สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นภาค่อจากกระทู้นี้ครับ
http://ppantip.com/topic/32837587
ในภาคที่แล้วเป็นบันทึกเรื่องราวในมัณฑะเลย์ พอดีเห็นว่าเนื้อหาเริ่มเยอะแล้ว เลยขอมาตั้งกระทู้ใหม่ ที่เป็นเรื่องราวในพุกามครับ เพราะที่นี่เนื้อหาเยอะกว่าครับ
เอาล่ะครับ มาเที่ยวเยือนเมืองพุกามไปด้วยกันกับผมได้เลยครับ
และเช่นเคยนะครับ กระทู้นี้ผมจะค่อย ๆ พิมพ์ไปตามความทรงจำของตัวเอง ไม่ได้เตรียมพิมพ์ไว้แล้ว ฉะนั้นใครใคร่ปาด เชิญปาดตามสะดวกครับ
*** ขอ tag ศิลปะด้วยนะครับ เพระต้องการจะแสดงศิลปะทางจิตรกรรมและสถาปัตยกรรมของพม่าด้วยครับ ***
NOV 2 (Day 3): The Lost Kingdom of Bagan
2 พ.ย. 57 เช้าวันนี้ตื่นกันตั้งกะตีสามครึ่ง (อีกแล้ว) เพื่อรอพี่คนขับ สารถีเจ้าเดิม มารับเพื่อเดินทางข้ามไปยังพุกามตอนตี่สี่ (กะไว้ว่าไปถึงที่พุกามสาย ๆ ได้เช็คอินแล้วลุยเที่ยวต่อกันเลยครับ) เราทำเรื่องเช็คเอาท์ + จองห้องสำหรับวันรุ่งขึ้นหลังกลับจากพุกามแล้วอีกหนึ่งวันตั้งแต่เมื่อคืนหลังกลับจากสะพานอูเบ็ง เพื่อเช้าวันนี้จะได้ไม่ต้องไปปลุกพี่เจ้าหน้าที่ขึ้นมาเช็คเอาท์ตอนตีสี่ และเป็นอีกครั้งทีได้สัมผัสกับการบริการระดับมืออาชีพของโรงแรมแห่งนี้ ด้วยทางโรงแรมได้เตรียมข้าวกล่องไว้ให้เราไว้กินในเช้าวันนี้ ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วมันไม่ได้เป็นหน้าที่ของทางโรงแรมที่ต้องจัดเตรียมให้เราเลย (และที่จริงก็กะจะไปหาอะไรกินเอาดาบหน้าอยู่แล้วด้วยครับ) ต้องยอมรับโรงแรม Yo Yo Le แห่งนี้ได้ใจผมและเพื่อนไปเต็ม ๆ เลยครับ
ข้าวกล่องที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ครับ ประกอบด้วยขนมปัง 2 แผ่น (ขนมปังบ้านเค้ารสหวานอ่อน ๆ ในตัว แผ่นหนากว่าที่ขายในบ้านเราด้วยครับ) + ไข่ต้ม 2 ฟอง + แอปเปิล 1 ลูกครับ)
หลังนั่งรถมาราว 4 ชม. ครึ่ง เราก็เริ่มเข้าสู่เขตพุกามครับ โดยสถานที่แรกในเขตพุกามที่เราไปเยี่ยมเยือนกันนั้นคือภูเขาโปปาครับ
Mount Popa
ภูเขาโปปาหรือมหาคีรี เป็นภูเขาไฟที่ดับลงแล้ว ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองพุกามราว 50 กม.
