกถึงการบีบ ซึ่งตัว Sonic ที่ผมใช้อยู่หลายเดือนกว่าจะขยาย
3.ความนุ่ม - เด้ง
แน่นอนว่า Boost ที่ให้มาเต็มผ่าเท้า ย่อมนุ่มกว่าที่ให้มา เป็นหย่อมๆ อย่าง Sonic อยู่แล้ว และขณะที่ลองจ๊อกกิ้งกับที่ รองเท้าค่อนข้างจะเด้งรอบเท้าดีด้วย
4. ราคา
รุ่นนี้ซื้อ Outlet ลด 50% ครับ จาก 13,900 เยน คือเป็นเงินบาทก็คูณ 0.30 เท่ากับ 4,170 บาท ลดแล้วก็เหลือ 2,000 นิดๆ ถือว่าคุ้มกับ Boost ที่ได้มาเต็มพื้นแบบนี้ แถมยังถูกกว่า Sonic ผมซะอีก (เจ้า Sonic นี่ซื้อที่ Outlet เมืองทอง ลด 50% ยังเหลือ 2,300 เลย )
ข้อเสีย
1.ความบาง
รุ่นนี้บางทุกสัดส่วน บางจนน่าตกใจว่าจะไม่ทนครับ (อันนี้ กังวลไปเอง เพราะยังไม่เคยลองใช้ในระยะยาว)
2. พื้นตรงที่เป็นเม็ดยางดำๆ
ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าใช้นานไป เม็ดทั้งหลายจะหลุดร่อนรึเปล่า เพราะไม่รู้ว่าเค้าออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศญี่ปุ่น ที่พื้นค่อนข้างเย็น ซึ่งหากมาลองใช้กับพื้นเมืองไทยที่ร้อนๆ อาจจะทำให้เม็ดดำๆ หลุดออกมาเร็วกว่ากำหนดได้
3. เชือกรองเท้า
อันนี้ส่วนตัว เพราะเชือกมันฟรุ้งฟริ้งไปครับ
สรุป
" สำหรับคนที่ต้องการรองเท้า วิ่งที่เบา นุ่ม และเด้งรับจังหวะการวิ่ง คู่นี้น่าจะตอบโจทย์ได้ดีเลยครับ แต่ที่ยังหวั่นคือเรื่องความทนทาน โดยเฉพาะพื้นที่เป็นเม็ดสีดำๆ ที่หวั่นใจว่าจะมีอายุการใช้งานต่ำ แต่ด้วยราคาที่ได้มาถือว่าพอใจกับคุณภาพที่ได้ครับ "
[CR] รีวิว รองเท้าวิ่ง Adidas จากญี่ปุ่นรุ่น Japan Boost (เบา - นุ่ม - เด้ง )
บอกก่อนนะครับ ว่าผมเองไม่ได้เป็นนักวิ่งอาชีพ เพียงแค่วิ่งเพื่อออกกำลังกาย และมีใจรักรองเท้ากีฬาเท่านั้น ดังนั้นหากข้อมูลที่ผมเขียนไปผิดพลาดประการใด มาช่วยกันท้วงติงได้เลยนะครับ เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อคนที่กำลังมองหารองเท้าวิ่ง และมีใจรักรองเท้ากีฬาเหมือนๆ กัน
เรื่องของเรื่อง คือผมเพิ่งมีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นมาครับ เลยถอยรองเท้าวิ่งใหม่มา 1 คู่ ยี่ห้อ Adidas ตระกูล Boost ซึ่งเชื่อว่าหลายคนที่เป็นนักวิ่ง ย่อมรู้จักกันดีอยู่แล้ว เพราะเทคโนโลยี Boost ที่ว่า เป็นระบบรองรับแรงกระแทก ที่เหมือนกับเม็ดโฟมมาอัดรวมกัน แต่ทาง ADIDAS เค้ายืนยันว่าไม่ใช่โฟมนะครับ แต่เรียกว่า Boost แม่ว่าหน้าตาจะเหมือนกับโฟมก็ตาม 555 .....แต่ถ้าใครเคยไปลองจับดูแล้ว (ตามช็อป Adidas ช่วงแรกๆ จะมีเม็ด Boost ให้ลองสัมผัส )จะรู้เลยว่า ความยืดหยุ่นสูงมาก เพราะฉะนั้นรองเท้าตระกูลนี้ จึงเน้นไปที่ความยืดหยุ่น และความนุ่มและเด้งของพื้นรองเท้าเป็นหลัก
