คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 62
คุยเรื่องทัศนคติทีไรเป็นต้องได้เถียงกันทุกที
จะบอกว่าเรื่องซิงเป็นเรื่องของคนหัวโบราณ มันก็ออกจะคับแคบไปหน่อยมั้ยครับ อารมณ์เหมือนเด็กขี้งอแง เสียของไปแล้ว พอเห็นคนอื่นยังไม่เสียก็มายุให้เสียเหมือนตนเอง ของของเค้าอยากจะเสียเมื่อไหร่ก็เรื่องของเค้าสิ
อย่าอ้างแต่ว่า "โอ๊ยยย พวกบริสุทธิ์นี่คือคนดีศรีสยาม" เพราะการที่คุณกล่าวอ้างเช่นนี้ ย่อมจะหมายถึงว่า "คนไม่บริสุทธิ์น่ะเป็นคนดีทั้งนั้น" ทั้งที่จริงมันไม่ใช่ไง จะบริสุทธิ์หรือไม่มันวัดความดี ไม่ดี ไม่ได้หรอก
แทนที่จะมาเถียงกัน มาดูสาระจริงๆ ดีกว่าว่า จขกท.เขามาเตือน ว่าใครที่ยังไม่พร้อม หรือสาวคนไหนที่แฟนผู้ชายมันพยายามจะเอาให้ได้ ก็ยั้งคิดสักนิดนึง ก่อนจะเสียตัวฟรี
จะบอกว่าเรื่องซิงเป็นเรื่องของคนหัวโบราณ มันก็ออกจะคับแคบไปหน่อยมั้ยครับ อารมณ์เหมือนเด็กขี้งอแง เสียของไปแล้ว พอเห็นคนอื่นยังไม่เสียก็มายุให้เสียเหมือนตนเอง ของของเค้าอยากจะเสียเมื่อไหร่ก็เรื่องของเค้าสิ
อย่าอ้างแต่ว่า "โอ๊ยยย พวกบริสุทธิ์นี่คือคนดีศรีสยาม" เพราะการที่คุณกล่าวอ้างเช่นนี้ ย่อมจะหมายถึงว่า "คนไม่บริสุทธิ์น่ะเป็นคนดีทั้งนั้น" ทั้งที่จริงมันไม่ใช่ไง จะบริสุทธิ์หรือไม่มันวัดความดี ไม่ดี ไม่ได้หรอก
แทนที่จะมาเถียงกัน มาดูสาระจริงๆ ดีกว่าว่า จขกท.เขามาเตือน ว่าใครที่ยังไม่พร้อม หรือสาวคนไหนที่แฟนผู้ชายมันพยายามจะเอาให้ได้ ก็ยั้งคิดสักนิดนึง ก่อนจะเสียตัวฟรี
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ส่วนค่านิยมเรา ยังคิดข้อเสียไม่ออก
คิดไม่ออกหรือว่าไม่เปิดใจกันแน่คะ เท่าที่เห็น เราและอีกหลายคนก็บอกข้อเสียให้คุณฟังแล้วนะ เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ไม่รู้ ไม่ใช่คิดไม่ออก แต่ไม่เปิดใจต่างหาก
คุณเองก็พิมพ์ข้อเสียของค่านิยมคุณออกมาแล้ว ซึ่งก็คือ เสี่ยงที่จะเจอสามีรสนิยมซาดิสต์วิปริต
ก็แสดงว่าคุณรู้ข้อเสียอยู่แก่ใจ แต่เลือกที่จะปิดหูปิดตาและเสนอวิธีแก้ไขที่แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจผิด ความอ่อนต่อโลก และคิดด้านเดียวมาก
เช่น คุณเชื่อว่า
- จะแต่งงานกันได้ต้องรัก เคารพ และเข้าใจกันอยู่แล้ว
- ถ้า sex เข้ากันไม่ได้ ก็ปรับตัวเข้าหากันได้เสมอ
- sex ซาดิสต์คือโรคที่ต้องรักษา
- sex ไม่ได้สำคัญอันดับ 1
- การติดโรคทางเพศสัมพันธ์ เป็นปัญหาเฉพาะกับคนที่มีอะไรก่อนแต่ง
- ป้องกันดีแค่ไหนก็ต้องมีอะไรผิดพลาด
- เชื่อคำนินทามั่วๆของผู้ชายว่าคนนั้นคนนี้โครตหลวม
แต่ความเป็นจริงคือ
- คนเรามาแต่งงานกันได้ มีหลายสาเหตุ อาจจะแต่งเพราะรักจริงก็ได้ อาจจะแต่งเพราะรักความซิงก็ได้ อาจจะแต่งเพราะต้องการบังหน้าไม่ให้ครอบครัวรู้ว่าจริงๆเป็นเกย์ก็ได้ อย่างกรณีคุณ ซิงจนวันแต่งงาน คุณจะมีวันรู้ได้มั๊ยว่าจริงๆแล้วที่ผู้ชายคนนั้นเค้าแต่งงานกับคุณเพราะเค้ารักคุณจริงๆ หรือรักที่ความซิงของคุณ
- หาก sex เข้ากันไม่ได้ คุณอาจจะคิดว่าก็แค่ปรับตัวเข้าหากัน แต่คุณแน่ใจได้ยังไงว่าอีกฝ่ายเค้าจะให้ความร่วมมือในการปรับตัว ? ในเมื่อคุณยังไม่เคยมีเซ็กส์กับเค้า แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าเค้าจะเป็นประเภทยอมให้ความร่วมมือหากมีปัญหาบนเตียง การปรับตัวมันต้องใช้ความร่วมมือของคนสองคนนะ ไม่ใช่คิดแค่ด้านเดียวว่าจะปรับได้แน่ๆ นี่คืออีกสาเหตุนึงที่สมควรทดลองมีก่อนแต่ง สมมติมีแล้วมันมีปัญหา จะได้ทดลองคุยกันดูว่าจะปรับตัวเข้าหากันได้มั๊ย ถ้าไม่ได้ก็จะได้รู้ไปเลยว่าคนนี้มีนิสัยมีปัญหาบนเตียงแล้วไม่ยอมปรับตัว เพราะถ้าดันแต่งงานกับคนลักษณะนี้ไป ยังไงๆก็ไปไม่รอด
