รูปอยู่ในโนตบุคเครื่องเก่าเปิดยังไงก็ไม่ติดเลยขอนำมาฝากเล็กน้อยๆ ให้ทุกท่านได้ชมกันครับ
มันเป็นทริปเล็กๆจริง ไปกันแค่รุ่นพี่ที่มหาลัยชวนไป
"เฮ้น้อง ไป วัดจันทร์ กับพี่ปะ"
ผมกับเพื่อน
"มันอยู่ที่ไหนครับ"
รุ่นพี่
"ไม่ไกลหรอก ไปทาง อ.ปาย "
ผมกับเพื่อน
"อยากไปครับพี่ ว่าแต่ไปเมื่อ"
รุ่นพี่
"พรุ่งนี้เลย"
เฮ้ย บ้าไปแล้ว ไปในที่ไม่เคยไป แถมเงินก็ไม่ค่อยมี แบบนี้ซิน่าตื่นเต้น อิอิ ตอนนั้นผมมีเงินแค่ 600 บาท ประมาณปี 52
มันเป็นครั้งแรกของผมกับเพื่อนเลยก็ว่าได้ที่ออกไปขี่มอไซค์ท่องเที่ยว โดยที่ไม่รู้จุดหมายปลายทาง
แถมรถเราก็รถจ่ายตลาดบ้านๆ รถผม Honda Sonic 125 ปี 49 และของเพื่อนผม Honda Dream 125 ปี47
และรถรุ่นพี่ผม สามคันสี่คน Dream 125 , Yamaha Fresh 115 และ Honda Wave 100 (เจ้าถิ่น)
เราออกเดินทางแบบเดาๆ ไม่รู้อะไรมาก ทริปนี้ไปหกคนกลับห้าคน ไม่ได้ตายนะครับ อิอิ แต่แวะไปส่งที่บ้าน
ผมขี่รถผม และเพื่อนผมคนหนึ่งขี่รถเค้า และเพื่อนอีกคนซ้อนรุ่นพี่ที่ขี่ดรีมไป ตอนนั้นผมหนักประมาณ 120
โดยเริ่มออกเดินทางตอนเช้า ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ วิ่งเส้น เชียงใหม่-แม่ริม ขี่ตามๆกันไป
ขี่ไปเรื่อยๆ จนถึงแยกไปอำเภอปาย ตอนนี้แหล่ะเริ่มสนุก รถผมน้ำมันเริ่มจะหมด วิ่งมาร้อยกว่าโลแล้ว ทำไงดี
ขี่ไปแบบตื่นเต้นครับ รถรุ่นพี่ที่เป็นดรีม เค้าเป็นเจ้าถิ่นด้วย แถมซ้อนสอง น้ำหนักสองคนนั้นประมาณ 120 พอๆกับผม แต่พอขึ้นดอยแล้ว
โซนิคสู้ดรีมไม่ได้เลย ประกอบกับการไม่ชำนาญทา ขี่ไปลุ้นไป สาดโค้งไป เหงื่อแตกไป ไม่ได้ร้อนนะครับ กลัวน้ำมันหมด ^^
จนจอดแยกไปบ้านวัดจันทร์ (ปัจจุบัน เป็น อ.กัลยาณิวัฒนา) ก็เข้าไปส่งรุ่นพี่และรุ่นพี่บอกว่าจะนอนค้างที่นี่คืนหนึ่ง
ลืมบอกไป ที่ที่เราไปเป็นบ้านพี่น้องปะกาเกอญอหรือกะเหรี่ยง ตอนนั้นวัดจันทร์ยังไม่มีถนนยางมะตอยหรือซีเมนต์ยังเป็นถนนดินแดงอโศก ไม่ใช่ละ
จริงๆมีรูปแต่ยังเปิดไม่ได้ ไปนอนกันที่โบสถ์ครับ บ้านพักหลังโบสถ์ ค่ำนั้นเราไปจัดกิจกรรมเล็กกับน้องๆที่โรงเรียน ไปร้องเพลงนมัสการพระเจ้า
และเล่นเกมส์กันที่โบสถ์ พอเสร็จกิจกรรมประมาณสามทุ่ม เราก็ไปอยู่ที่บ้านรุ่นพี่ สักพักมีน้องๆ ที๋โบสถ์สองสามคน เดินมาพูดภาษากะเหรี่ยง ผมและเพื่อน
