เราไปเที่ยวบาหลี เมื่อ1-4 พ.ย. 2557 กันเองแบบสองสาวจากเชียงใหม่ โดยติดต่อไกด์มร.ทูเดย์ (mr.today) ซึ่งเราได้รีวิวจากพันทิปนี่เอง ผ่านอีเมล์ todayari@yahoo.com ให้วางแผนท่องเที่ยวให้เรา 3 คืน 4 วัน เน้นสถานที่สำคัญต่างๆ แบบสบายๆ ไม่เร่งรีบเกินไป โดยเราเลือกจองที่พักและร้านอาหารเย็นเอง เราก็พอใจในรายการและราคาที่เค้าจัดให้ และเจอกันที่สนามบินรับเราที่สายตปท 1 คนและในประเทศอีก 1คนเพราะแวะจาการ์ตามาก่อน โดยไกด์ชูป้ายชื่อเราแค่นั้น ไกด์มร.ทูเดย์ใช้รถซูซูกิ สี่ประตูมารับเรา 2 คน สภาพรถดี แอร์เย็น (เน้นว่าสำคัญมากเพราะอากาศร้อนมาก แดดแรง)

วันแรกเป็นทริปครึ่งวัน เริ่มพาเราไปแลกเงินก่อน เรามีแต่ us$ แลกได้มากกว่าที่สนามบินค่ะ ทานอาหารกลางวัน เราเลือกร้านซี่โครงหมูย่าง อาหารจานใหญ่ อร่อยค่ะ ลูกค้าเข้ามาตลอด แนะนำชิมน้ำอะโวคาโดปั่น
เดินทางต่อไป uluwatu temple วัดอูลาวาตู อยู่ริมหน้าผาสูง เราต้องจ่ายค่าเข้าและผูกผ้าที่เอวพื่อเข้าไปบริเวณวัด ไกด์มร.ทูเดย์ จะเดินเข้าไปกับเราและอธิบายให้ฟังตลอด มีลิงตัวใหญ่เล็กมากมาย มักจะเข้ามาฉกของจากนทท. ไกด์จะคอยกันลิงให้กลุ่มเรา ดีมากมาก เพราะเราเห็นมีลิงกระโดดเกาะนทท. คนอื่น แล้วลิงอีกตัวยังฉกรองเท้าของนทท.ที่นั่งถอดไว้ เอาไปกอดเฉยเลย แดดร้อนมาก แต่วิวสวย
ต่อไป pandawa beach มีจุดเด่นที่ถนนลงไปชายหาดที่มีน้ำทะเลสีสวย ถนนจะตัดผ่านกลางภูเขาหินที่สูง เป็นช่องทางลดเลี้ยวลงไป ด้านข้างภูเขาเจาะเป็นช่องวางรูปปั้นขนาดใหญ่ วันนี้มีนักเรียนอินโดมาเที่ยวกันอย่างหนาแน่น และอากาศร้อนมาก เราเลยกลับไปคูต้า เพื่อเช็คอินโรงแรมที่จองมาชื่อ citadine kuta beachในเครือ ascott group เพิ่งเปิดได้3 เดือนไกด์เลยไม่รู้จัก โทรถามกับโรงแรมก็หาง่าย เพราะอยู่หน้าหาดเอง เรานัดเจอไกด์ในวันต่อไป
เดินเที่ยวชายหาดคูต้า ดูเค้าเล่น wind serf ชมพระอาทิตย์ตกและไปหาร้านดินเนอร์เอง แถว beach mall แบบสบายๆ ที่โรงแรมมีสระว่ายน้ำอยู่ชั้นrooftop วิวสวยมาก ตอนเช้าเลยรีบตื่นมาใช้งานกันเลย เสร็จแล้วไปทานอาหารเช้า มีอาหารให้เลือกพอสมควร หาที่นั่งระเบียงให้ชมวิวทะเลด้านหน้าหาด พนักงานบริการดี