รุ่นที่ผมได้มา คือรุ่น JAPAN Boost ซื้อมาจาก Gotemba Outlet ซึ่งเท่าที่ดูมา ไม่น่าจะมีจำหน่ายในช็อป Adidas ประเทศไทย หรืออาจจะมี แต่อยู่ในชื่ออื่นรึเปล่าไม่ทราบ (ถ้าใครรู้บอกกันได้เลยนะครับ) รายละเอียดต่างๆ ค่อยๆ บรรยายตามภาพประกอบละกัน
1. รูปร่างหน้าตา......จะคล้าย Energy Boost นะครับ แต่ดูจากรูปจะเห็นว่า ตรง Boost ที่เป็นสีขาวๆ รุ่น Energy จะหนากว่าเล็กน้อย (รูปจากเว็บนะครับ) ซ้ายคือ Japan ขวาคือ Energy
2. กล่อง ก็จะเป็นเหมือน Boost รุ่นอื่น พาดด้วยตัวหนังสือสีเหลือง คำว่า Boost
3. ป้ายห้อย ก็จะเยอะๆ ตามสไตล์รองเท้าญี่ปุ่น ...ถ้าเป็นบ้านเรามีป้ายบอกเบอร์ บอกราคาเพียงป้ายเดียว
4. รองเท้าญี่ปุ่น แต่ผลิตที่ไหนดูเอาเองนะครับ 555
5. ดูเชือกก่อนครับ เชือกรุ่นนี้ จะมีเม็ดสีขาวๆ แทรกอยู่ แต่ของจริง ตรงนี้จะเป็นเม็ดสะท้อนแสงนะครับ ฟรุ้งฟริ้งพอตัว (ไม่ชอบ) ...แต่ถ้าสีอื่น (พี่ที่ไปด้วยซื้อมาเหมือนกัน สีดำล้วน พื้นเขียว) จะมีเชือกให้อีกคู่นึง เป็นสีเขียวเดียวกับพื้น แต่ของผมไม่มี (หรือว่า ทางร้านมันไม่ให้มาก็ไม่รู้)
6.ดูที่ตัวรองเท้ากันบ้าง แบบไม่ร้อยเชือกนะครับ สัมผัสแรกที่ได้จับ คือ รู้สึกเบาครับ เบากว่า Energy (ลองจับตอนอยู่ในร้าน) เนื่องจากมีหลายจุดที่ รุ่นนี้ใช้วัสดุที่เบาลง และยิ่งเทียบกับรุ่น Sonic Boost ที่ผมใช้อยู่ (รุ่นล่างสุดของตระกูลนี้) ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ เจ้า Sonic ดูหนักและเทอะทะขึ้นมาทันที
7.ดูที่ สามแถบด้านข้างครับ รุ่นอื่นแถบจะเป็นแผ่นพลาสติกสะท้อนแสง มาเย็บติดกับตัวรองเท้า แต่รุ่นนี้เป็นคล้ายๆสีสกีนครับ(ไม่รู้เทคโนโลยีอะไร) เลยลดน้ำหนักลงไปได้ละดับหนึ่ง .... จุดที่น่าสังเกตุอีกจุดหนึ่งคือหน้าผ้าของรองเท้าที่บางเฉียบ (ไม่แน่ใจจะมีปัญหาต่อความทนทานในอนาคตหรือเปล่า)
8. ลิ้นรองเท้าครับ ....รุ่นนี้ จะไม่ทำลิ้นติดกับตัวรองเท้า สามารถปริ้นออกมาได้อย่างในรูปนะครับ และเมื่อลองเทียบกับรุ่น Sonic ตามภาพด้านล่าง รุ่น Sonic จะเย็บลิ้นติดไปกับรองเท้าทำให้ต้องเพิ่มผ้าเข้ามาอีกหนึ่งชั้น น้ำหนักก็เลยเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
9. เกราะบริเวณส้นเท้า รุ่นนี้จะใช้เป็นแถบพลาสติกแบบบาง คล้ายจะเป็นแบบผ้าเคลือบพลาสติกด้วยซ้ำ (คาดว่าเพื่อลดน้ำหนัก) ต่างจากของ Sonic ที่จะเป็นพลาสติกที่แข็งและมีความหนา ซึ่งรุ่น Top อย่าง Energy ก็เป็นโครงพลาสติกหนาเหมือนกัน
10.เนื้อผ้าครับ ...รุ่นนี้จะใช้ผ้าตาข่าย แบบโปร่งแสง (ก็คาดว่าเพื่อลดน้ำหนักอีกนั่นแหละ) ต่างจากรุ่นอื่นๆ ที่ใช้ผ้าค่อนข้างหน้า และดูจะระบายอากาศไม่ค่อยดีเท่ากับรุ่นนี้
