อัยการสูงสุด มีมติสั่งฟ้อง สรยุทธ-บ.ไร่ส้ม ปมยักยอกเงินโฆษณา 138 ล้านบาท เมื่อครั้งยังทำรายการคุยคุ้ยข่าว ให้กับช่อง 9
วันนี้ (12 พฤศจิกายน 2557) อัยการสูงสุดมีมติสั่งฟ้อง พนักงาน อสมท., บริษัทไร่ส้ม จำกัด และนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดัง พร้อมพวก ในคดียักยอกเงินโฆษณาจากบริษัท อสมท. กว่า 138 ล้านบาท ในการร่วมกันผลิตรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ทางช่อง 9 หลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดและส่งเรื่องให้กับอัยการสูงสุดเป็นผู้ฟ้องคดี
หากย้อนกลับไปถึงคดีฉาวดังกล่าว เริ่มแรกเดิมที นายสรยุทธ ได้เข้ามาร่วมทำงานกับทาง อสมท. ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนปี 2546 โดยเป็นผู้ดำเนินรายการ "ถึงลูกถึงคน" และรายการดังกล่าวก็ได้รับความนิยมอย่างสูง นายสรยุทธจึงตัดสินใจก่อตั้ง "บริษัท ไร่ส้ม จำกัด" โดยเปิดเป็นธุรกิจประเทศผลิตและสร้างสรรค์งานภาพยนตร์หรือโทรทัศน์ในทุกรูปแบบ รวมทั้งการดำเนินการผลิตและสร้างสรรค์แผ่นพับเอกสารแนะนำองค์การ โดยบริษัทดังกล่าวจดทะเบียนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2547 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ซึ่งมีนายสรยุทธเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ในอัตราร้อยละ 99.9 มีฐานะเป็นผู้มีอำนาจทำการ 1 ส่วนนางสาวสุกัญญา แซ่ลิ่ม เป็นผู้มีอำนาจทำการ 2
สำหรับผลงานที่สร้างชื่อเสียงของบริษัทไร่ส้มฯ นั้น เป็นการผลิตรายการโทรทัศน์ประเภทข่าวและสถานการณ์ปัจจุบัน คือ "จับเข่าคุย" ร่วมกับไทยทีวีสีช่อง 3 (พ.ศ. 2547-27 เมษายน พ.ศ. 2552) และ "คุยคุ้ยข่าว" ร่วมกับสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ (พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2549) โดยมีตัวเองเป็นผู้ดำเนินรายการ
ทั้งนี้ตามสัญญาระบุว่า รายการคุยคุ้ยข่าวที่ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ วันละ 1 ชั่วโมง ระหว่างเวลา 12.00-13.00 น. นั้น จะมีการโฆษณาได้ครั้งละ 5 นาที และหากเกินจากนั้นจะต้องเสียค่าโฆษณาให้กับทาง อสมท. นาทีละ 2 แสนบาท ส่วนรายคุยคุ้ยข่าวที่ออกอากาศวันจันทร์-ศุกร์ ช่วงดึกในเวลา 21.30-22.00 น. โฆษณาได้ไม่เกิน 2.30 นาที หากเกินต้องจ่ายเงินให้ อสมท. นาทีละ 2.4 แสนบาท
และเมื่อปี 2549 ทางสหภาพแรงงานวิสาหกิจของ อสมท. ก็ได้ตรวจพบว่า บริษัทไร่ส้มฯ ดังกล่าว ค้างรายได้จากการโฆษณาเป็นเงินเกือบ 100 ล้าน และ "ส่วนเกินนาที" รวมเป็นเงิน 138 ล้านบาท เมื่อรวมดอกเบี้ยจะเป็นเงิน 152 ล้านบาท ถึงแม้ทางบริษัทไร่ส้มฯ จะรีบดำเนินการชำระเงินดังกล่าวแล้ว แต่ก็เป็นหลักฐานที่บ่งชี้ให้เห็นว่าบริษัทไร่ส้มกระทำความผิดจริง