- ความซาดิสต์ไม่ใช่โรคค่ะ มันเป็นรสนิยม เป็นความชอบส่วนตัว เพียงแต่เป็นรสนิยมที่แปลก เพราะคนทั่วไปไม่ได้ชอบ แต่ไม่ใช่อาการป่วยที่ต้องไปรักษา หากคุณเจอคู่ครองที่ซาดิสต์ ถ้าหากคุณไม่สามารถทำใจให้หันมาชอบซาดิสต์แบบเค้าได้ คุณก็ต้องปล่อยให้เค้าไปเจอคนอื่นที่มีรสนิยมเดียวกับเค้าค่ะ ถึงจะแฟร์ แต่การที่บอกว่าให้เค้าไปรักษานั่นคือความเห็นแก่ตัวของคุณ คุณกำลังหาว่ารสนิยมของเค้าเป็นโรคที่ต้องรักษา และต้องการรักษาเพื่อให้เค้าเปลี่ยนรสนิยมมาเป็นในแบบที่คุณรับได้ พูดง่ายๆก็คือ คิดจะบังคับอีกฝ่ายให้เลิกชอบสิ่งที่เค้าชอบและหันมาชอบแบบคุณ
- แยกให้ออกนะคะสำหรับคำว่า sex ไม่ใช่ทุกอย่างของการแต่งงาน กับ sex ไม่ได้สำคัญอันดับ 1 มันคนละความหมายกันค่ะ หลายคนมักสับสนตรงนี้
sex ไม่ใช่ทุกอย่างน่ะ จริง เพราะในการชีวิตการแต่งงานก็ควรมีส่วนประกอบอื่นๆด้วย
แต่ที่บอกว่า sex ไม่ได้สำคัญอันดับ 1 น่ะ ไม่จริงค่ะ เมื่อเทียบกับส่วนประกอบอื่นๆแล้ว สำหรับคู่รัก sex คืออันดับ 1 ค่ะ เพราะ sex เป็นเรื่องเดียวที่ไปทำกับคนอื่นไม่ได้ เรื่องอื่น หากบกพร่องมันยังไปหาที่อื่นทดแทนเอาได้ ภรรยาไม่เทคแคร์เอาใจใส่ จะยากอะไรล่ะ ก็กลับไปหาแม่ให้แม่เอาใจ ภรรยาไม่ใช่ผู้ฟังที่ดี มีเรื่องอะไรปรึกษาไม่ได้เลย ก็ไปปรึกษาเพื่อนได้ ภรรยาทำอาหารไม่อร่อย ออกไปกินที่ร้านได้หรือซื้อกลับบ้านก็ได้ แต่ถ้าภรรยาเซ็กส์ห่วย แก้ยังไงก็ไม่ดีขึ้น จะให้ไปหาใครล่ะ
และที่คุณบอกว่าสาเหตุเดียวที่คุณจะหย่า ก็คือถ้าสามีไปมีชู้ มีเมียน้อย แต่หารู้ไม่ว่าส่วนมาก สาเหตุหลักของการที่สามีไปหาเอาข้างนอก ก็เพราะคนที่บ้านเข้ากันไม่ได้หรือบกพร่องไงคะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะอ้างอะไร กรณีมีชู้ ส่วนมากสาเหตุก็มาจากเรื่องเซ็กส์ที่บ้านนั้นบกพร่อง แล้วแบบนี้ยังจะมาบอกว่าเซ็กส์ไม่สำคัญ ?
- และหากสามีคุณไปมีชู้หรือไปซื้อกิน ในช่วงระหว่างที่คุณยังจับผิดไม่ได้ คุณก็อาจจะต้องเป็นภรรยาที่ใช้สามีร่วมกับใครก็ไม่รู้โดยไม่รู้ตัว วันดีคืนดีสามีอาจจะเอาโรคมาติดภรรยาที่บ้านก็เป็นไปได้ ดังนั้นการติดโรคมันเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ใช่เฉพาะคนที่มีก่อนแต่ง และคนที่มีก่อนแต่งเป็นประจำน่ะ ส่วนมากก็ใช้ถุงยางกันอยู่แล้ว แต่สามีภรรยาซะอีกสิที่ส่วนมากไม่ได้ใช้ถุงยางกัน เพราะฉะนั้นถ้าสามีไปมีชู้ ภรรยามีโอกาสติดโรคมากกว่าคนมีก่อนแต่งซะอีก เพราะมักชะล่าใจว่ามีกับสามี เลยไม่ได้ป้องกัน
- คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะว่าป้องกันดีแค่ไหนก็ต้องมีอะไรผิดพลาด ความจริงคือตรงกันข้ามเลยค่ะ ส่วนมากที่พลาดกันน่ะ ไม่ได้พลาดเพราะป้องกันดีค่ะ แต่พลาดเพราะละเลยที่จะใช้อุปกรณ์ป้องกันมากกว่า ซึ่งเกิดจากความเชื่อผิดๆว่าฝ่าไฟแดง แตกนอก หรือนับวันแล้วจะไม่ท้อง เลือกกินแค่ยาคุมฉุกเฉินแทนยาคุมปกติ พอเชื่ออย่างนี้ก็เลยตัดสินใจไม่ใช้อุปกรณ์ป้องกัน