วันที่สองทริปเต็มวัน เราเช็คเอาท์ เก้าโมงครึ่ง มร.ทูเดย์จัดกระเป๋าขึ้นรถเพื่อไปพักที่อูบุดสองคืน เริ่มจากไปวัด besakih (mother temple) ที่มีข่าวเรื่องมาเฟีย ไกด์เตรียมโสร่งมาให้และเราจ่ายค่าเข้าวัด ไกด์พาเราเดินเข้าไปพร้อมกันโดยไม่มีใครเข้ามาหาเลย ทำให้ถ่ายรูปกันแบบสบายๆ ที่ละชั้นแวะให้ถ่ายรูปตลอด จนขึ้นไปชั้นบนสุดมีหอบแฮะๆ แต่เห็นวิวมุมกว้างแล้วหายเหนื่อย ฟังไกด์เล่าเรื่องไปเรื่อยๆ ลมพัดเย็นสบาย แอบมอง mt. agung ภูเขาไฟสูงสุดในบาหลี(จัดว่ายังactive) ที่อยู่ด้านหลัง แล้วพึมพำขอพรเทพในวัดว่า อากุงอยู่เงียบๆอย่าขยับนะ เรามาดีเหมือนกัน  เพราะเราเองเคยอยู่ชานเมืองโตเกียว เมื่อแผ่นดินไหว 11/3/2011หลังจากลงจากวัดมาแล้ว พี่เราถามไกด์ว่าไหนล่ะมาเฟีย  มร.ทูเดย์ตอบว่าวันนี้หน.มาเฟียพาลูกทัวร์มาเอง เลยสบาย มีมุขฮาด้วย ต่อด้วยภารกิจหลักคืออยากได้สละหวานกรอบ เราเคยลองชิมที่จาการ์ต้า สละไม่หวานเลย แต่ที่บาหลีชิมแล้วหวานกว่ามากและราคาไม่แพง(15000idr/kg) จัดแพ็คเกจกลับเมืองไทยให้ด้วย (ไกด์ก็ซื้อกลับบ้านเหมือนกัน)
เดินทางต่อไปภูเขาไฟคินตามณี kintamani (ยัง active เหมือนกัน) มีทะเลสาบสีฟ้าสวยอยู่ใกล้ๆ จัดให้ทานร้านอาหารกลางวันแบบบุฟเฟ่ มีอาหารหลากหลาย รวมทั้งแบบอินโดนีเซียด้วย เครื่องดื่มมีชากับกาแฟจัดให้ นอกนั้นต้องสั่งและจ่ายเพิ่มเอง แต่เราเลือกโต๊ะอาหารเป็นหลักเพื่อกินวิว กับน้ำผลไม้สด อากาศไม่ร้อนมาก ตักอาหารใส่กระจาดไม้ มีsatekไก่ แต่เกรียมจัง (ราคาอาหาร 80000-90000idr/คน)
แวะcoffee plantation ชมสวนกาแฟ โกโก้ วนิลา ที่อุดมสมบูรณ์เพราะปลูกด้วยดินภูเขาไฟ เน้นชิมกาแฟขี้ชะมด (kopi luwak) 50000 idr/แก้ว และกาแฟมะพร้าว น้ำอื่นๆอีก แต่ชงเสริฟแบบร้อนทุกอย่าง ไม่ไหวจะชิมของร้อนกับอากาศแบบนี้ เลยซื้อมาได้แต่ผงโกโก้กับเครื่องเทศในครัวล่ะ
วัดน้ำพุศักดิสิทธิ์ (tempak siring) วัดนี้มีป้าย world heritage 2012 มีคนบาหลีมาขอพรเยอะมาก เราเข้าไปเดินชมกรรมวิธีขอพรกับสายน้ำที่พุ่งออกจากผนัง แล้วไปดูสระที่มีน้ำผุดออกมาตลอดทั้งปี ไม่เคยแห้ง น้ำใสมาก ด้านในเป็นบริเวณประกอบพิธีการ ไกด์ว่ามีพระนั่งอยู่ จากนั้นทางเดินออกจะผ่านบริเวณขายของ พูดราคาไทยชัดเจน ไม่ไหวที่จะต้องต่อราคากัน ขอบายเลยค่ะ เดินทางเพื่อกลับอูบุดได้จอดรถแวะชมนาขั้นบันได (paddle rice )แบบเล็กๆอีกแห่งก่อน
