ในการเดินทาง อาจมีหลายจุดหมายที่เราไป แต่ผมเชื่อว่า จะมีเพียงไม่กี่ที่ ที่เราคิดว่าต้องกลับไปอีกครั้งให้ได้ สำหรับผมอช.ขุนสถาน คือหนึ่งในนั้นครับ
ผมเริ่มต้นเช่ารถจากน่าน เดินทางผ่านอ.นาน้อย มุ่งสู่ อช.ขุนสถาน อันเป็นจุดเริ่มต้นของการบันทึกการเดินทางในครั้งนี้
เกือบตลอดการเดินทาง เราจะได้พบกับนาขั้นบันไดขนาดย่อมๆ สลับกับไร่ข้าวโพด กลิ่นดินที่หอมอย่างบอกไม่ถูก ทำให้เราแวะชมกันตลอดทาง
80% ของการเดินทางขึ้นอุทยานฯ เป็นถนนอย่างดี บวกกับวิวข้างทาง ที่ชวนให้เหลียวมองตลอดทาง ผมขอแนะนำให้ขับรถขึ้นไปเอง จะทำให้เราสามารถจอดชมบรรยากาศแบบตามใจได้เลย (หาที่จอดให้ปลอดภัย และ อย่าขับไปมองวิวไปเพลินๆนะครับ เดี๋ยวตกเขา ไม่ต้องหากันเลย)
นอกจากมองวิวสวยๆไกลๆแล้ว ลองก้มลงมองใกล้ๆตัว ก็มีนางแบบตัวน้อยๆ รออวดโฉมเราอยู่เหมือนกันนะ
เมื่อถึงอุทยานฯขุนสถาน ก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพ ที่มุมมหาชน ป้ายอุทยาน
แล้วเราก็มีเวลาพอที่จะไปดูชีวิตชาวเขา ซึ่งที่นี่คือเผ่าม้ง น่ารักมากครับ จ้องคุณยายอยู่นาน กว่าจะหันมา นี่ถ้าเป็นสาวๆ ผมคงไม่กล้าจ้องขนาดนี้นะ^^
ชาวเขาที่นี่ส่วนใหญ่ ปลูกผักขาย มีทั้งสตรอเบอรี่ พริกหวาน ฟักทอง โสม และอื่นๆที่ผมจำชื่อไม่ได้ แต่ช่วงนี้ ยังไม่มีสตรอเบอรี่นะครับ T-T ประมาณ ธ.ค.-ม.ค. ถึงจะมี
เมื่อมาแล้ว เราก็ไม่พลาดที่จะขอลงไปชมแปลงผัก
ยอมลื่นล้มคลุกดิน เพื่อเดินไปเก็บภาพนี้
ที่นี่ มีโฮมสเตย์เท่าที่เห็น 3-4 ที่ ซึ่งเราเลือกที่นี่ครับ บ้านเก็บตะวัน ซึ่งเป็นโฮมสเตย์ กับร้านขายของทั่วไป และยังสามารถทำกับข้าวอร่อยๆให้เรากินในราคาประหยัด เราไม่อดตายแล้วววว
เห็นดอกนี้แล้วอยากเอาไปให้....ใครสักคน....