คนเรา ถ้าใช้อุปกรณ์ป้องกันจริง โอกาสผิดพลาดน้อยมา ยิ่งถ้าใช้มากกว่าหนึ่งอย่างขึ้นไปพร้อมๆกัน โอกาสท้องแทบไม่มีเลย แค่ถุงยางเค้าก็วิจัยออกมาแล้วว่า จากคน 100% ที่ใช้ ปลอดภัยกัน 99% มีแค่ 1% เท่านั้นที่ผิดพลาด จากจำนวนคนทั้งโลกที่มีเซ็กส์กันอยู่ทุกวันโดยพึ่งพาอุปกรณ์ป้องกันพวกนี้ พวกที่ใช้กันได้อย่างปลอดภัยมีมากกว่าพวกที่พลาดหลายเท่าค่ะ
- อ่อ แล้วคุณกลัวแม้แต่คำนินทาที่ไร้สาระหรอ เพียงแค่ออกมาจากปากผู้ชาย คุณก็เชื่อหรอ หากเราได้ยินผู้ชายคนไหนพูดว่าโครตหลวม ทั้งๆที่ผู้หญิงคนนั้นยังไม่เคยคลอดลูก เราคงขำตายเลย เพราะมันสวนทางกับความเป็นจริงของสรีสระผู้หญิงค่ะ อวัยวะเพศผู้หญิงมันทำด้วยกล้ามเนื้อที่ยืดหยุ่นได้ ขยายและหุบได้ตามขนาดสิ่งที่ใส่เข้าไปค่ะ ไม่ใช่ว่าพอผู้ชายใส่เข้าไปแล้วมันจะโหว่อยู่อย่างนั้นแล้วหลวมสำหรับครั้งต่อไปซะเมื่อไหร่ล่ะ
พอผู้ชายดึงออกมามันก็หดกลับไปเท่าขนาดปกติของมันค่ะ ลองคิดตามตรรกะนะ ผู้หญิงที่คลอดลูกแล้วน่ะ คลอดเสร็จอวัยวะยังหดตัวกลับมาใช้การได้เหมือนเดิมจนสามารถผลิตลูกคนต่อๆมาได้ ถ้าแค่ของผู้ชายใส่เข้าไปแล้วทำให้หลวม อย่างนี้ใครเคยคลอดลูกมาแล้วก็ต้องหลวมจนใช้การไม่ได้เลยสิ หัวเด็กใหญ่กว่าอวัยวะเพศผู้ชายตั้งเยอะ
เข้าใจว่าคุณกำลังพยายามรณรงค์ให้ผู้หญิงถือค่านิยมรักนวลสงวนตัวแบบคุณ แต่ถ้าค่านิยมนั้นมันดีจริง คุณก็แค่สาธยายข้อดีของการเก็บซิง เช่น ทำให้เกิดความภาคภูมิใจกับตัวเอง หรือเหตุผลอะไรก็ตามที่คุณมี ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ถ้ามันฟังขึ้นจริงคนอื่นก็ทำตามเองแหละ ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องมาใช้คำพูดดูถูกฝ่ายตรงข้าม เช่นบอกว่าไม่ซิงคือเสียหาย ไม่ซิงคือทำตัวไม่มีคุณค่า เพราะการใช้คำพูดอย่างนี้ก็คือการป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ว่าคุณไม่มีเหตุผลดีพอที่จะชักจูงคนอื่นให้เกิดความคิดอยากเก็บซิง เลยต้องใช้วิธีเปรียบเทียบใช้คำพูดดูถูกคนที่ไม่ซิง
แล้วก็อย่าพยายามแนะนำอะไรที่คุณไม่รู้จริงค่ะ เพราะมันจะก่อให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจผิดได้ เช่นในความเห็นนี้ คุณพยายามแนะนำหนทางแก้ไขว่าหากเจอสามีที่เซ็กส์เข้ากันไม่ได้ จะทำยังไง คุณแนะนำไปทั้งๆที่ตัวคุณเองก็ยังไม่เคยมีเซ็กส์ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวลาเซ็กส์มีปัญหามันรู้สึกแบบไหน แก้กันยากง่ายยังไง คุณจะไปรู้ดีกว่าคนที่เคยมีประสบการณ์ได้ยังไงล่ะ ต่อให้ฟังจากใครมา มันก็ไม่รู้ดีเท่ากับเจอด้วยตัวเอง สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นไงคะ
ทำอย่างนี้ก็เหมือนพยายามไปสอนคนอื่นอ่านหนังสือ ทั้งๆที่ตัวเองยังไม่เคยอ่านเลยสักเล่ม
คิดไม่ออกหรือว่าไม่เปิดใจกันแน่คะ เท่าที่เห็น เราและอีกหลายคนก็บอกข้อเสียให้คุณฟังแล้วนะ เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ไม่รู้ ไม่ใช่คิดไม่ออก แต่ไม่เปิดใจต่างหาก
คุณเองก็พิมพ์ข้อเสียของค่านิยมคุณออกมาแล้ว ซึ่งก็คือ เสี่ยงที่จะเจอสามีรสนิยมซาดิสต์วิปริต
ก็แสดงว่าคุณรู้ข้อเสียอยู่แก่ใจ แต่เลือกที่จะปิดหูปิดตาและเสนอวิธีแก้ไขที่แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจผิด ความอ่อนต่อโลก และคิดด้านเดียวมาก
เช่น คุณเชื่อว่า