หลังจากนั้น ทาง อสมท. ก็ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นมา และก็พบว่ามีพนักงาน อสมท. รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้นับสิบราย แต่คนที่มีหน้าที่โดนตรงในการจัดคิวโฆษณาก็คือ "นางพิชชาภา เอี่ยมสอาด" ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการระดับ 5 สำนักกลยุทธ์การตลาด อสมท. ที่ทราบว่ามีโฆษณาเกินเวลา แต่กลับไม่รายงานต่อผู้บังคับบัญชา อีกทั้งยังตรวจพบว่ามีลายเซ็นของนายสรยุทธบนเช็คในการสั่งจ่ายค่าตอบแทนอีกหลายฉบับ ซึ่งนางพิชชาภาได้ให้การในชั้น ป.ป.ช. ว่า "พี่สรยุทธขอร้องให้ช่วยเหลือ" และสุดท้ายนางพิชชาภาก็ถูกชี้ว่ามีความผิดทางวินัยร้ายแรง ขณะที่ นายสรยุทธ มีมูลความผิดทางอาญาฐานสนับสนุนพนักงานกระทำผิด ก่อนที่ ป.ป.ช.จะจะสรุปและส่งสำนวนต่อไปให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้อง
และล่าสุดในวันนี้ (12 พฤศจิกายน 2557) ทางอัยการสูงสุดก็มีมติสั่งฟ้อง พนักงาน อสมท., บริษัทไร่ส้ม จำกัด และนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดัง พร้อมพวก ในคดียักยอกเงิน 138 ล้านบาท ดังกล่าว
Cr.
http://hilight.kapook.com/view/111168
ผมจะรอรายการเจาะข่าวเด่นเย็นนี้นะคับ ผมเชื่อว่าคุณสรยุทธ์บริสุทธิ์ ผมเชื่ออย่างนั้น เป็นกำลังใจให้คับ
อัยการสูงสุด มีมติสั่งฟ้อง สรยุทธ-บ.ไร่ส้ม ปมยักยอกเงิน 138 ล้าน
วันนี้ (12 พฤศจิกายน 2557) อัยการสูงสุดมีมติสั่งฟ้อง พนักงาน อสมท., บริษัทไร่ส้ม จำกัด และนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดัง พร้อมพวก ในคดียักยอกเงินโฆษณาจากบริษัท อสมท. กว่า 138 ล้านบาท ในการร่วมกันผลิตรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ทางช่อง 9 หลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดและส่งเรื่องให้กับอัยการสูงสุดเป็นผู้ฟ้องคดี
หากย้อนกลับไปถึงคดีฉาวดังกล่าว เริ่มแรกเดิมที นายสรยุทธ ได้เข้ามาร่วมทำงานกับทาง อสมท. ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนปี 2546 โดยเป็นผู้ดำเนินรายการ "ถึงลูกถึงคน" และรายการดังกล่าวก็ได้รับความนิยมอย่างสูง นายสรยุทธจึงตัดสินใจก่อตั้ง "บริษัท ไร่ส้ม จำกัด" โดยเปิดเป็นธุรกิจประเทศผลิตและสร้างสรรค์งานภาพยนตร์หรือโทรทัศน์ในทุกรูปแบบ รวมทั้งการดำเนินการผลิตและสร้างสรรค์แผ่นพับเอกสารแนะนำองค์การ โดยบริษัทดังกล่าวจดทะเบียนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2547 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ซึ่งมีนายสรยุทธเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ในอัตราร้อยละ 99.9 มีฐานะเป็นผู้มีอำนาจทำการ 1 ส่วนนางสาวสุกัญญา แซ่ลิ่ม เป็นผู้มีอำนาจทำการ 2
