HARD MAN ถ้าพวกเขาคุมสนามได้...ทีมของเขาจะเป็นผู้ชนะ

ทีมที่เคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก หรืออยู่หัวตารางตลอด ต้องมีหลายองค์ประกอบในทีม ไม่ว่าจะเป็นกองหน้าระดับตีนพระกาฬยิงยังไงก็เข้า เพลย์เมกเกอร์ สายตาเหยี่ยวกองหลังเผลอแปปเดียว พ่อจ่ายทะลุช่องให้กองหน้าได้ทันควัน แบ็คฝีมือดี...เติมเกมบุกไม่มียั้ง ช่วยให้ทีมกดดันคู่ต่อสู้จนโงหัวไม่ขึ้น หรือผู้รักษาประตูที่เหมือนจะกินกาวเป็นอาหาร เหนียวอยู่ได้ แต่มีตำแหน่งสำคัญ อีกตำแหน่งหนึ่ง และดูเหมือนว่าตำแหน่งนี้กำลังจะสูญพันธุ์ไปจากพรีเมียร์ลีกแล้ว นั่นก็คือ

“ฮาร์ดแมน”



ฮาร์ดแมน ไม่ใช่ชื่อตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่มันคือแนวทางการเล่น (บวกสันดานดิบส่วนตัวด้วยอะนะ) และตำแหน่งที่สวมบทบาทนี้ได้อย่างโดดเด่นที่สุด ต้องยกให้ “กองกลาง ตัวรับ” เรียกได้ว่าเพลย์เมกเกอร์ฝั่งตรงข้ามกำลังทำเกมบุกขึ้นมา เหลือบมองเห็นหน้า ฮาร์ดแมน ก็หนาวขี้ขาแข็งกันไปเลย

ฮาร์ดแมน พร้อมจะหยุดการทำเกมของฝั่งตรงข้ามด้วยการเล่นแบบดุดัน เข้าชนอย่างเด็ดขาด ถึงลูกถึงคน ถ้าฝั่งตรงข้ามนอนกุมขาถ่วงเวลาหรือเรียกคะแนนสงสาร ก็จะโดนฮาร์ดแมนตะโกนด่าจนต้องรีบลุกแทบไม่ทัน ถ้ากรรมการเป่าฟาวล์แบบข้องใจ ก็จะเจอฮาร์ดแมนปรี่เข้าไปถามเหตุผลแบบน้ำลายแทบกระเด็นใส่หน้า ถ้าฝั่งตรงข้ามฟอร์มดี เล่นแบบผีเข้า โดดเด่นเกินหน้า เกินตา ก็จะโดนฮาร์ดแมน นี่แหละเข้าไปเตะสัก 2 – 3 ป๊าป เพื่อให้องค์ออก แต่ถ้า ฮาร์ดแมนมาเจอ ฮาร์ดแมน ด้วยกันล่ะก็...บรรลัยสถานเดียว





ฮาร์ดแมน นั้นเปรียบเสมือนหัวใจของทีม เป็นห้องเครื่องในการขับเคลื่อน และควบคุมสนามในการแข่งเลยทีเดียว เพราะอะไร? เพราะทุกคนในทีมอุ่นใจเวลามีตัวชนให้พวกเขาในสนาม กองหลังเล่นได้ง่ายขึ้น เพราะเขาช่วยแบ่งเบาเกมรับส่วนหนึ่งแล้ว ทีมรุกทำเกมได้มากขึ้น...เพราะฮาร์ดแมนคอยทำลายเกมรุกของฝ่ายตรงข้าม เมื่อทีมรุกได้บอลมากขึ้น กองหน้าก็มีโอกาสทำประตูสูง “ถ้าฮาร์ดแมนคุมสนามได้...ทีมของเขาจะเป็นผู้ชนะ” คำพูดนี้ไม่ได้ ได้มาเพราะโชคช่วย

เพราะผลงานของทีมทีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างมากมาย เช่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ครั้งนึง พวกเขามีกัปตันทีม ฮาร์ดแมน ชื่อ “รอย คีน” และภารกิจที่จำไม่ลืมของคีนคือ การทำประตูตีตื้นเปลี่ยนเกม และกระตุ้นลูกทีมของเขาจนสามารถบุกไปกระฉากชัยชนะจาก ยูเวนตุส ถึง ตูริน ในยุคที่บอลอิตาลีครองโลก จนพาทีมเข้าชิง ชนะเลิศ และคว้าถ้วยประวัติศาสตร์ UCL เมื่อปี 1999





หรือ อาร์เซนอล ที่มียอดกัปตันทีมชื่อ “ปาทริค วิเอร่า” วิเอร่าเข้าบอลหนัก ทางบอลดี แถมด้วยการจ่ายบอลที่เยี่ยม และบางครั้งตัวเขาเองกระชากบอลทำทางเองด้วย ทำให้ อาร์เซนอล ทำสถิติไร้พ่าย เมื่อปี 2003-2004 คือไม่แพ้ใครเลย 38 เกมในลีก (อุ๊บ่ะ)