- จะแต่งงานกันได้ต้องรัก เคารพ และเข้าใจกันอยู่แล้ว
- ถ้า sex เข้ากันไม่ได้ ก็ปรับตัวเข้าหากันได้เสมอ
- sex ซาดิสต์คือโรคที่ต้องรักษา
- sex ไม่ได้สำคัญอันดับ 1
- การติดโรคทางเพศสัมพันธ์ เป็นปัญหาเฉพาะกับคนที่มีอะไรก่อนแต่ง
- ป้องกันดีแค่ไหนก็ต้องมีอะไรผิดพลาด
- เชื่อคำนินทามั่วๆของผู้ชายว่าคนนั้นคนนี้โครตหลวม
แต่ความเป็นจริงคือ
- คนเรามาแต่งงานกันได้ มีหลายสาเหตุ อาจจะแต่งเพราะรักจริงก็ได้ อาจจะแต่งเพราะรักความซิงก็ได้ อาจจะแต่งเพราะต้องการบังหน้าไม่ให้ครอบครัวรู้ว่าจริงๆเป็นเกย์ก็ได้ อย่างกรณีคุณ ซิงจนวันแต่งงาน คุณจะมีวันรู้ได้มั๊ยว่าจริงๆแล้วที่ผู้ชายคนนั้นเค้าแต่งงานกับคุณเพราะเค้ารักคุณจริงๆ หรือรักที่ความซิงของคุณ
- หาก sex เข้ากันไม่ได้ คุณอาจจะคิดว่าก็แค่ปรับตัวเข้าหากัน แต่คุณแน่ใจได้ยังไงว่าอีกฝ่ายเค้าจะให้ความร่วมมือในการปรับตัว ? ในเมื่อคุณยังไม่เคยมีเซ็กส์กับเค้า แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าเค้าจะเป็นประเภทยอมให้ความร่วมมือหากมีปัญหาบนเตียง การปรับตัวมันต้องใช้ความร่วมมือของคนสองคนนะ ไม่ใช่คิดแค่ด้านเดียวว่าจะปรับได้แน่ๆ นี่คืออีกสาเหตุนึงที่สมควรทดลองมีก่อนแต่ง สมมติมีแล้วมันมีปัญหา จะได้ทดลองคุยกันดูว่าจะปรับตัวเข้าหากันได้มั๊ย ถ้าไม่ได้ก็จะได้รู้ไปเลยว่าคนนี้มีนิสัยมีปัญหาบนเตียงแล้วไม่ยอมปรับตัว เพราะถ้าดันแต่งงานกับคนลักษณะนี้ไป ยังไงๆก็ไปไม่รอด
- ความซาดิสต์ไม่ใช่โรคค่ะ มันเป็นรสนิยม เป็นความชอบส่วนตัว เพียงแต่เป็นรสนิยมที่แปลก เพราะคนทั่วไปไม่ได้ชอบ แต่ไม่ใช่อาการป่วยที่ต้องไปรักษา หากคุณเจอคู่ครองที่ซาดิสต์ ถ้าหากคุณไม่สามารถทำใจให้หันมาชอบซาดิสต์แบบเค้าได้ คุณก็ต้องปล่อยให้เค้าไปเจอคนอื่นที่มีรสนิยมเดียวกับเค้าค่ะ ถึงจะแฟร์ แต่การที่บอกว่าให้เค้าไปรักษานั่นคือความเห็นแก่ตัวของคุณ คุณกำลังหาว่ารสนิยมของเค้าเป็นโรคที่ต้องรักษา และต้องการรักษาเพื่อให้เค้าเปลี่ยนรสนิยมมาเป็นในแบบที่คุณรับได้ พูดง่ายๆก็คือ คิดจะบังคับอีกฝ่ายให้เลิกชอบสิ่งที่เค้าชอบและหันมาชอบแบบคุณ
- แยกให้ออกนะคะสำหรับคำว่า sex ไม่ใช่ทุกอย่างของการแต่งงาน กับ sex ไม่ได้สำคัญอันดับ 1 มันคนละความหมายกันค่ะ หลายคนมักสับสนตรงนี้
sex ไม่ใช่ทุกอย่างน่ะ จริง เพราะในการชีวิตการแต่งงานก็ควรมีส่วนประกอบอื่นๆด้วย
แต่ที่บอกว่า sex ไม่ได้สำคัญอันดับ 1 น่ะ ไม่จริงค่ะ เมื่อเทียบกับส่วนประกอบอื่นๆแล้ว สำหรับคู่รัก sex คืออันดับ 1 ค่ะ เพราะ sex เป็นเรื่องเดียวที่ไปทำกับคนอื่นไม่ได้ เรื่องอื่น หากบกพร่องมันยังไปหาที่อื่นทดแทนเอาได้ ภรรยาไม่เทคแคร์เอาใจใส่ จะยากอะไรล่ะ ก็กลับไปหาแม่ให้แม่เอาใจ ภรรยาไม่ใช่ผู้ฟังที่ดี มีเรื่องอะไรปรึกษาไม่ได้เลย ก็ไปปรึกษาเพื่อนได้ ภรรยาทำอาหารไม่อร่อย ออกไปกินที่ร้านได้หรือซื้อกลับบ้านก็ได้ แต่ถ้าภรรยาเซ็กส์ห่วย แก้ยังไงก็ไม่ดีขึ้น จะให้ไปหาใครล่ะ
และที่คุณบอกว่าสาเหตุเดียวที่คุณจะหย่า ก็คือถ้าสามีไปมีชู้ มีเมียน้อย แต่หารู้ไม่ว่าส่วนมาก สาเหตุหลักของการที่สามีไปหาเอาข้างนอก ก็เพราะคนที่บ้านเข้ากันไม่ได้หรือบกพร่องไงคะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะอ้างอะไร กรณีมีชู้ ส่วนมากสาเหตุก็มาจากเรื่องเซ็กส์ที่บ้านนั้นบกพร่อง แล้วแบบนี้ยังจะมาบอกว่าเซ็กส์ไม่สำคัญ ?