สำหรับผลงานที่สร้างชื่อเสียงของบริษัทไร่ส้มฯ นั้น เป็นการผลิตรายการโทรทัศน์ประเภทข่าวและสถานการณ์ปัจจุบัน คือ "จับเข่าคุย" ร่วมกับไทยทีวีสีช่อง 3 (พ.ศ. 2547-27 เมษายน พ.ศ. 2552) และ "คุยคุ้ยข่าว" ร่วมกับสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ (พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2549) โดยมีตัวเองเป็นผู้ดำเนินรายการ
ทั้งนี้ตามสัญญาระบุว่า รายการคุยคุ้ยข่าวที่ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ วันละ 1 ชั่วโมง ระหว่างเวลา 12.00-13.00 น. นั้น จะมีการโฆษณาได้ครั้งละ 5 นาที และหากเกินจากนั้นจะต้องเสียค่าโฆษณาให้กับทาง อสมท. นาทีละ 2 แสนบาท ส่วนรายคุยคุ้ยข่าวที่ออกอากาศวันจันทร์-ศุกร์ ช่วงดึกในเวลา 21.30-22.00 น. โฆษณาได้ไม่เกิน 2.30 นาที หากเกินต้องจ่ายเงินให้ อสมท. นาทีละ 2.4 แสนบาท
และเมื่อปี 2549 ทางสหภาพแรงงานวิสาหกิจของ อสมท. ก็ได้ตรวจพบว่า บริษัทไร่ส้มฯ ดังกล่าว ค้างรายได้จากการโฆษณาเป็นเงินเกือบ 100 ล้าน และ "ส่วนเกินนาที" รวมเป็นเงิน 138 ล้านบาท เมื่อรวมดอกเบี้ยจะเป็นเงิน 152 ล้านบาท ถึงแม้ทางบริษัทไร่ส้มฯ จะรีบดำเนินการชำระเงินดังกล่าวแล้ว แต่ก็เป็นหลักฐานที่บ่งชี้ให้เห็นว่าบริษัทไร่ส้มกระทำความผิดจริง
หลังจากนั้น ทาง อสมท. ก็ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นมา และก็พบว่ามีพนักงาน อสมท. รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้นับสิบราย แต่คนที่มีหน้าที่โดนตรงในการจัดคิวโฆษณาก็คือ "นางพิชชาภา เอี่ยมสอาด" ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการระดับ 5 สำนักกลยุทธ์การตลาด อสมท. ที่ทราบว่ามีโฆษณาเกินเวลา แต่กลับไม่รายงานต่อผู้บังคับบัญชา อีกทั้งยังตรวจพบว่ามีลายเซ็นของนายสรยุทธบนเช็คในการสั่งจ่ายค่าตอบแทนอีกหลายฉบับ ซึ่งนางพิชชาภาได้ให้การในชั้น ป.ป.ช. ว่า "พี่สรยุทธขอร้องให้ช่วยเหลือ" และสุดท้ายนางพิชชาภาก็ถูกชี้ว่ามีความผิดทางวินัยร้ายแรง ขณะที่ นายสรยุทธ มีมูลความผิดทางอาญาฐานสนับสนุนพนักงานกระทำผิด ก่อนที่ ป.ป.ช.จะจะสรุปและส่งสำนวนต่อไปให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้อง
และล่าสุดในวันนี้ (12 พฤศจิกายน 2557) ทางอัยการสูงสุดก็มีมติสั่งฟ้อง พนักงาน อสมท., บริษัทไร่ส้ม จำกัด และนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดัง พร้อมพวก ในคดียักยอกเงิน 138 ล้านบาท ดังกล่าว
Cr.http://hilight.kapook.com/view/111168
ผมจะรอรายการเจาะข่าวเด่นเย็นนี้นะคับ ผมเชื่อว่าคุณสรยุทธ์บริสุทธิ์ ผมเชื่ออย่างนั้น เป็นกำลังใจให้คับ