ตามตำนานของทางพม่ากล่าวกันว่าภูขาแห่งนี้เป้นที่สิงสถิตของนัตที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในพม่า ชาวพม่าเรียกกันว่ามหาคีรีนัต หรือโปปานัต นัตดังกล่าวคือเจ้าพ่องะตินเดนัต (Nga Tin De) และเจ้าแม่ชเว มยัต หละนัต (Shwe Myat Hla)
ตำนานกล่าวไว้ว่าเมื่อครั้งเจ้าพ่องะตินเดเป็นมนุษย์นั้นเป็นผู้มีวิชาความสามารถมาก เจ้าผู้ครองเมืองตะโค้ง (เมืองใกล้พุกาม ปัจจุบันจัดอยู่ในอาณาตเมืองมัณฑะเลย์) เกรงว่าจะเป็นกบฏ จึงออกอุบายรับนางชเว มยัต หละผู้เป็นพี่สาวมาเป็นมเหสี แล้วให้นางเชิญน้องชายเข้ามาในวัง ฝ่ายงะตินเดเมื่อมาเข้าเฝ้าก็โดนจับไปมัดไว้กับต้น saga (เข้าใจว่าน่าจะเป็นต้นมะกล่ำตาช้าง) แล้วโดนเผาทั้งเป็น เมื่อพระนางชเว มยัต หละเห็นเข้าจึงเข้าไปกอดน้องชาย ตายตกไปตามกัน เหลือเพียงศีรษะของทั้งสองที่ไม่โดนไฟคลอกไปด้วย
จากนั้นทั้งสองก็ลายเป็นนัตสิงสถิตที่ต้น sagaมีความดุร้ายมาก เจ้าเมืองตะโต้งจึงให้ถอนต้นไม้นั้นเอาไปทิ้งแม่น้ำอิระวดีเลีย ต้นไม้ก็โดนพัดมาเกยตื้นที่ริมฝั่งเขตเมืองพุกาม ผีนัตทั้งสองจึงออกอาละวาดที่พุกามแทน ร้อนถึงเจ้าเมืองพุกามในขณะนั้นจึงให้บนบานด้วยไมตรีจิต ผีนัตทั้งสองได้รับความเมตตาจึงเข้าพระสุบินกราบทูลเรื่องราวแต่หนหลัง เจ้าเมืองพุกามจึงโปรดให้นำต้น saga ที่ทั้งสองสิงสถิตมาปลูกที่เขาโปปาแล้วทำศาลปนะทานผีนัตทั้งสอง ณ ที่นั่น ผีจึงกลับมีไมตรีจิตทำคุณให้แก่ชาวพุกามอยู่เนือง ๆ
ตำนานเล่าสืบต่อมาว่า ในสมัยพระเจ้าจานสิตามหาราช ผธรรมราชาผู้ประกาศนามของเมืองพุกามให้โลกได้รู้จักนั้น ผีนัตงะตินเดได้อุปถัมภ์ในราชกิจทั้งปวงของพระองค์ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ด้วยสำนึกในบุญคุณของนัตมะงินเด พระองค์จึงออกประกาศให้ราษฎรของพระองค์ช่วยกันบวงสรวงเฉลิมเกียรติคุณผืนัตทั้งสองนี้ จากนั้นมาชาวพม่าจึงเกิดประเพณีสร้างศาลเพื่อบวงสรวงผีนัตทั้งหลายขึ้น และนัตงะตินเดกับนัตชเว มยัต หละได้รับการนับถือเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่แห่งนัตทั้งหลาย และปัจจุบันบนเขาโปปา บ้านของเจ้าพ่อเจ้าแม่ทั้งสองก็ถือเป็นที่สถิตของนัตหลวงทั้ง 37 ตนของพม่าอีกด้วยครับ
นามโปปานั้น สันนิษฐานว่ามาจากคำสัณสกฤต "puppa" ที่แปลว่าดอกไม้ เนื่องจากภูเขาแห่งนี้เคยมีดอกจำปาขึ้นอยู่ชุกชุมในอดีต ชาวบ้านผู้มาสักการะที่เขาโปปาก็มักนำดอกจำปามาเป็นเครื่องสักการะ รวมถึงของที่ระลึกที่เป็นน้ำหมักดอกจำปาด้วย