- และหากสามีคุณไปมีชู้หรือไปซื้อกิน ในช่วงระหว่างที่คุณยังจับผิดไม่ได้ คุณก็อาจจะต้องเป็นภรรยาที่ใช้สามีร่วมกับใครก็ไม่รู้โดยไม่รู้ตัว วันดีคืนดีสามีอาจจะเอาโรคมาติดภรรยาที่บ้านก็เป็นไปได้ ดังนั้นการติดโรคมันเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ใช่เฉพาะคนที่มีก่อนแต่ง และคนที่มีก่อนแต่งเป็นประจำน่ะ ส่วนมากก็ใช้ถุงยางกันอยู่แล้ว แต่สามีภรรยาซะอีกสิที่ส่วนมากไม่ได้ใช้ถุงยางกัน เพราะฉะนั้นถ้าสามีไปมีชู้ ภรรยามีโอกาสติดโรคมากกว่าคนมีก่อนแต่งซะอีก เพราะมักชะล่าใจว่ามีกับสามี เลยไม่ได้ป้องกัน
- คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะว่าป้องกันดีแค่ไหนก็ต้องมีอะไรผิดพลาด ความจริงคือตรงกันข้ามเลยค่ะ ส่วนมากที่พลาดกันน่ะ ไม่ได้พลาดเพราะป้องกันดีค่ะ แต่พลาดเพราะละเลยที่จะใช้อุปกรณ์ป้องกันมากกว่า ซึ่งเกิดจากความเชื่อผิดๆว่าฝ่าไฟแดง แตกนอก หรือนับวันแล้วจะไม่ท้อง เลือกกินแค่ยาคุมฉุกเฉินแทนยาคุมปกติ พอเชื่ออย่างนี้ก็เลยตัดสินใจไม่ใช้อุปกรณ์ป้องกัน
คนเรา ถ้าใช้อุปกรณ์ป้องกันจริง โอกาสผิดพลาดน้อยมา ยิ่งถ้าใช้มากกว่าหนึ่งอย่างขึ้นไปพร้อมๆกัน โอกาสท้องแทบไม่มีเลย แค่ถุงยางเค้าก็วิจัยออกมาแล้วว่า จากคน 100% ที่ใช้ ปลอดภัยกัน 99% มีแค่ 1% เท่านั้นที่ผิดพลาด จากจำนวนคนทั้งโลกที่มีเซ็กส์กันอยู่ทุกวันโดยพึ่งพาอุปกรณ์ป้องกันพวกนี้ พวกที่ใช้กันได้อย่างปลอดภัยมีมากกว่าพวกที่พลาดหลายเท่าค่ะ
- อ่อ แล้วคุณกลัวแม้แต่คำนินทาที่ไร้สาระหรอ เพียงแค่ออกมาจากปากผู้ชาย คุณก็เชื่อหรอ หากเราได้ยินผู้ชายคนไหนพูดว่าโครตหลวม ทั้งๆที่ผู้หญิงคนนั้นยังไม่เคยคลอดลูก เราคงขำตายเลย เพราะมันสวนทางกับความเป็นจริงของสรีสระผู้หญิงค่ะ อวัยวะเพศผู้หญิงมันทำด้วยกล้ามเนื้อที่ยืดหยุ่นได้ ขยายและหุบได้ตามขนาดสิ่งที่ใส่เข้าไปค่ะ ไม่ใช่ว่าพอผู้ชายใส่เข้าไปแล้วมันจะโหว่อยู่อย่างนั้นแล้วหลวมสำหรับครั้งต่อไปซะเมื่อไหร่ล่ะ
พอผู้ชายดึงออกมามันก็หดกลับไปเท่าขนาดปกติของมันค่ะ ลองคิดตามตรรกะนะ ผู้หญิงที่คลอดลูกแล้วน่ะ คลอดเสร็จอวัยวะยังหดตัวกลับมาใช้การได้เหมือนเดิมจนสามารถผลิตลูกคนต่อๆมาได้ ถ้าแค่ของผู้ชายใส่เข้าไปแล้วทำให้หลวม อย่างนี้ใครเคยคลอดลูกมาแล้วก็ต้องหลวมจนใช้การไม่ได้เลยสิ หัวเด็กใหญ่กว่าอวัยวะเพศผู้ชายตั้งเยอะ
เข้าใจว่าคุณกำลังพยายามรณรงค์ให้ผู้หญิงถือค่านิยมรักนวลสงวนตัวแบบคุณ แต่ถ้าค่านิยมนั้นมันดีจริง คุณก็แค่สาธยายข้อดีของการเก็บซิง เช่น ทำให้เกิดความภาคภูมิใจกับตัวเอง หรือเหตุผลอะไรก็ตามที่คุณมี ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ถ้ามันฟังขึ้นจริงคนอื่นก็ทำตามเองแหละ ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องมาใช้คำพูดดูถูกฝ่ายตรงข้าม เช่นบอกว่าไม่ซิงคือเสียหาย ไม่ซิงคือทำตัวไม่มีคุณค่า เพราะการใช้คำพูดอย่างนี้ก็คือการป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ว่าคุณไม่มีเหตุผลดีพอที่จะชักจูงคนอื่นให้เกิดความคิดอยากเก็บซิง เลยต้องใช้วิธีเปรียบเทียบใช้คำพูดดูถูกคนที่ไม่ซิง
แล้วก็อย่าพยายามแนะนำอะไรที่คุณไม่รู้จริงค่ะ เพราะมันจะก่อให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจผิดได้ เช่นในความเห็นนี้ คุณพยายามแนะนำหนทางแก้ไขว่าหากเจอสามีที่เซ็กส์เข้ากันไม่ได้ จะทำยังไง คุณแนะนำไปทั้งๆที่ตัวคุณเองก็ยังไม่เคยมีเซ็กส์ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวลาเซ็กส์มีปัญหามันรู้สึกแบบไหน แก้กันยากง่ายยังไง คุณจะไปรู้ดีกว่าคนที่เคยมีประสบการณ์ได้ยังไงล่ะ ต่อให้ฟังจากใครมา มันก็ไม่รู้ดีเท่ากับเจอด้วยตัวเอง สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นไงคะ