นอกจากนี้ยังมียอด ฮาร์ดแมน อีกหลายคนที่ช่วยทำผลงานให้กับทีมตัวเองได้โดดเด่น เช่น “เดนนิส ไวส์” ของเชลซีในยุคฟักไข่ ตัวเล็กนิดเดียว แต่ใจใหญ่กว่าตัว 10 เท่า ทีมใดมาเจอเชลซีแล้ว เดนนิส ไวส์ ลงสนามเกมนั้นเป็นเกมที่ยากแน่นอน



“จูเลี่ยน ดิ๊กส์” ยอดขุนค้อน แห่งเวสต์แฮม ที่ครั้งนึงเคยเป็นคนเหล็กของลิเวอร์พูล ที่ฝั่งตรงข้ามหนักใจสุดๆเวลาเจอเขาในสนาม หรือ
“นีล รัดด็อก” เดอะ เรเซอร์ สมัยอยู่แอนฟิลด์ นี่ก็อีกหนึ่งตัวแสบ แฟนๆแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคงจำวีรกรรมแกได้ดี ทั้ง ทำประตูสำคัญๆในการเจอกันได้เสมอ หรือเตะแอนดี้ โคล จนเจ็บ และยั่วโมโห เอริค คันโตน่า จนตบะแตกมาแล้ว





“เดวิด แบตตี้” กับ “ลี โบว์เยอร์” ไอ้สองจอมโหดแห่ง ลีดส์ ยูไนเต็ด ยุคโคตรรุ่งเรือง ที่พาทีมสร้างโคตรประวัติศาสตร์ลุยลุ้นแชมป์ลีก





“และ ฮาร์ดแมน ตัวตำนานอย่างวินนี่ โจนส์ ไอ้โรคจิตแห่ง เครซี่ แก๊ง วิมเบอดัน ทีมในตำนานเพราะช่วงนั้นโรคจิตกันทั้งแก๊ง ขนาดเด็กตัวเล็กๆ พ่อเตะกลิ้งเป็นขนุนและวีรกรรมที่ไปบีบไข่ พอล แกสคอยน์ ดาวรุ่งอังกฤษ ซะจนเล่นไม่ออก ตอนนี้ได้ดิบได้ดี
ด้านการแสดงหนังไปแล้ว และส่วนมากจะเป็นบทโรคจิตๆซะด้วยนะ”







ทั้งหมดที่ยกมาเป็นแค่ตัวอย่างของ ฮาร์ดแมน โหดๆ เด่นๆ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ก้ามข้ามเส้นผมบางๆไม่ได้ เส้นผมบางๆที่แบ่งคั้นระหว่าง ฮาร์ดแมน กับ ไอ้โง่ เพราะถ้าเข้าจังหวะผิดนิดเดียวหรือ ควบคุม อารมณ์ไม่ได้ ผลที่ตามมาย่อมรุนแรงตามแนวทางการเล่นคืออย่างน้อยๆก็ “ใบแดง” เมื่อเป็นเช่นนั้น ทีมจะเสียผลประโยชน์อย่างมากทันที เพราะนอกจากจะขาดผู้เล่นแล้ว ยังขาดหัวใจของการต่อสู้ไปอีกด้วย และบางครั้งโดนฝั่งตรงข้ามเล่นรุนแรงกลับคืนบาดเจ็บกันไปก็เยอะ







ยุคสมัยเปลี่ยนไป ในฟุตบอลสมัยใหม่เน้นที่ผลการแข่งขัน ความไม่นิยม ไม่ศรัทธาในฮาร์ดแมน และสังคมที่เปลี่ยนไป ทำให้นักเตะที่ทำตัวห่ามๆเหี้ยมๆไว้กดดันฝั่งตรงข้ามก็เลือนหายไปตามกาลเวลา

บางครั้งในสนามก็ต้องการอะไรที่มันห่ามๆบ้าง จิตวิญญาณที่ต้องการชัยชนะ เพื่อแฟนบอล เพื่อสโมสร การทุ่มเทแบบเกินร้อยแรงม้า การเล่นแบบกัดไม่ปล่อย การเล่นแบบดุดัน ผสมลูกตุกติกนิดๆหน่อยๆ บ่อยครั้งที่มันทำโมเมนตัม “เปลี่ยน” กลับมาอยู่ฝั่งตัวเอง ก็ไม่ต่างอะไรกับในชีวิตจริงนั่นแหละ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เป็นการเขียนบทความและนำมาลงพันทิปครั้งแรก ถ้าข้อมูลหรือคำพูดผิดพลาด รุนแรงไปตรงไหน ต้องขออภัยครับ และรบกวนชี้แนะด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่