นอกจากที่นี่จะเป็นบ้านของนัตหลวงทั้ง 37 ตนแล้ว ที่นี่ยังเป็นบ้านของฝูงลิงป่าอีกด้วย ลิงที่นี่ไม่ดุก้าวร้าวเข้าหาคนแบบลิงในไทยนัก อาจเพราะคนที่นี่นั้นไม่มีธรรมเนียมให้อาหารลิงจนลิงคุ้นกับคนครับ
น้องคนนี้ ไต่หลังคาออกไปเก็บว่าวที่ตกลงไปกลางฝูงลิงครับ ไม่กลัวทั้งตกเขาทั้งลิงเลยครับ นายแน่มาก
วิวของเขาโปปา ระหว่างทางไต่ขึ้นไปข้างบนครับ
บนยอดเขา เป็นที่ตั้งของวัดตุงคาลัท (Taung Kalat Temple) ซึ่งต้องไต่บันไดขึ้นไปทั้งหมด 777 ขั้นครับ แต่หนนี้พวกเราไม่ได้ขึ้นไปจนถึงตัววัด เพราะบันไดช่วงสุดท้ายถูกยึดครองโดยฝูงมาเฟียลิงเจ้าถิ่นครับ เพื่อนผมกลัวลิงจะกัดเอา เลยต้องถอยทัพลงมากันครับ
เมื่อกลับไปเยือนเมืองพม่า: 5 วัน 4 คืนในมัณฑะเลย์ - พุกาม (ภาค 2)
ในภาคที่แล้วเป็นบันทึกเรื่องราวในมัณฑะเลย์ พอดีเห็นว่าเนื้อหาเริ่มเยอะแล้ว เลยขอมาตั้งกระทู้ใหม่ ที่เป็นเรื่องราวในพุกามครับ เพราะที่นี่เนื้อหาเยอะกว่าครับ
เอาล่ะครับ มาเที่ยวเยือนเมืองพุกามไปด้วยกันกับผมได้เลยครับ
และเช่นเคยนะครับ กระทู้นี้ผมจะค่อย ๆ พิมพ์ไปตามความทรงจำของตัวเอง ไม่ได้เตรียมพิมพ์ไว้แล้ว ฉะนั้นใครใคร่ปาด เชิญปาดตามสะดวกครับ
NOV 2 (Day 3): The Lost Kingdom of Bagan
2 พ.ย. 57 เช้าวันนี้ตื่นกันตั้งกะตีสามครึ่ง (อีกแล้ว) เพื่อรอพี่คนขับ สารถีเจ้าเดิม มารับเพื่อเดินทางข้ามไปยังพุกามตอนตี่สี่ (กะไว้ว่าไปถึงที่พุกามสาย ๆ ได้เช็คอินแล้วลุยเที่ยวต่อกันเลยครับ) เราทำเรื่องเช็คเอาท์ + จองห้องสำหรับวันรุ่งขึ้นหลังกลับจากพุกามแล้วอีกหนึ่งวันตั้งแต่เมื่อคืนหลังกลับจากสะพานอูเบ็ง เพื่อเช้าวันนี้จะได้ไม่ต้องไปปลุกพี่เจ้าหน้าที่ขึ้นมาเช็คเอาท์ตอนตีสี่ และเป็นอีกครั้งทีได้สัมผัสกับการบริการระดับมืออาชีพของโรงแรมแห่งนี้ ด้วยทางโรงแรมได้เตรียมข้าวกล่องไว้ให้เราไว้กินในเช้าวันนี้ ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วมันไม่ได้เป็นหน้าที่ของทางโรงแรมที่ต้องจัดเตรียมให้เราเลย (และที่จริงก็กะจะไปหาอะไรกินเอาดาบหน้าอยู่แล้วด้วยครับ) ต้องยอมรับโรงแรม Yo Yo Le แห่งนี้ได้ใจผมและเพื่อนไปเต็ม ๆ เลยครับ
ข้าวกล่องที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ครับ ประกอบด้วยขนมปัง 2 แผ่น (ขนมปังบ้านเค้ารสหวานอ่อน ๆ ในตัว แผ่นหนากว่าที่ขายในบ้านเราด้วยครับ) + ไข่ต้ม 2 ฟอง + แอปเปิล 1 ลูกครับ)
หลังนั่งรถมาราว 4 ชม. ครึ่ง เราก็เริ่มเข้าสู่เขตพุกามครับ โดยสถานที่แรกในเขตพุกามที่เราไปเยี่ยมเยือนกันนั้นคือภูเขาโปปาครับ
Mount Popa
ภูเขาโปปาหรือมหาคีรี เป็นภูเขาไฟที่ดับลงแล้ว ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองพุกามราว 50 กม.