ทำอย่างนี้ก็เหมือนพยายามไปสอนคนอื่นอ่านหนังสือ ทั้งๆที่ตัวเองยังไม่เคยอ่านเลยสักเล่ม
ความคิดเห็นที่ 55
คุณจะรักษาความซิงก็เรื่องของคุณ ผมดีใจกับคุณด้วย
คุณจะไม่ชอบคนที่ไม่รักษาความซิงก็เรื่องของคุณผมไม่ว่า
แต่เหตุผลของคุณน่ะ ผมว่าผมมีปัญหา
คุณไม่สามารถเหมารวมได้ว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเก็บความซิงจะไม่ตั้งใจเรียน
คุณไม่สามารถเหมารวมได้ว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเก็บความซิงจะมีเซ็กซ์มั่วไปทั่ว บางคนไม่ได้ตั้งใจจะเก็บ แต่ก็ไม่ได้เอามั่วไปทั่วนะครับ คนที่ไม่ได้เห็นด้วยกับคุณเค้าไม่ได้กลายร่างเป็นกันหมดนะ
คุณไม่สามารถเหมารวมได้ว่าคนที่เก็บความซิงจนแต่งงานจะเป็นคู่ครองที่ดี แน่นอนคุณอดทนเก่ง แต่การที่คุณไม่เคยมีเซ็กซ์ไม่ได้ทำให้เป็นคู่ครองที่ดีกว่าผู้หญิงที่เคยมี มันไม่เกี่ยวกัน ไม่สัมพันธ์กัน ความบริสุทธิ์ไม่ได้ทำให้คุณเข้าใจคู่ครอง หรือรับผิดชอบหน้าที่ในบ้านได้ดีขึ้น ไม่เกี่ยว
คุณเหมารวมไปหมดว่าคนที่ไม่ได้รักษาพรหมจรรย์เหมือนคุณจะต้องเป็นคนยังไงจะต้องคิดยังไง ซึ่งแสดงนิสัยที่คับแคบมาก เป็นนิสัยที่ผมไม่ตัองการให้ภรรยาผมมีแน่ๆ และต่อให้คุณจะพรหมจรรย์แค่ไหน ถ้าคุณยังมีนิสัยคับแคบแบบนี้ ผมหนึ่งคนที่จะไม่มีวันแต่งงานกับคนอย่างคุณเลย ซึ่งแน่นอนคุณก็คงไม่อยากแต่งงานอะไรกับผมหรอก 55 และก็จะมีผู้ชายอีกมากมายที่ขอบผู้หญิงแบบคุณ แต่ผมขอบอกเลยว่าคุณเป็นมนุษย์มีจิตใจคับแคบและเหมารวมมาก
ถึง คห. บุรุษเดียวดายที่ชิบใส่จุดตอนพิมพ์
ผมขอเปิดศึกกับคุณเลย ผมเกลียดความคิดแบบคุณมากที่มองผู้หญิงเป็นของมีค่าที่ต้องเก็บพรหมจรรย์ไว้ให้คุณ เชิญตามหาไปนะครับสาวบริสุทธิ์ของคุณน่ะ แต่คุณไม่มีสิทธิด่าผู้หญิงที่ไม่ซิง พวกเขาไม่ได้ด้อยค่าหรืออะไรทั้งนั้น
เรื่องเซ็กซ์มันเป็นเรื่องธรรมชาติ จะเก็บไม่เก็บก็เรื่องของคุณ แต่เราไม่ควรมองมันเป็นเรื่องใหญ่ ผู้ชายทุกคนก็เลิกตัดสินค่าของผู้หญิงจากความบริสุทธิ์ ผู้หญิงก็ควรตัดสินค่าของตัวเองจากพรหมจรรย์ การยอมรับความคิดที่แตกต่างและเคารพคนทุกคน ทุกความคิด ไม่ว่าจะซิงไม่ซิงน่ะสากลที่สุด การไม่ชอบการเสียซิงก็เป็นแค่รสนิยมนั่นแหละ อย่าเอารสนิยมตัวเองมาตัดสินคนอื่นครับ
คุณจะไม่ชอบคนที่ไม่รักษาความซิงก็เรื่องของคุณผมไม่ว่า
แต่เหตุผลของคุณน่ะ ผมว่าผมมีปัญหา
คุณไม่สามารถเหมารวมได้ว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเก็บความซิงจะไม่ตั้งใจเรียน
คุณไม่สามารถเหมารวมได้ว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเก็บความซิงจะมีเซ็กซ์มั่วไปทั่ว บางคนไม่ได้ตั้งใจจะเก็บ แต่ก็ไม่ได้เอามั่วไปทั่วนะครับ คนที่ไม่ได้เห็นด้วยกับคุณเค้าไม่ได้กลายร่างเป็นกันหมดนะ
คุณไม่สามารถเหมารวมได้ว่าคนที่เก็บความซิงจนแต่งงานจะเป็นคู่ครองที่ดี แน่นอนคุณอดทนเก่ง แต่การที่คุณไม่เคยมีเซ็กซ์ไม่ได้ทำให้เป็นคู่ครองที่ดีกว่าผู้หญิงที่เคยมี มันไม่เกี่ยวกัน ไม่สัมพันธ์กัน ความบริสุทธิ์ไม่ได้ทำให้คุณเข้าใจคู่ครอง หรือรับผิดชอบหน้าที่ในบ้านได้ดีขึ้น ไม่เกี่ยว
คุณเหมารวมไปหมดว่าคนที่ไม่ได้รักษาพรหมจรรย์เหมือนคุณจะต้องเป็นคนยังไงจะต้องคิดยังไง ซึ่งแสดงนิสัยที่คับแคบมาก เป็นนิสัยที่ผมไม่ตัองการให้ภรรยาผมมีแน่ๆ และต่อให้คุณจะพรหมจรรย์แค่ไหน ถ้าคุณยังมีนิสัยคับแคบแบบนี้ ผมหนึ่งคนที่จะไม่มีวันแต่งงานกับคนอย่างคุณเลย ซึ่งแน่นอนคุณก็คงไม่อยากแต่งงานอะไรกับผมหรอก 55 และก็จะมีผู้ชายอีกมากมายที่ขอบผู้หญิงแบบคุณ แต่ผมขอบอกเลยว่าคุณเป็นมนุษย์มีจิตใจคับแคบและเหมารวมมาก