ไกด์ต้องหาที่พักที่เราจองมาชื่อว่า budi’s house bangalow  แต่ไม่ยากสำหรับมร.ทูเดย์เลย หลังเราเช็คอินเรียบร้อยก็นัดเจอกันวันต่อไป ที่พักนี้มีสระว่ายน้ำด้วยแต่ขนาดเล็ก เราอาบน้ำแต่งตัวออกไปเดินเที่ยวชมเมือง ubud  ไปทาง palace ที่มีการแสดงศิลปพื้นเมือง วันอาทิตย์เป็นลากอง เริ่มเวลาหนึ่งทุ่ม ตั๋ว 80000idr/คน เราเดินไปอีกไม่ไกล เจอร้านชื่อ café’ lotus มีที่นั่งชมการแสดงและทานอาหารได้จากในร้านเลย เพราะด้านในมีส่วนติดกับส่วนแสดงของpalace บริเวณร้านมีสระใหญ่ดอกบัวสีชมพู ดอกกล้วยไม้สวยงาม บรรยากาศดี เราเลยดินเนอร์ที่นี่ ถูกใจทั้งอาหาร เครื่องดื่มและมองเห็นการแสดงด้วย เสร็จแล้วเดินกลับที่พัก บนฝั่งถนนมีต้นลีลาวดีตลอดทาง คนบาหลีมาเก็บดอกที่หล่นลงกันเต็มตะกร้า   คืนนี้เราหาadaptor แบบขากลมที่ต้องเสียบกับปลั๊กติดผนังแบบอินโดที่เตรียมมาไม่เจอ เลยเมล์บอกมร.ทูเดย์ขอยืม1 วัน(วันรุ่งขึ้นรีบเอามาให้ทันที) ส่วนคืนนี้เราไปขอยืมจาก budi house มาชั่วคราวเพราะเค้ามีอันเดียว
วันที่สามทริปเต็มวัน เราออกไปเดินตลาดอูบุดแต่เช้า ดูวิถีชีวิตชาวบาหลี มีขายถาดดอกไม้เซ่นไหว้เยอะมาก (มร.ทูเดย์จะวางไว้หน้าคอนโซลรถทุกวันเรียกว่า คะนัง ซาหรี) เราได้ของฝากเล็กน้อย มองหาร้านกาแฟและbreakfast แบบนั่งสบายๆมีwifi ก็ได้อยู่ใกล้ที่พักเราเอง
มร.ทูเดย์มาแล้วเราออกเดินทางไปวัดหลวง taman  ayun temple เป็นวัดหลวงที่มีสวนสวยและคูน้ำอยู่ล้อมรอบ จ่ายค่าเข้าวัดแล้วเดินเข้าไปตามทาง นทท.ต่างชาติเยอะมาก เข้าคิวกันถ่ายรูป อากาศก็ร้อน แดดแรงมากขึ้น เดินไปรอบส่วนในที่มีเจดีย์ลักษณะของหลังคาเป็นชั้นๆทำจากใบตาล นับได้มากสุด 11 ชั้น เดินได้รอบแล้ว ไม่ไหวร้อนจริงๆ
