เกริ่นก่อนนะคะ
เราเรียนจบวิชาเอกทางด้านภาษานึงมา และจบปริญญาโททางด้านบริหาร
ปัจจุบันไม่ได้ทำงาน เป็นคุณแม่เลี้ยงลูกฟูลไทม์อยู่บ้านค่ะ
เมื่อกลางปีมีเพื่อนมาชวนไปเป็นอาจารย์พิเศษสอนมหาวิทยาลัยนานาชาติแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งไม่ไกลจากบ้าน
ดูเนื้อหาวิชาแล้ว ถึงจะไม่เคยสอนวิชานี้มาก่อน แต่ก็จบเอกภาษานี้มา
และเคยมีประสบการณ์สอนภาษาในสถาบันสอนภาษามา 3-4 ปี
จึงตัดสินใจสอนค่ะ เตรียมเอกสารในการสอนทุกอย่างเอง ซึ่งใช้เวลาพอสมควร
เวลาลูกหลับก็มาเตรียมเนื้อหา บทเรียน เรียกว่าทุ่มเทเลยก็ได้
สอนแค่วิชาเดียว อาทิตย์ละครั้ง ครั้งละ 2.5 ชั่วโมง ซึ่งรายได้ดีพอสมควร
พอใกล้ๆเริ่มสอน มหาลัยมีปัญหาว่า เป็นคณะเปิดใหม่ นักศึกษาน้อย ลงเรียนน้อย
เค้าก็ตัดเหลือครึ่งนึง จาก 14 ครั้ง เหลือ 7 ครั้ง
แน่นอนว่า นักศีกษาจ่ายค่าเรียนเต็มแต่ได้เรียนครึ่งเดียว และให้อาจารย์อัดสอนให้ครบ (นศ.ได้ 3 หน่วยกิตค่ะ)
สอนจบ 7 ครั้ง โดยรวมนักศึกษาก็แฮปปี้กับการสอนของเราดี ถึงจะได้เรียนน้อยกว่า 14 ครั้ง
มีหลายคนบ่นว่า มหาวิทยาลัยเอาเปรียบจ่ายเต็มได้เรียนครึ่งเดียว เราก็ทำอะไรไม่ได้
แถมเทอมก่อนนักศึกษาน้อยก็ไม่เปิดวิชาให้ เทอมนี้จำเป็นต้องเปิดไม่งั้นนักศึกษาไม่จบทัน 4 ปี
เทอมหน้าจะเริ่มเดือนมกราคมค่ะ อาจารย์ที่เป็นคนประสานงานที่มหาลัยมีโทรมาคอนเฟิร์ม 2 รอบแล้ว
ว่าตกลงอาจารย์สอนต่อใช่มั้ย คอนเฟิร์มวันเวลาอะไรเรียบร้อย
ผ่านไปเดือนนึง จนถึงตอนนี้ อยู่ดีๆโทรมาบอกใหม่ว่า พอดีมีอาจารย์แลกเปลี่ยนมาจากต่างประเทศ (เจ้าของภาษา)
จะมาสอนเทอมนึง ในวิชาที่เราสอนอยู่ อาจารย์ไปสอนอีกวิชาได้มั้ย (ไม่เกี่ยวกับภาษาที่เราเรียนมา และเป็นวิชาที่เราไม่ถนัดเลย)
เราจึงถามไปว่า ทำไมไม่ให้เค้าสอนอีกวิชานึง ที่อาจารย์ต่างชาติสอนอยู่ และจะกลับประเทศเทอมนี้ (ภาษานี้มี 3 วิชาค่ะ)
อาจารย์ตอบมาว่า เทอมหน้ามหาลัยเปิดวิชาเดียวคือวิชาที่เราสอน เลยต้องให้อาจารย์แลกเปลี่ยนสอนวิชานี้
เราก็แบบว่าเซ็งมาก เสียเวลาเตรียมสอนในวิชานี้ไปมาก แล้วอยู่ดีๆอยากให้มาสอนก็มา จะให้ไปก็ไป ให้สอนวิชาอื่น
คืองงค่ะ ถึงมหาลัยจะมีสิทธิ์ทำแบบนั้นก็ตาม เพราะไม่ใช่อาจารย์ประจำ แต่เราก็รู้สึกแย่มาก
มหาลัยนี้ค่อนข้างมีชื่อ เราไม่เคยเรียนที่นี่ และเคยมองว่ามหาลัยนี้น่าจะดี
พอถึงตอนนี้เรากลับรู้สึกแย่กับมหาลัยไปเลย ขนาดเป็นอาจารย์ที่สอนให้มหาลัย
มีลูกคงไม่มีทางให้เข้าที่นี่แน่นอนค่ะ รู้สึกว่าไม่มีมาตรฐานเลย