แล้วเราก็ได้นั่งชมแสงสุดท้ายของวันที่นี่เอง
มาถึงห้องพัก ใครอยากอยู่แอร์ เตียงนุ่มๆ ส้วมนั่งสบายๆ มีเครื่องทำน้ำอุ่น แนะนำให้ไปที่อื่นครับ สำหรับผมแล้ว ด้วยการแต่งห้องที่เรียบง่าย ใช้หินมาประดับ บวกกับการวัดใจในการตักน้ำขันแรกขึ้นมาอาบ ที่นี่คือสวรรค์ชัดๆ
ตื่นเช้ามา ก็มาพบวิถีชีวิตของชาวเขา และกาลเล่น ที่ทำให้ผมได้ยินเสียงดังไปถึงในห้องนอน
เป็นอันสิ้นสุดกิจกรรมบนนี้ครับ
น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการท่องเที่ยวหน้าหนาวนี้นะครับ^^
[CR] หนาวนี้ กำลังหาที่เที่ยวอากาศดีๆ ราคาประหยัดอยู่รึเปล่า? ณ อุทยานแห่งขาติขุนสถาน จ.น่าน มีคำตอบให้ครับ
ผมเริ่มต้นเช่ารถจากน่าน เดินทางผ่านอ.นาน้อย มุ่งสู่ อช.ขุนสถาน อันเป็นจุดเริ่มต้นของการบันทึกการเดินทางในครั้งนี้
เกือบตลอดการเดินทาง เราจะได้พบกับนาขั้นบันไดขนาดย่อมๆ สลับกับไร่ข้าวโพด กลิ่นดินที่หอมอย่างบอกไม่ถูก ทำให้เราแวะชมกันตลอดทาง
80% ของการเดินทางขึ้นอุทยานฯ เป็นถนนอย่างดี บวกกับวิวข้างทาง ที่ชวนให้เหลียวมองตลอดทาง ผมขอแนะนำให้ขับรถขึ้นไปเอง จะทำให้เราสามารถจอดชมบรรยากาศแบบตามใจได้เลย (หาที่จอดให้ปลอดภัย และ อย่าขับไปมองวิวไปเพลินๆนะครับ เดี๋ยวตกเขา ไม่ต้องหากันเลย)
นอกจากมองวิวสวยๆไกลๆแล้ว ลองก้มลงมองใกล้ๆตัว ก็มีนางแบบตัวน้อยๆ รออวดโฉมเราอยู่เหมือนกันนะ
เมื่อถึงอุทยานฯขุนสถาน ก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพ ที่มุมมหาชน ป้ายอุทยาน
แล้วเราก็มีเวลาพอที่จะไปดูชีวิตชาวเขา ซึ่งที่นี่คือเผ่าม้ง น่ารักมากครับ จ้องคุณยายอยู่นาน กว่าจะหันมา นี่ถ้าเป็นสาวๆ ผมคงไม่กล้าจ้องขนาดนี้นะ^^
ชาวเขาที่นี่ส่วนใหญ่ ปลูกผักขาย มีทั้งสตรอเบอรี่ พริกหวาน ฟักทอง โสม และอื่นๆที่ผมจำชื่อไม่ได้ แต่ช่วงนี้ ยังไม่มีสตรอเบอรี่นะครับ T-T ประมาณ ธ.ค.-ม.ค. ถึงจะมี
เมื่อมาแล้ว เราก็ไม่พลาดที่จะขอลงไปชมแปลงผัก
ยอมลื่นล้มคลุกดิน เพื่อเดินไปเก็บภาพนี้
ที่นี่ มีโฮมสเตย์เท่าที่เห็น 3-4 ที่ ซึ่งเราเลือกที่นี่ครับ บ้านเก็บตะวัน ซึ่งเป็นโฮมสเตย์ กับร้านขายของทั่วไป และยังสามารถทำกับข้าวอร่อยๆให้เรากินในราคาประหยัด เราไม่อดตายแล้วววว
เห็นดอกนี้แล้วอยากเอาไปให้....ใครสักคน....
แล้วเราก็ได้นั่งชมแสงสุดท้ายของวันที่นี่เอง
มาถึงห้องพัก ใครอยากอยู่แอร์ เตียงนุ่มๆ ส้วมนั่งสบายๆ มีเครื่องทำน้ำอุ่น แนะนำให้ไปที่อื่นครับ สำหรับผมแล้ว ด้วยการแต่งห้องที่เรียบง่าย ใช้หินมาประดับ บวกกับการวัดใจในการตักน้ำขันแรกขึ้นมาอาบ ที่นี่คือสวรรค์ชัดๆ
ตื่นเช้ามา ก็มาพบวิถีชีวิตของชาวเขา และกาลเล่น ที่ทำให้ผมได้ยินเสียงดังไปถึงในห้องนอน
เป็นอันสิ้นสุดกิจกรรมบนนี้ครับ
น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการท่องเที่ยวหน้าหนาวนี้นะครับ^^