ฟังไม่เข้า แล้วน้องๆก็หายไปในความมืด รุ่นพี่บอกว่า "เค้าบอกว่าอย่าเพิ่งนอนนะ เดี๋ยวไปเอาไก่มาให้" ว้าว วิเศษมาก มีมื้อดึกด้วย ในทันใดนั้น
น้องๆสองสามคนกลับมาพร้อมไก่บ้านสองตัวเป็นๆ "เย้ย ยังไม่ตายหรอ แล้วจะทำยัง" น้องๆตอบว่า พี่นั่งรอไปเดี๋ยวจัดให้ อีกประมาณสักพักใหญ่
ราวๆชั่วโมง ผมแทบหลับรอ ตื่นมาพร้อมกับแกงไก่ แล้วข้าวเบอะ(ข้าวต้มของกะเหรี่ยง น่าตาไม่ค่อยน่ากินแต่อร่อยมาก) ผมเพื่อนและรุ่นพี่กินกันซะพุง
เดินไม่ไหว ไก่ตั้งสองตัว เค้าต้อนรับเราดีและเป็นกันเองมาก
พอกินเสร็จ ก็กลับที่พักที่อยู่หลังโบสถ์ รุ่นพี่ก็มาส่งเราและกลับไป เหลือผมและเพื่อนและรุ่นพี่อีกสอง เป็นห้าคน นอนกันแบบ งงๆ ว่า ทำไม ไม่มีมุ้ง???
ยุงจะกัดมั้ย ฯลฯ เราก็ต่างคนต่างนอนกันครับ บางคนถอดเสื้อ นอนคนละมุม แบบยังสงสัยอยู่ แต่ปรากฏว่าคืนนั้นหนาวมากครับ ผมเลยเข้าใจแล้วว่า
ทำไมไม่มีมุ้งเพราะอากาศเย็นมากเลยไม่มียุง จากตอนนี้อยากได้ผ้าห่มเพิ่มแทนมุ้งซะละ
เช้ารุ่งขึ้น เสียงรุ่นพี่ "โห พวกเองนี่เกินไปละ หลังโบสถ์นะเฟ้ย" ผมก็ยังงง ปรากฏว่าพวกเราห้าคนนอนอยู่เป็นกระจุกเดียวกัน กอดกันบ้างไม่ใส่เสื้ออีก
เลยมีแซวนิดหน่อย อิอิ เช้ามาเราเดินทางต่อไป อำเภอปายต่อเลยครับ โดยภาพนี้
เที่ยวระหว่างเสร็จก็ไปถึงตัวอำเภอปาย หาข้าวกินหน่อย เราไปกินข้าวซอยกัน พวกเราสั่งกันอย่างเต็มที่เลยเพราะหิวมากไม่ได้กินข้าวเช้า
แต่ลืมว่าเงินเราไม่มากกัน แต่รุ่นพี่ใจดีครับเลี้ยงครับ และคราวนี้เรายิงยาวจาก อ.ปาย ไป อ.เมือง แม่ฮ่องสอนครับ บ้านรุ่นพี่อีกคนอยุ่นั้น เราไปนอนที่นั่น
บ้านพี่น้องกะเหรี่ยงเหมือนกัน จัดกิจกรรมเล็กๆที่โบสถ์เหมือนกัน แต่เย็นนี้เศร้าเลย เพราะไม่มีไก่ ก็นอนไปพร้อมความหนาวเหน็บ
ตื่นมาเรามาคุยกันว่าจะเอายังไง เหลือระยะทาง สามร้อยกว่าโลเพื่อกลับเชียงใหม่ เรามาคุยกันว่า แต่ละคนมีเงินเหลือเท่าไร ซึ่งแน่นอนผมเหลือแค่ 200
กับการขี่รถอีก 300 กม. เพื่อนผมและรุ่นพี่ก็พอๆกัน เอาไงละที่นี้ รุ่นพี่คนหนึ่งเสมอว่า เราก็ไปกันงี้แหล่ะ ขี่ช้าๆ ใช้ประหยัดๆ หน่อย ข้าวงด กับไปกินที่
