เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 พ.ย. นายชนะพล หรือ อ๊อฟ โค่ยสัตยา อายุ 27 ปี พระเอกชื่อดัง เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.ปรีชา สวัสดิ์มงคล พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ว่าถูกมือดีแอบใช้ชื่อและรูปโปรไฟล์ของตนเองเข้าไปเล่นไลน์ คุยกับชายหนุ่ม ทำให้ตนเองเสียหาย
โดยอ๊อฟ เปิดเผยว่า ตนเองเพิ่งรู้เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีเพื่อนๆ เข้ามาบอกว่ามีคนใช้ชื่อ อ๊อฟ และรูปตนเองเข้าไปเล่นไลน์ ตนจึงได้เข้าไปตรวจสอบพบว่ามีไลน์ดังกล่าวอยู่จริง มีคนเข้าไปแอบอ้างเป็นตนเองอยู่ 3 ชื่อ โดยใช้ชื่อ อ๊อฟ 1 อ๊อฟ 2 และอ๊อฟฟี่ และ ใช้รูปโปรไฟล์ ในไอจี ของตนเองมาเป็นรูปโปรไฟล์ในไลน์ ซึ่งไม่ใช่ไลน์ของตนเอง และผู้ที่แอบอ้างเป็นตนเอง ใช้ไลน์นั้นไปพูดคุยกับผู้ชาย เพื่อขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย
บางครั้งมีการแอบอ้างเป็นตน แล้วขอเงินจำนวนหลักแสนบาท บอกว่าจะขอเงินไปส่งเสียน้องเรียน ซึ่งตนไม่เคยทำอย่างนี้ และไลน์ ส่วนตัวของตนนั้น ตนจะให้เฉพาะพี่ๆ เพื่อนๆ ที่สนิทกัน และผู้ใหญ่ในวงการเท่านั้น ซึ่งการกระทำดังกล่าว ทำให้สังคมมองภาพตนว่าตนเป็นเกย์ ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงได้เดินทางมาแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
ร.ต.ท.ปรีชา เปิดเผยว่า ในเบื้องต้น ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องให้ผู้เสียหายไปรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมและต้องสอบพยานเพิ่มเติมโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
‘อ๊อฟ ชนะพล’ พระเอกช่อง7 ถูกแอบใช้ชื่อคุยไลน์-ขอมีเซ็กซ์กับผู้ชาย โร่แจ้งตร.
โดยอ๊อฟ เปิดเผยว่า ตนเองเพิ่งรู้เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีเพื่อนๆ เข้ามาบอกว่ามีคนใช้ชื่อ อ๊อฟ และรูปตนเองเข้าไปเล่นไลน์ ตนจึงได้เข้าไปตรวจสอบพบว่ามีไลน์ดังกล่าวอยู่จริง มีคนเข้าไปแอบอ้างเป็นตนเองอยู่ 3 ชื่อ โดยใช้ชื่อ อ๊อฟ 1 อ๊อฟ 2 และอ๊อฟฟี่ และ ใช้รูปโปรไฟล์ ในไอจี ของตนเองมาเป็นรูปโปรไฟล์ในไลน์ ซึ่งไม่ใช่ไลน์ของตนเอง และผู้ที่แอบอ้างเป็นตนเอง ใช้ไลน์นั้นไปพูดคุยกับผู้ชาย เพื่อขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย
บางครั้งมีการแอบอ้างเป็นตน แล้วขอเงินจำนวนหลักแสนบาท บอกว่าจะขอเงินไปส่งเสียน้องเรียน ซึ่งตนไม่เคยทำอย่างนี้ และไลน์ ส่วนตัวของตนนั้น ตนจะให้เฉพาะพี่ๆ เพื่อนๆ ที่สนิทกัน และผู้ใหญ่ในวงการเท่านั้น ซึ่งการกระทำดังกล่าว ทำให้สังคมมองภาพตนว่าตนเป็นเกย์ ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงได้เดินทางมาแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
ร.ต.ท.ปรีชา เปิดเผยว่า ในเบื้องต้น ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องให้ผู้เสียหายไปรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมและต้องสอบพยานเพิ่มเติมโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง