วันนี้ขอมาแชร์เรื่องราวที่ทำให้น้อยใจหน่อยค่ะ (หรือหาพื้นที่ระบายนั่นเอง)
ดิฉันมีลูกสาววัย 1 ขวบกว่าๆ ด้วยความเป็นผู้หญิง เราก็เลยอยากให้ลูกแต่งตัวสวยๆ
ตั้งแต่ใกล้คลอด ก็เตรียมหาซื้อเสื้อผ้าน่ารักๆเก็บไว้ ถุงมือ ถุงเท้า หมวก ผ้าห่ม ผ้าห่อตัว
ซึ่งคาดว่าคุณแม่หลายๆคนก็คงจะเป็นแบบนี้เช่นกัน
แต่ที่ไม่เข้าใจคือ คุณสามีบ่นว่า...ดิฉันใช้เงินเก่งค่ะ
ตอนนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะสามีให้เหตุผลว่าไม่ต้องซื้อเยอะหรอก เดี๋ยวญาติๆก็ซื้อให้
ซึ่งมันก็จริง แต่ก็ไม่ทั้งหมด บางอย่าง เช่น รถเข็น เบาะ ผ้าห่ม มีญาติๆ ซื้อมาให้ก็จริง
แต่เสื้อผ้าลูก ต้องเตรียมไว้เยอะๆ จะให้ไปซื้อหลังคลอดก็ไม่มีเวลากระเตงลูกไปแล้ว
พอเวลาผ่านไปค่ะ
ลูกเริ่มโตขึ้น เสื้อผ้าก็ต้องเปลี่ยนจากผูกหลังเป็น กระโปรง ชุดหมี เดรส ชุดออกงาน ชุดนอน ถุงเท้า รองเท้า
แปบๆ ลูกโตอีกละ เปลี่ยนไซส์แทบทุกเดือน เสื้อผ้าที่เคยใส่ได้ ก็ใส่ไม่ได้ รองเท้าที่เคยใส่แบบธรรมดาก็ต้องเป็นแบบหัดเดิน
ถุงเท้าคู่เดิมๆก็รัดข้อเท้ามากไป ทุกอย่างต้องซื้อใหม่
ซึ่งหน้าที่คนซื้อเสื้อผ้าให้ลูก ต้องเป็นหน้าที่ผู้หญิงอยู่แล้ว
สำหรับสามี เขาใช้เงินซื้อแค่เสื่อผ้า รองเท้า ของเขา
แต่สำหรับคุณแม่&ภรรยาอย่างดิฉัน ต้องซื้อทั้ง เสื้อผ้าตัวเอง เครื่องสำอาง(ซึ่งสามีก็อยากให้ภรรยาสวยๆ) รองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้าที่เคยใส่ก่อนท้องก็ใส่ไม่ได้ ก็ต้องซื้อไซส์ใหม่ กว่าจะกลับมาใส่ไซส์เดิมได้ เสื้อผ้าเดิมๆ ก็ตกรุ่นไปเกือบปี แถมยังต้องซื้อแพมเพิร์ส ซื้อนม ซื้อของใช้ต่างๆนานาในบ้านอีก มันทำให้ดูเหมือนว่า ดิฉันใช้เงินในแต่ละวันเยอะมาก เพราะดิฉันเป็นคนจับจ่ายซื้อของเอง
ก็เลยเกิดอาการน้อยใจขึ้นมา...