ถึง คห. บุรุษเดียวดายที่ชิบใส่จุดตอนพิมพ์
ผมขอเปิดศึกกับคุณเลย ผมเกลียดความคิดแบบคุณมากที่มองผู้หญิงเป็นของมีค่าที่ต้องเก็บพรหมจรรย์ไว้ให้คุณ เชิญตามหาไปนะครับสาวบริสุทธิ์ของคุณน่ะ แต่คุณไม่มีสิทธิด่าผู้หญิงที่ไม่ซิง พวกเขาไม่ได้ด้อยค่าหรืออะไรทั้งนั้น
เรื่องเซ็กซ์มันเป็นเรื่องธรรมชาติ จะเก็บไม่เก็บก็เรื่องของคุณ แต่เราไม่ควรมองมันเป็นเรื่องใหญ่ ผู้ชายทุกคนก็เลิกตัดสินค่าของผู้หญิงจากความบริสุทธิ์ ผู้หญิงก็ควรตัดสินค่าของตัวเองจากพรหมจรรย์ การยอมรับความคิดที่แตกต่างและเคารพคนทุกคน ทุกความคิด ไม่ว่าจะซิงไม่ซิงน่ะสากลที่สุด การไม่ชอบการเสียซิงก็เป็นแค่รสนิยมนั่นแหละ อย่าเอารสนิยมตัวเองมาตัดสินคนอื่นครับ
แสดงความคิดเห็น
ถึงคนที่ลังเลหรือคิดเสียตัวให้แฟน
ตอนเด็กๆเรามีปมเรื่องอดีตของแม่ค่ะ โดนล้อเลียนเรื่องแม่ประมาณ รู้ป่ะแม่ยัย...(ชื่อเรา) เสร็จอากุมาแล้ว เสร็จที่หนักสุดคือเรียกว่าลูกยัยโสกินฟรี ทั้งอาย ทั้งเจ็บใจค่ะ(ถ้าคนที่เคยเรียกเราแบบนี้มาอ่าน คงรู้แล้วล่ะว่าเราคือใคร เหอๆ อยากจะบอกว่า กุจำฝังใจแบบไม่ลืม) ต้องบอกก่อนว่า แม่มีค่านิยมเวลามีแฟนใครก็จะมีอะไรกัน แล้วอดีตผู้ชายมันคงพูดในวงเหล้า เด็กประถมเลยจำมาพูดมาล้อกัน ประกอบกับตระกูลฝังแม่จะเป็นที่รู้จักค่ะ ชาวบ้านเลยชอบเผือก แล้วก็เถียงกลับไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องจริง มีแต่ต้องเงียบ
เวลาโดนล้อ กลับบ้านมาพ่อเราจะเป็นคนมาปลอบทุกครั้งว่า ไม่ต้องไปสนใจ บางทีก็เห็นพ่อเราแอบร้องไห้ค่ะ สงสารพ่อมากค่ะรู้ว่าที่พ่อไม่เลิกกับแม่สักทีเพราะเรา แม่เราก่อนแต่งงานมีนิสัยชอบเที่ยวค่ะ เคยจะเลิกทำตัวแบบนี้แต่ทำได้ไม่กี่เดือน ก็กลับเป็นอย่างเก่า มันเป็นสันดานไปแล้ว ชอบขอเงินพ่ออ้างว่าเพื่อนเก่าขอยืม ก็ทะเลาะกันหลายครั้งเพราะเรื่องนี้สุดท้ายก็ยอมให้
จนตอนหลังพ่อจับได้ว่าแม่ขอเงินเพื่อให้แฟนเก่าคนหนึ่ง เรียกง่ายๆก็ชู้อ่ะค่ะ ตอนนั้นทะเลาะกันรุนแรงมาก ทะเลาะกันจนพ่อพูดเรื่องอดีตของแม่ คือเข้าใจเลยค่ะว่าพ่อทนมานานแล้ว แม่ขอหย่ากับพ่อโดยที่ได้เงินก้อนนั้นด้วย ก่อนแม่ออกจากบ้านมานอนคุยกับเราค่ะ ที่แม่ขอหย่ากับพ่อไม่ใช่โกรธพ่อ แต่เพราะโกรธที่ตัวเองไม่ดีพอ บอกว่าให้เราอย่าทำตัวแบบแม่ ดูแม่เป็นบทเรียน นี้เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกว่าแม่คือแม่
เรื่องนี้ฝั่งหัวเรามากค่ะ ถึงเราจะมีแฟนกี่คน ก็ไม่เคยมีอะไรกันมากกว่า จับมือ และหอมแก้ม คิดว่านี้คงเป็นสาเหตุให้เลิกกับแฟนบ่อย มีรายหนึ่งแอบมีกิ๊ก พอเราจับได้ ก็ให้เหตุผลว่าเพราะเราไม่ยอมมีอะไรด้วยเลยประชด เหอๆสันดานมากค่ะ เลยแกล้งถามว่าจะเลือกใคร มันตอบว่าเลือกเรา ทั้งที่มีอะไรกับกิ๊กแล้ว
ปัจจุบันพ่อเราแต่งงานกับแม่หม้ายค่ะ เราเป็นแม่สื่อให้เอง แม่ใหม่ของเรามีค่านิยมตรงข้ามกับแม่เเท้ๆของเราเลยค่ะ รักนวลสงวนตัว ประพฤติตัวดีมาตลอด มีเเต่คนชม ตอนนี้พ่อเราก็มีความสุข เราก็มีความสุขตามค่ะ
จนเข้ามหาลัย ได้รู้จักกับลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง เราสนิทกันมาก คุยกันทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่เรื่องsex ขอเรียกว่าพี่แก้ม พี่แก้มดูเป็นคนไม่แคร์อะไร การนอนกับผู้ชายเหมือนเก็บประสบการณ์ ถือว่า win-win แล้วพี่เขาทั้งสวยเรียนเก่ง ความรู้สึกตอนนั้นคือ อยากเป็นเหมือนพี่แก้ม ประกอบกับตอนนั้นได้อยู่คณะที่คะแนนแอดสูงเป็นอำดับต้นของประเทศ ทำให้ความคิดเปลี่ยน แล้วพี่เขาแนะนำให้มีอะไรกับแฟน ตอนนั้นเกือบจะมีอะไรกับแฟนที่คบตอนนั้น แต่จิตใต้สำนึกมันสั่งไว้ ตอนเช้าไอ้นั้นมันเอาเรื่องเราไปนินทาค่ะ เลยลากมันมาประจานกลางคณะ ตอนนั้นสะใจและดีใจมากที่ยังไม่มีอะไรกับมันไม่งั้นเราคงอยู่ในหัวข้อนินทาอีกนาน