เชียงใหม่ละกัน เราก็เริ่มกังวลละเริ่มไม่สนุก แต่พอเราจะออกปุ๊บ แม่ของรุ่นพี่ห่อข้าวให้พวกเราครับ เป็นพวก ตับ เครื่องในทอด
เราออกเดินทางกันผ่านขุนยวมยาว จริงภาพเยอะมาก แล้วขี่ผ่าน อ.แม่แจ่มเพื่อแวะดอยอินทนนท์ เราแวะกันที่ ปั้ม ปตท. อ.แม่แจ่ม เพื่อเติมน้ำมัน
(รูปนี้ปั้มระหว่างทางครับ)
คราวนี้ผมตื่นเต้นมากเพราะกำลังจะไป "สูงสุดแดนสยาม" ระหว่างทางก่อนถึง เราสังเกตุป้ายจะมีตลอดทางเลยว่า "ใช้สัญญาณเสียง"
เมื่อเราถึงโค้งต้องกดแตรเพื่อให้รถที่สวนมารู้ เราก็ขี่กันปกติ ผมอยู่คนที่สองจากสี่จากห้าคันและเพื่อนผมอยู่ท้าย ขี่กันไปปกติ ผมก็ได้ยินเสียงเพื่อนบีบ
แตร ผมคิดว่าไม่มีอะไร พอเรามาถึงด่านตรวจก็เริ่มสงสัยว่า ทำไมยังไม่มา ทันใดนั้นโทรศัพท์มาบอกว่า "รถยางรั่วมารับหน่อย" ดีนะมีสัญญาณพอดี
พอมาถึงด่านเพื่อนผมบอกว่า "เมื่อกี้บีบแตรเรียกไม่มีใครสนเลย" เอ้าช่วยไม่ได้ อิอิ เราไปขอยืมเครื่องมือที่ด่านตรวจ มาถอดล้อรถเพื่อนไปปะ
โดยรุ่นพี่เราสองคนไปเพราะแกรู้จักพื้นที่ หายไปร่วมสองชั่วโมง กลับมาฝนตกอีก ตราวนี้มันส์เลยขึ้นดอยกันแบบเปียกๆ
จนมาถึงครับ ทำไงดีคนไม่มีแสงก็น้อยแถมฝนตก แต่ก็พอได้รูปมาครับ
คราวนี้เราทุกคนซิ่งลงดอยกันเลยทีเดียว กลับมาถึงเชียงใหม่ด้วยความปลอดภัย
จบทริปแรกในชีวิตของผม ถ้าเอารูปมาได้จะนำบรรยากาศของการเดินทางมาให้ชมนะครับ
ขอบคุณมากครับ
ทริปเล็กๆ รถเล็กๆ เมื่อหลายปีก่อน เชียงใหม่-ปาย-ดอยอินทนนท์ และ เชียงใหม่ครับ (เน้นเล่าเรื่อง รูปน้อย)
มันเป็นทริปเล็กๆจริง ไปกันแค่รุ่นพี่ที่มหาลัยชวนไป
"เฮ้น้อง ไป วัดจันทร์ กับพี่ปะ"
ผมกับเพื่อน
"มันอยู่ที่ไหนครับ"
รุ่นพี่
"ไม่ไกลหรอก ไปทาง อ.ปาย "
ผมกับเพื่อน
"อยากไปครับพี่ ว่าแต่ไปเมื่อ"
รุ่นพี่
"พรุ่งนี้เลย"
เฮ้ย บ้าไปแล้ว ไปในที่ไม่เคยไป แถมเงินก็ไม่ค่อยมี แบบนี้ซิน่าตื่นเต้น อิอิ ตอนนั้นผมมีเงินแค่ 600 บาท ประมาณปี 52
มันเป็นครั้งแรกของผมกับเพื่อนเลยก็ว่าได้ที่ออกไปขี่มอไซค์ท่องเที่ยว โดยที่ไม่รู้จุดหมายปลายทาง
แถมรถเราก็รถจ่ายตลาดบ้านๆ รถผม Honda Sonic 125 ปี 49 และของเพื่อนผม Honda Dream 125 ปี47
และรถรุ่นพี่ผม สามคันสี่คน Dream 125 , Yamaha Fresh 115 และ Honda Wave 100 (เจ้าถิ่น)