ก็คุณผู้ชายไม่เคยซื้อเสื้อผ้าให้ลูกนี่คะ ตั้งแต่เกิดมา มีแต่ดิฉันที่ซื้อทั้งนั้น เลือกให้ลูกทั้งนั้น
ทำไมถึงมาบอกว่าเราใช้เงินเก่ง บางทีก็น้อยใจเป็นเหมือนกัน
(นี่ถ้าฉันไม่ซื้อเสื้อผ้าสวยๆให้ลูกใส่ เวลาไปไหนมาไหนมีคนบอกว่าลูกเธอขี้เหร่ เธอจะมาโทษฉันไม่ได้นะคะคู้ณณณณณณ)
(ระบาย) ซื้อเสื้อผ้า-ของใช้ให้ลูก แต่กลับโดนบ่นว่าใช้เงินเก่ง
ดิฉันมีลูกสาววัย 1 ขวบกว่าๆ ด้วยความเป็นผู้หญิง เราก็เลยอยากให้ลูกแต่งตัวสวยๆ
ตั้งแต่ใกล้คลอด ก็เตรียมหาซื้อเสื้อผ้าน่ารักๆเก็บไว้ ถุงมือ ถุงเท้า หมวก ผ้าห่ม ผ้าห่อตัว
ซึ่งคาดว่าคุณแม่หลายๆคนก็คงจะเป็นแบบนี้เช่นกัน
แต่ที่ไม่เข้าใจคือ คุณสามีบ่นว่า...ดิฉันใช้เงินเก่งค่ะ
ตอนนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะสามีให้เหตุผลว่าไม่ต้องซื้อเยอะหรอก เดี๋ยวญาติๆก็ซื้อให้
ซึ่งมันก็จริง แต่ก็ไม่ทั้งหมด บางอย่าง เช่น รถเข็น เบาะ ผ้าห่ม มีญาติๆ ซื้อมาให้ก็จริง
แต่เสื้อผ้าลูก ต้องเตรียมไว้เยอะๆ จะให้ไปซื้อหลังคลอดก็ไม่มีเวลากระเตงลูกไปแล้ว
พอเวลาผ่านไปค่ะ
ลูกเริ่มโตขึ้น เสื้อผ้าก็ต้องเปลี่ยนจากผูกหลังเป็น กระโปรง ชุดหมี เดรส ชุดออกงาน ชุดนอน ถุงเท้า รองเท้า
แปบๆ ลูกโตอีกละ เปลี่ยนไซส์แทบทุกเดือน เสื้อผ้าที่เคยใส่ได้ ก็ใส่ไม่ได้ รองเท้าที่เคยใส่แบบธรรมดาก็ต้องเป็นแบบหัดเดิน
ถุงเท้าคู่เดิมๆก็รัดข้อเท้ามากไป ทุกอย่างต้องซื้อใหม่
ซึ่งหน้าที่คนซื้อเสื้อผ้าให้ลูก ต้องเป็นหน้าที่ผู้หญิงอยู่แล้ว
สำหรับสามี เขาใช้เงินซื้อแค่เสื่อผ้า รองเท้า ของเขา
แต่สำหรับคุณแม่&ภรรยาอย่างดิฉัน ต้องซื้อทั้ง เสื้อผ้าตัวเอง เครื่องสำอาง(ซึ่งสามีก็อยากให้ภรรยาสวยๆ) รองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้าที่เคยใส่ก่อนท้องก็ใส่ไม่ได้ ก็ต้องซื้อไซส์ใหม่ กว่าจะกลับมาใส่ไซส์เดิมได้ เสื้อผ้าเดิมๆ ก็ตกรุ่นไปเกือบปี แถมยังต้องซื้อแพมเพิร์ส ซื้อนม ซื้อของใช้ต่างๆนานาในบ้านอีก มันทำให้ดูเหมือนว่า ดิฉันใช้เงินในแต่ละวันเยอะมาก เพราะดิฉันเป็นคนจับจ่ายซื้อของเอง
ก็เลยเกิดอาการน้อยใจขึ้นมา...
ก็คุณผู้ชายไม่เคยซื้อเสื้อผ้าให้ลูกนี่คะ ตั้งแต่เกิดมา มีแต่ดิฉันที่ซื้อทั้งนั้น เลือกให้ลูกทั้งนั้น
ทำไมถึงมาบอกว่าเราใช้เงินเก่ง บางทีก็น้อยใจเป็นเหมือนกัน
(นี่ถ้าฉันไม่ซื้อเสื้อผ้าสวยๆให้ลูกใส่ เวลาไปไหนมาไหนมีคนบอกว่าลูกเธอขี้เหร่ เธอจะมาโทษฉันไม่ได้นะคะคู้ณณณณณณ)