มีอยู่วันหนึ่งพี่แก้มเมา อยู่ๆพูดว่า อิจฉาเราที่ยังบริสุทธิ์ ถ้าย้อนอดีตไปได้จะไม่ทำตัวแบบนี้ เราก็ถามว่า แล้วที่แนะนำให้มีอะไรกับแฟนนี้คืออะไร พี่แก้มก็พูดประมาณว่า อยากให้เหมือนตัวเอง ตอนนั้นโกรธมาก ปัจจุบันชีวิตพี่แก้มเหมือนตกเหวค่ะ มีแฟนที่ทำงาน แล้วถ่ายคลิป คลิปหลุด จนต้องลาออกจากที่ทำงาน หางานใหม่ได้คลิปนั้นก็ยังตามไปหลอนอีก คือเสียดายความรู้ ต้องมาจบกับการกระทำของตัวเอง
จริงๆก็มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้น ทั้งของเพื่อนที่ท้อง(ทั้งๆที่มันพกถุงยางตลอด) แฟนทิ้ง แท้งต้องตัดมดลูกออก ซึ่งมันเกิดขึ้นซ้ำๆในสังคมไทยเลยค่ะ มันทำให้เราได้คิดทบทวนอะไรหลายอย่าง จริงๆ ผู้หญิงเราก็อยากเสียความบริสุทธิ์ให้กับคนที่ตัวเองรัก และเห็นคุณค่า แต่เพราะความใคร่ คิดว่าเขารักเรา ความรักบังตา หรืออารมณ์พาไป ขาดความยับยั้งชั่งใจ พอเสียไปแล้วก็มานั่งเสียใจ แล้วประมาณว่าไหนๆก็เสียไปแล้วก็ทำตัวเลยตามเลย
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าควรเสียให้ใคร ใครจะเห็นคุณค่า ในความคิดของเรานะค่ะ คำว่าแฟน ยังไม่หนักแน่นพอ ควรจะเป็นคนที่เราแต่งงานด้วย เป็นสามีเรา แล้วก็สันดานผู้ชายบางคนค่ะ แน่นอนว่า ถึงจะบริสุทธิ์ แต่ถ้าชายมันอยากเลิก มีกิ๊กก็หาข้ออ้างสารพัด แต่มันจะไม่มีข้ออ้างว่า เราไม่บริสุทธิ์แน่นอน แถมยังได้ฟ้องหย่า ได้ค่าเสียหาย ค่าเลียเวลา มีลูกก็ได้ค่าเลี้ยงดูลูก กลับกันสถานะแฟนหรืออยู่ก่อนแต่ง สันดานออก พลาดมีลูก เราเรียกร้องอะไรจากมันไม่ได้เลย น้าเราเป็นทนายเห็นคดีพวกนี้มาเยอะ พอเกิดอะไรขึ้นเรียกร้องยาก และจะเห็นว่าในหลายกระทู้จะมี singlemom เยอะไปหมด เรายกย่องคนที่เป็น singlemom ที่หย่ากับสามี หรือคนที่หาเงินได้โดยไม่เดือดร้อนใครค่ะ แต่เราจะสมเพสคนที่เป็นยังแบมือขอพ่อแม่อยู่ค่ะ
จุดประสงค์ที่เรามาตั้งกระทู้ เพื่อเตือน ให้ข้อคิด คนที่ยังซิงที่ลังเล ว่าเลือกทางนี้อาจจะเกิดผลลัพธ์อะไรขึ้นบ้าง เป็นตัวอย่างหนึ่งที่มันเกิดขึ้นซ้ำๆในสังคมไทย มีข่าวอยู่บ่อยๆ ซึ่งอาจจะเกิดกับตัวคุณหรือไม่เกิดก็ได้ และอีกอย่างคือไม่อยากได้ยินคำว่า มันเป็นความผิดพลาด ถ้าย้อนกลับไปได้จะไม่ทำแบบนี้
แอบไม่เข้าใจว่าคนที่มีค่านิยมไม่รักษาซิงจะมาเดือดร้อนร้อนตัวทำไม เราไม่ได้ว่าคนที่ไม่บริสุทธิ์หรือคนที่มีรสนิยมfreesex หรือคนที่มีอะไรกับแฟนก่อนเเต่งงาน ว่าเป็นคนไม่ดี จะซิงหรือไม่ซิงไม่ใช่ตัววัดความดีค่ะ ขอเพียงไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ไม่ทำให้พ่อเเม่เสียใจ หรือชักชวนให้คนอื่นให้ทำตามเพราะไม่อยากเสียซิงคนเดียว และสุดท้ายเมื่อเลือกแล้วก็จงยอมรับผลที่จะได้รับ
เช่นกระทู้นี้ http://ppantip.com/topic/32928731/comment200 ในเมื่อเลือกทำตามค่านิยมนี้ ผลคือแฟนไม่เลือกเป็นแม่ของลูก แล้วจะแคร์ทำไม แทนที่จะหาแฟนรสนิยมเหมือนกัน กลับมาโทษผู้ชายโทษสังคมซะงั้น ผู้ชายที่ชอบผู้หญิงซิงไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รักจริง หรือเป็นคนเลว กลับกันผู้ชายบางคนก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงซิง แล้วแต่รสนิยมของแต่ลแะคนเลย มันแปลกพอผู้ชายเลือกคนซิงก็ชอบยกความไม่ยุติธรรม ความไม่เท่าเทียมกันต่างๆนาๆมาอ้าง อย่างทำไมผู้ชายไม่ซิงบ้างล่ะ อ้าว ทีผู้หญิงบางคนก็เลือกผู้ชายซิงเลยเพราะนับถือเรื่องศิลเท่าเทียบกัน ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็เลือกแต่งงานกับคนรวย แล้วทำไมผู้ชายจะเลือกบ้างไม่ได้