11. พื้นรองเท้ากันบ้างครับ รุ่นนี้ จะทำพื้นตรงฝ่าเท้าเป็นเม็ดสีดำ ๆ นูนออกมานะครับ ส่วนบริเวณส้นเท้า ก็จะมีคำว่า Boost พร้อมมีส่วนที่เว้าแว่ง เพื่อโชว์ว่า มี Boost กระจายอยู่ทั่วทั้งพื้น ซึ่งเมื่อเทียบกับ Sonic (รูปแรก) แล้ว Sonic จะมี Boost อยู่ 2 จุด คือตรงส้นเท้า กับฝ่าเท้า ที่เหลือนั้นเป็นพื้นยางเข้ามาผสม
12. ดูพื้นด้านใน ก็จะเขียนชื่อรุ่นเอาไว้
13. พอลองร้อยเชือกแล้วก็จะเป็นแบบนี้ครับ
14.ราคาที่ได้มาครับ
ข้อดี
1.เบา
รุ่นนี้เบาจริงๆ เพราะ Boost รุ่นแรกๆ อาจจะมีปัญหาเรื่องน้ำหนัก ใครที่อยากได้รองเท้าเบาอาจจะต้องหันไปใส่รุ่น Adizero แทน แต่ก็จะไม่ได้ความนุ่มของ Boost (ได้อย่างเสียอย่าง) รุ่นนี้เลยน่าจะตอบโจทย์สาวก ADIDAS ที่ชอบของเบาและนุ่มได้ แต่ถ้าไม่ใช่สาวก ก็ไปหายี่ห้ออื่นใส่ก็ได้นะครับ 555
2. หน้ากว้าง
เหมาะกับคนเท้าบาน ถ้าใครเคยลองหรือใส่ตระกูล Boost จะพอทราบนะครับ ว่ารุ่นนี้ค่อนข้างจะบีบช่วงกลางเท้าพอสมควร (ส่วนหนึ่งคิดว่าน่าจะเป็นที่เนื้อผ้าแต่ละประเภทด้วย) แต่รุ่นนี้ แม้ว่าจะร้อยเชือกแบบแน่นแล้ว แต่ก็ไม่รู้สึกถึงการบีบ ซึ่งตัว Sonic ที่ผมใช้อยู่หลายเดือนกว่าจะขยาย
3.ความนุ่ม - เด้ง
แน่นอนว่า Boost ที่ให้มาเต็มผ่าเท้า ย่อมนุ่มกว่าที่ให้มา เป็นหย่อมๆ อย่าง Sonic อยู่แล้ว และขณะที่ลองจ๊อกกิ้งกับที่ รองเท้าค่อนข้างจะเด้งรอบเท้าดีด้วย
4. ราคา
รุ่นนี้ซื้อ Outlet ลด 50% ครับ จาก 13,900 เยน คือเป็นเงินบาทก็คูณ 0.30 เท่ากับ 4,170 บาท ลดแล้วก็เหลือ 2,000 นิดๆ ถือว่าคุ้มกับ Boost ที่ได้มาเต็มพื้นแบบนี้ แถมยังถูกกว่า Sonic ผมซะอีก (เจ้า Sonic นี่ซื้อที่ Outlet เมืองทอง ลด 50% ยังเหลือ 2,300 เลย )
ข้อเสีย
1.ความบาง
รุ่นนี้บางทุกสัดส่วน บางจนน่าตกใจว่าจะไม่ทนครับ (อันนี้ กังวลไปเอง เพราะยังไม่เคยลองใช้ในระยะยาว)
2. พื้นตรงที่เป็นเม็ดยางดำๆ
ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าใช้นานไป เม็ดทั้งหลายจะหลุดร่อนรึเปล่า เพราะไม่รู้ว่าเค้าออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศญี่ปุ่น ที่พื้นค่อนข้างเย็น ซึ่งหากมาลองใช้กับพื้นเมืองไทยที่ร้อนๆ อาจจะทำให้เม็ดดำๆ หลุดออกมาเร็วกว่ากำหนดได้
3. เชือกรองเท้า
อันนี้ส่วนตัว เพราะเชือกมันฟรุ้งฟริ้งไปครับ
สรุป
" สำหรับคนที่ต้องการรองเท้า วิ่งที่เบา นุ่ม และเด้งรับจังหวะการวิ่ง คู่นี้น่าจะตอบโจทย์ได้ดีเลยครับ แต่ที่ยังหวั่นคือเรื่องความทนทาน โดยเฉพาะพื้นที่เป็นเม็ดสีดำๆ ที่หวั่นใจว่าจะมีอายุการใช้งานต่ำ แต่ด้วยราคาที่ได้มาถือว่าพอใจกับคุณภาพที่ได้ครับ "