เราออกเดินทางแบบเดาๆ ไม่รู้อะไรมาก ทริปนี้ไปหกคนกลับห้าคน ไม่ได้ตายนะครับ อิอิ แต่แวะไปส่งที่บ้าน
ผมขี่รถผม และเพื่อนผมคนหนึ่งขี่รถเค้า และเพื่อนอีกคนซ้อนรุ่นพี่ที่ขี่ดรีมไป ตอนนั้นผมหนักประมาณ 120
โดยเริ่มออกเดินทางตอนเช้า ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ วิ่งเส้น เชียงใหม่-แม่ริม ขี่ตามๆกันไป
ขี่ไปเรื่อยๆ จนถึงแยกไปอำเภอปาย ตอนนี้แหล่ะเริ่มสนุก รถผมน้ำมันเริ่มจะหมด วิ่งมาร้อยกว่าโลแล้ว ทำไงดี
ขี่ไปแบบตื่นเต้นครับ รถรุ่นพี่ที่เป็นดรีม เค้าเป็นเจ้าถิ่นด้วย แถมซ้อนสอง น้ำหนักสองคนนั้นประมาณ 120 พอๆกับผม แต่พอขึ้นดอยแล้ว
โซนิคสู้ดรีมไม่ได้เลย ประกอบกับการไม่ชำนาญทา ขี่ไปลุ้นไป สาดโค้งไป เหงื่อแตกไป ไม่ได้ร้อนนะครับ กลัวน้ำมันหมด ^^
จนจอดแยกไปบ้านวัดจันทร์ (ปัจจุบัน เป็น อ.กัลยาณิวัฒนา) ก็เข้าไปส่งรุ่นพี่และรุ่นพี่บอกว่าจะนอนค้างที่นี่คืนหนึ่ง
ลืมบอกไป ที่ที่เราไปเป็นบ้านพี่น้องปะกาเกอญอหรือกะเหรี่ยง ตอนนั้นวัดจันทร์ยังไม่มีถนนยางมะตอยหรือซีเมนต์ยังเป็นถนนดินแดงอโศก ไม่ใช่ละ
จริงๆมีรูปแต่ยังเปิดไม่ได้ ไปนอนกันที่โบสถ์ครับ บ้านพักหลังโบสถ์ ค่ำนั้นเราไปจัดกิจกรรมเล็กกับน้องๆที่โรงเรียน ไปร้องเพลงนมัสการพระเจ้า
และเล่นเกมส์กันที่โบสถ์ พอเสร็จกิจกรรมประมาณสามทุ่ม เราก็ไปอยู่ที่บ้านรุ่นพี่ สักพักมีน้องๆ ที๋โบสถ์สองสามคน เดินมาพูดภาษากะเหรี่ยง ผมและเพื่อน
ฟังไม่เข้า แล้วน้องๆก็หายไปในความมืด รุ่นพี่บอกว่า "เค้าบอกว่าอย่าเพิ่งนอนนะ เดี๋ยวไปเอาไก่มาให้" ว้าว วิเศษมาก มีมื้อดึกด้วย ในทันใดนั้น
น้องๆสองสามคนกลับมาพร้อมไก่บ้านสองตัวเป็นๆ "เย้ย ยังไม่ตายหรอ แล้วจะทำยัง" น้องๆตอบว่า พี่นั่งรอไปเดี๋ยวจัดให้ อีกประมาณสักพักใหญ่
ราวๆชั่วโมง ผมแทบหลับรอ ตื่นมาพร้อมกับแกงไก่ แล้วข้าวเบอะ(ข้าวต้มของกะเหรี่ยง น่าตาไม่ค่อยน่ากินแต่อร่อยมาก) ผมเพื่อนและรุ่นพี่กินกันซะพุง
เดินไม่ไหว ไก่ตั้งสองตัว เค้าต้อนรับเราดีและเป็นกันเองมาก
พอกินเสร็จ ก็กลับที่พักที่อยู่หลังโบสถ์ รุ่นพี่ก็มาส่งเราและกลับไป เหลือผมและเพื่อนและรุ่นพี่อีกสอง เป็นห้าคน นอนกันแบบ งงๆ ว่า ทำไม ไม่มีมุ้ง???