ไกด์เลยเปลี่ยนรายการพาเราขับรถขึ้นเขาไปวัดบนทะเลสาบ (ulun danau beratan temple) อากาศไม่ร้อน พอไปถึงก็ได้เห็นทะเลสาบสวย มีลมพัดเย็นตลอด เจดีย์อยู่ริมทะเลสาบ แต่ช่วงนี้น้ำแห้ง จึงไม่มีน้ำมาล้อมรอบเจดีย์ แต่มีดอกไม้สีสันสวยงาม มีนทท.มานั่งวาดรูป บรรยากาศดี มีร้านให้ซื้อของฝาก ราคาไม่แพงมาก จากนั้นไปทานอาหารกลางวันแบบบุฟเฟ่ ราคาเหมือนเดิม ต้องสั่งเครื่องดื่มเพิ่มเป็นน้ำผลไม้ปั่น รสชาติอาหารสู้เมื่อวานไม่ได้ แต่มีwifi ก็โอเค เดินทางต่อเห็นข้างถนนบนภูเขามีสตรอเบอรรี่ขาย มร.ทูเดย์จัดการให้ขอแบบลูกใหญ่ๆนะ ชิมแล้วหวานเฉพาะลูกใหญ่จริงๆ ลูกเล็กชิมแล้วต้องหลับตาเลย
ต่อไปชมนาขั้นบันได jatihluwih terrace แบบอลังการ มองวิวได้มุมกว้าง มีน้ำใสไหลเป็นลำธาร นาข้าวสีเขียวขจี เดินลงไปที่นาข้าวได้ ลมพัดเย็นสบาย เราถ่ายรูปได้เรื่อยๆ แวบเห็นหุ่นไล่กาในนาข้าวที่แสดงแบบโดยสาวไทย เค้าเรียกว่าLakut มีร้านให้นั่งดื่มน้ำผลไม้ สบายๆ แล้วชมวิวไปด้วย
จากนั้นไปรอชมพระอาทิตย์ตกที่ tanah  lot temple วิวสวยมาก นทท.ก็เยอะมาก วัดอยู่กลางทะเล คลื่นลูกใหญ่ เลยไม่ขอลงไปเดินด้านล่าง ส่วนอีกด้านเป็นวัดที่มีช่องประตูโค้งให้คลื่นซัดผ่านเข้าชายหาด หามุมถ่ายรูปกันไป พออาทิตย์ลับขอบฟ้า นกนางแอ่นฝูงใหญ่บินออกจากรังที่อยู่ใต้หน้าผาวัด บินกันเป็นสาย เหมือนค้างคาวเลย ฟ้าเริ่มมืดลงเรากลับอูบุด นัดเจอไกด์วันรุ่ง เราออกมาเดินเที่ยวอูบุดแล้วได้ดินเนอร์ที่ noman restaurant ตรงข้าม palace อาหารก็ดีพอสมควร
วันที่สี่ เราเช็คเอาท์ ออกเช้าแปดโมง เกรสเฮาส์รีบนำอาหารเช้าชุดเล็กๆมาให้ เราเตรียมไปแวะซื้อของที่ระลึกเพิ่มที่ร้าน krinsana ก่อนไปสนามบิน ไฟล์กลับเราทั้งสองไม่ต่างกันมากประมาณ11-12 am แต่ออกที่สายตปท และในประเทศ เราได้ของฝากที่ถูกใจคือถั่วทอดกรอบและเครื่องประดับ ราคาไม่แพงมาก อย่าลืมเหลือเงินอินโดไว้จ่ายภาษีสนามบินด้วยค่ะ (สายตปท เดนปาซาร์-กรุงเทพฯ ด้วยแอร์เอเชีย จ่าย 200,000 idr).
จากบาหลีทริปครั้งนี้เราได้รับบริการทั้งหมดที่ดีเกินที่คาดไว้ของ มร.ทูเดย์, Todaybalitour.com, todayari@yahoo.com คิดราคาครึ่งวันสามแสน เต็มวันสี่แสนห้า วันที่สี่คิดสองแสน เราให้ทิปเค้าเพิ่มพอสมควร เราคิดว่าจะกลับไปเที่ยวที่เหลือที่เราไม่มีเวลาไปนะ เราขอแนะนำไกด์นี้กับเพื่อนๆสำหรับเที่ยวบาหลีค่ะ)