ตามตำนานของทางพม่ากล่าวกันว่าภูขาแห่งนี้เป้นที่สิงสถิตของนัตที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในพม่า ชาวพม่าเรียกกันว่ามหาคีรีนัต หรือโปปานัต นัตดังกล่าวคือเจ้าพ่องะตินเดนัต (Nga Tin De) และเจ้าแม่ชเว มยัต หละนัต (Shwe Myat Hla)
ตำนานกล่าวไว้ว่าเมื่อครั้งเจ้าพ่องะตินเดเป็นมนุษย์นั้นเป็นผู้มีวิชาความสามารถมาก เจ้าผู้ครองเมืองตะโค้ง (เมืองใกล้พุกาม ปัจจุบันจัดอยู่ในอาณาตเมืองมัณฑะเลย์) เกรงว่าจะเป็นกบฏ จึงออกอุบายรับนางชเว มยัต หละผู้เป็นพี่สาวมาเป็นมเหสี แล้วให้นางเชิญน้องชายเข้ามาในวัง ฝ่ายงะตินเดเมื่อมาเข้าเฝ้าก็โดนจับไปมัดไว้กับต้น saga (เข้าใจว่าน่าจะเป็นต้นมะกล่ำตาช้าง) แล้วโดนเผาทั้งเป็น เมื่อพระนางชเว มยัต หละเห็นเข้าจึงเข้าไปกอดน้องชาย ตายตกไปตามกัน เหลือเพียงศีรษะของทั้งสองที่ไม่โดนไฟคลอกไปด้วย
จากนั้นทั้งสองก็ลายเป็นนัตสิงสถิตที่ต้น sagaมีความดุร้ายมาก เจ้าเมืองตะโต้งจึงให้ถอนต้นไม้นั้นเอาไปทิ้งแม่น้ำอิระวดีเลีย ต้นไม้ก็โดนพัดมาเกยตื้นที่ริมฝั่งเขตเมืองพุกาม ผีนัตทั้งสองจึงออกอาละวาดที่พุกามแทน ร้อนถึงเจ้าเมืองพุกามในขณะนั้นจึงให้บนบานด้วยไมตรีจิต ผีนัตทั้งสองได้รับความเมตตาจึงเข้าพระสุบินกราบทูลเรื่องราวแต่หนหลัง เจ้าเมืองพุกามจึงโปรดให้นำต้น saga ที่ทั้งสองสิงสถิตมาปลูกที่เขาโปปาแล้วทำศาลปนะทานผีนัตทั้งสอง ณ ที่นั่น ผีจึงกลับมีไมตรีจิตทำคุณให้แก่ชาวพุกามอยู่เนือง ๆ
ตำนานเล่าสืบต่อมาว่า ในสมัยพระเจ้าจานสิตามหาราช ผธรรมราชาผู้ประกาศนามของเมืองพุกามให้โลกได้รู้จักนั้น ผีนัตงะตินเดได้อุปถัมภ์ในราชกิจทั้งปวงของพระองค์ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ด้วยสำนึกในบุญคุณของนัตมะงินเด พระองค์จึงออกประกาศให้ราษฎรของพระองค์ช่วยกันบวงสรวงเฉลิมเกียรติคุณผืนัตทั้งสองนี้ จากนั้นมาชาวพม่าจึงเกิดประเพณีสร้างศาลเพื่อบวงสรวงผีนัตทั้งหลายขึ้น และนัตงะตินเดกับนัตชเว มยัต หละได้รับการนับถือเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่แห่งนัตทั้งหลาย และปัจจุบันบนเขาโปปา บ้านของเจ้าพ่อเจ้าแม่ทั้งสองก็ถือเป็นที่สถิตของนัตหลวงทั้ง 37 ตนของพม่าอีกด้วยครับ
นามโปปานั้น สันนิษฐานว่ามาจากคำสัณสกฤต "puppa" ที่แปลว่าดอกไม้ เนื่องจากภูเขาแห่งนี้เคยมีดอกจำปาขึ้นอยู่ชุกชุมในอดีต ชาวบ้านผู้มาสักการะที่เขาโปปาก็มักนำดอกจำปามาเป็นเครื่องสักการะ รวมถึงของที่ระลึกที่เป็นน้ำหมักดอกจำปาด้วย
นอกจากที่นี่จะเป็นบ้านของนัตหลวงทั้ง 37 ตนแล้ว ที่นี่ยังเป็นบ้านของฝูงลิงป่าอีกด้วย ลิงที่นี่ไม่ดุก้าวร้าวเข้าหาคนแบบลิงในไทยนัก อาจเพราะคนที่นี่นั้นไม่มีธรรมเนียมให้อาหารลิงจนลิงคุ้นกับคนครับ
น้องคนนี้ ไต่หลังคาออกไปเก็บว่าวที่ตกลงไปกลางฝูงลิงครับ ไม่กลัวทั้งตกเขาทั้งลิงเลยครับ นายแน่มาก
วิวของเขาโปปา ระหว่างทางไต่ขึ้นไปข้างบนครับ
บนยอดเขา เป็นที่ตั้งของวัดตุงคาลัท (Taung Kalat Temple) ซึ่งต้องไต่บันไดขึ้นไปทั้งหมด 777 ขั้นครับ แต่หนนี้พวกเราไม่ได้ขึ้นไปจนถึงตัววัด เพราะบันไดช่วงสุดท้ายถูกยึดครองโดยฝูงมาเฟียลิงเจ้าถิ่นครับ เพื่อนผมกลัวลิงจะกัดเอา เลยต้องถอยทัพลงมากันครับ