ยุงจะกัดมั้ย ฯลฯ เราก็ต่างคนต่างนอนกันครับ บางคนถอดเสื้อ นอนคนละมุม แบบยังสงสัยอยู่ แต่ปรากฏว่าคืนนั้นหนาวมากครับ ผมเลยเข้าใจแล้วว่า
ทำไมไม่มีมุ้งเพราะอากาศเย็นมากเลยไม่มียุง จากตอนนี้อยากได้ผ้าห่มเพิ่มแทนมุ้งซะละ
เช้ารุ่งขึ้น เสียงรุ่นพี่ "โห พวกเองนี่เกินไปละ หลังโบสถ์นะเฟ้ย" ผมก็ยังงง ปรากฏว่าพวกเราห้าคนนอนอยู่เป็นกระจุกเดียวกัน กอดกันบ้างไม่ใส่เสื้ออีก
เลยมีแซวนิดหน่อย อิอิ เช้ามาเราเดินทางต่อไป อำเภอปายต่อเลยครับ โดยภาพนี้
เที่ยวระหว่างเสร็จก็ไปถึงตัวอำเภอปาย หาข้าวกินหน่อย เราไปกินข้าวซอยกัน พวกเราสั่งกันอย่างเต็มที่เลยเพราะหิวมากไม่ได้กินข้าวเช้า
แต่ลืมว่าเงินเราไม่มากกัน แต่รุ่นพี่ใจดีครับเลี้ยงครับ และคราวนี้เรายิงยาวจาก อ.ปาย ไป อ.เมือง แม่ฮ่องสอนครับ บ้านรุ่นพี่อีกคนอยุ่นั้น เราไปนอนที่นั่น
บ้านพี่น้องกะเหรี่ยงเหมือนกัน จัดกิจกรรมเล็กๆที่โบสถ์เหมือนกัน แต่เย็นนี้เศร้าเลย เพราะไม่มีไก่ ก็นอนไปพร้อมความหนาวเหน็บ
ตื่นมาเรามาคุยกันว่าจะเอายังไง เหลือระยะทาง สามร้อยกว่าโลเพื่อกลับเชียงใหม่ เรามาคุยกันว่า แต่ละคนมีเงินเหลือเท่าไร ซึ่งแน่นอนผมเหลือแค่ 200
กับการขี่รถอีก 300 กม. เพื่อนผมและรุ่นพี่ก็พอๆกัน เอาไงละที่นี้ รุ่นพี่คนหนึ่งเสมอว่า เราก็ไปกันงี้แหล่ะ ขี่ช้าๆ ใช้ประหยัดๆ หน่อย ข้าวงด กับไปกินที่
เชียงใหม่ละกัน เราก็เริ่มกังวลละเริ่มไม่สนุก แต่พอเราจะออกปุ๊บ แม่ของรุ่นพี่ห่อข้าวให้พวกเราครับ เป็นพวก ตับ เครื่องในทอด
เราออกเดินทางกันผ่านขุนยวมยาว จริงภาพเยอะมาก แล้วขี่ผ่าน อ.แม่แจ่มเพื่อแวะดอยอินทนนท์ เราแวะกันที่ ปั้ม ปตท. อ.แม่แจ่ม เพื่อเติมน้ำมัน
(รูปนี้ปั้มระหว่างทางครับ)
คราวนี้ผมตื่นเต้นมากเพราะกำลังจะไป "สูงสุดแดนสยาม" ระหว่างทางก่อนถึง เราสังเกตุป้ายจะมีตลอดทางเลยว่า "ใช้สัญญาณเสียง"
เมื่อเราถึงโค้งต้องกดแตรเพื่อให้รถที่สวนมารู้ เราก็ขี่กันปกติ ผมอยู่คนที่สองจากสี่จากห้าคันและเพื่อนผมอยู่ท้าย ขี่กันไปปกติ ผมก็ได้ยินเสียงเพื่อนบีบ
แตร ผมคิดว่าไม่มีอะไร พอเรามาถึงด่านตรวจก็เริ่มสงสัยว่า ทำไมยังไม่มา ทันใดนั้นโทรศัพท์มาบอกว่า "รถยางรั่วมารับหน่อย" ดีนะมีสัญญาณพอดี
พอมาถึงด่านเพื่อนผมบอกว่า "เมื่อกี้บีบแตรเรียกไม่มีใครสนเลย" เอ้าช่วยไม่ได้ อิอิ เราไปขอยืมเครื่องมือที่ด่านตรวจ มาถอดล้อรถเพื่อนไปปะ
โดยรุ่นพี่เราสองคนไปเพราะแกรู้จักพื้นที่ หายไปร่วมสองชั่วโมง กลับมาฝนตกอีก ตราวนี้มันส์เลยขึ้นดอยกันแบบเปียกๆ
จนมาถึงครับ ทำไงดีคนไม่มีแสงก็น้อยแถมฝนตก แต่ก็พอได้รูปมาครับ
คราวนี้เราทุกคนซิ่งลงดอยกันเลยทีเดียว กลับมาถึงเชียงใหม่ด้วยความปลอดภัย
จบทริปแรกในชีวิตของผม ถ้าเอารูปมาได้จะนำบรรยากาศของการเดินทางมาให้ชมนะครับ
ขอบคุณมากครับ