มหาวิทยาลัยทำอย่างนี้ถูกต้องแล้วหรือคะ
เราเรียนจบวิชาเอกทางด้านภาษานึงมา และจบปริญญาโททางด้านบริหาร
ปัจจุบันไม่ได้ทำงาน เป็นคุณแม่เลี้ยงลูกฟูลไทม์อยู่บ้านค่ะ
เมื่อกลางปีมีเพื่อนมาชวนไปเป็นอาจารย์พิเศษสอนมหาวิทยาลัยนานาชาติแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งไม่ไกลจากบ้าน
ดูเนื้อหาวิชาแล้ว ถึงจะไม่เคยสอนวิชานี้มาก่อน แต่ก็จบเอกภาษานี้มา
และเคยมีประสบการณ์สอนภาษาในสถาบันสอนภาษามา 3-4 ปี
จึงตัดสินใจสอนค่ะ เตรียมเอกสารในการสอนทุกอย่างเอง ซึ่งใช้เวลาพอสมควร
เวลาลูกหลับก็มาเตรียมเนื้อหา บทเรียน เรียกว่าทุ่มเทเลยก็ได้
สอนแค่วิชาเดียว อาทิตย์ละครั้ง ครั้งละ 2.5 ชั่วโมง ซึ่งรายได้ดีพอสมควร
พอใกล้ๆเริ่มสอน มหาลัยมีปัญหาว่า เป็นคณะเปิดใหม่ นักศึกษาน้อย ลงเรียนน้อย
เค้าก็ตัดเหลือครึ่งนึง จาก 14 ครั้ง เหลือ 7 ครั้ง
แน่นอนว่า นักศีกษาจ่ายค่าเรียนเต็มแต่ได้เรียนครึ่งเดียว และให้อาจารย์อัดสอนให้ครบ (นศ.ได้ 3 หน่วยกิตค่ะ)
สอนจบ 7 ครั้ง โดยรวมนักศึกษาก็แฮปปี้กับการสอนของเราดี ถึงจะได้เรียนน้อยกว่า 14 ครั้ง
มีหลายคนบ่นว่า มหาวิทยาลัยเอาเปรียบจ่ายเต็มได้เรียนครึ่งเดียว เราก็ทำอะไรไม่ได้
แถมเทอมก่อนนักศึกษาน้อยก็ไม่เปิดวิชาให้ เทอมนี้จำเป็นต้องเปิดไม่งั้นนักศึกษาไม่จบทัน 4 ปี
เทอมหน้าจะเริ่มเดือนมกราคมค่ะ อาจารย์ที่เป็นคนประสานงานที่มหาลัยมีโทรมาคอนเฟิร์ม 2 รอบแล้ว
ว่าตกลงอาจารย์สอนต่อใช่มั้ย คอนเฟิร์มวันเวลาอะไรเรียบร้อย
ผ่านไปเดือนนึง จนถึงตอนนี้ อยู่ดีๆโทรมาบอกใหม่ว่า พอดีมีอาจารย์แลกเปลี่ยนมาจากต่างประเทศ (เจ้าของภาษา)
จะมาสอนเทอมนึง ในวิชาที่เราสอนอยู่ อาจารย์ไปสอนอีกวิชาได้มั้ย (ไม่เกี่ยวกับภาษาที่เราเรียนมา และเป็นวิชาที่เราไม่ถนัดเลย)
เราจึงถามไปว่า ทำไมไม่ให้เค้าสอนอีกวิชานึง ที่อาจารย์ต่างชาติสอนอยู่ และจะกลับประเทศเทอมนี้ (ภาษานี้มี 3 วิชาค่ะ)
อาจารย์ตอบมาว่า เทอมหน้ามหาลัยเปิดวิชาเดียวคือวิชาที่เราสอน เลยต้องให้อาจารย์แลกเปลี่ยนสอนวิชานี้
เราก็แบบว่าเซ็งมาก เสียเวลาเตรียมสอนในวิชานี้ไปมาก แล้วอยู่ดีๆอยากให้มาสอนก็มา จะให้ไปก็ไป ให้สอนวิชาอื่น
คืองงค่ะ ถึงมหาลัยจะมีสิทธิ์ทำแบบนั้นก็ตาม เพราะไม่ใช่อาจารย์ประจำ แต่เราก็รู้สึกแย่มาก
มหาลัยนี้ค่อนข้างมีชื่อ เราไม่เคยเรียนที่นี่ และเคยมองว่ามหาลัยนี้น่าจะดี
พอถึงตอนนี้เรากลับรู้สึกแย่กับมหาลัยไปเลย ขนาดเป็นอาจารย์ที่สอนให้มหาลัย
มีลูกคงไม่มีทางให้เข้าที่นี่แน่นอนค่ะ รู้สึกว่าไม่มีมาตรฐานเลย