ผมจบชีววิทยามาสายตรงเลยครับ

เรียนชีววิทยาแล้วจะมีพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพแน่น และเพียงพอที่จะไปต่อยอดเพื่อศึกษาต่อ หรือทำงานต่อด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพได้สบายๆ เลยครับ

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า การเรียนการสอนในคณะวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะสาขาวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ (ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา และคณิตศาสตร์) ไม่ได้เน้นผลิตบัณฑิตออกมาเพื่อไปทำงานเป็นอาชีพใดอาชีพหนึ่งโดยเฉพาะ แต่บัณฑิตจะมีความรู้ความสามารถในด้านที่จบออกมา "เพียงพอ" ที่จะไปต่อยอดสำหรับการศึกษาต่อ หรือการทำงานในสายงานต่างๆ รวมถึงมีความสามารถที่จะค้นหาคำตอบของปัญหาได้ตามกระบวนการวิทยาศาสตร์ได้ นั่นหมายความว่า ไม่ว่าจะเลือกเดินทางสายใด ก็ต้องไปศึกษาความรู้เพิ่มเติมอยู่ดีครับ และจบออกมาแล้วก็จะไม่มีหนทางแน่ชัดว่าจะไปเรียน/ทำงานอะไรต่อได้ ต่างจากคณะอื่นๆ ที่มีสภาวิชาชีพรองรับ

ทีนี้ตอบคำถามจขกท.
ที่ถามว่าความต้องการมีเท่ากันมั้ย อันนี้บอกตรงๆ ว่าไม่ทราบครับ เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าสายอื่นๆ จบไปทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหนบ้าง แต่ถ้าถามว่ามีงานทำมั้ย มีแน่ๆ ครับ ถ้าไม่เลือกงาน

ถ้าจบแล้วไปเป็นครู ถ้าจะสอนโรงเรียนรัฐบาล ก็ต้องไปเรียนเพื่อขอใบประกอบวิชาชีพครูเพิ่มครับ ทางที่ดีที่สุดคือขอทุนสควค.ตามคห.ด้านบนบอกครับ ถ้าจะเป็นอาจารย์มหาลัย ก็ต้องจบป.เอกครับ จบนอกด้วยยิ่งดีเลย

ส่วนที่ว่าจบเคมีหรือฟิสิกส์แล้วไปได้ไกลกว่าชีวะ ผมคิดว่าไม่มีใครไปได้ไกลกว่าใครครับ เพราะของมันคนละอย่างกัน เทียบกันไม่ได้
งานสำหรับคนที่จบชีววิทยาออกมา มีความหลากหลายสูงมากครับ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความชอบ ความสนใจ และวิชาเลือกที่เลือกเรียนด้วยครับ
- งานภาคสนาม, นิเวศวิทยา, งานอนุรักษ์, สำรวจและจัดทำข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิตด้านต่างๆ, งานด้านสิ่งแวดล้อมศึกษา
งานนี้ถ้าน้องสนใจด้านอนุกรมวิธานของสิ่งมีชีวิตต่างๆ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ รวมไปถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม แล้วก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ในป่าในเขา หรือตามเกาะแก่งต่างๆ อยู่ในเรือได้ ดำน้ำได้ ก็จะมาทำงานสายนี้ได้ดีครับ จบออกมาก็จะไปทำงานตามอุทยานแห่งชาติ, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ไป, หอพรรณไม้, ศูนย์วิจัยและพัฒนาชายฝั่งทะเลต่างๆ รวมถึงองค์กรและมูลนิธิที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อม เช่นมูลนิธิโลกสีเขียว มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร มูลนิธิชีววิถี เป็นต้นครับ
งานด้านนี้จริงๆ แล้วขาดแคลนกำลังคนมากเลยนะครับ ประเทศไทยตั้งอยู่ในบริเวณที่เอื้อให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก และวิชาเรียนทางด้านอนุกรมวิธาน สัตววิทยา พฤกษศาสตร์ พวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสาขาวิชาที่เด็กรุ่นใหม่ให้ความสนใจน้อยลงทุกทีๆ เนื่องจากกว่าจะ "เก่ง" ได้ระดับนึงต้องสั่งสมความรู้ความสนใจเป็นเวลานานครับ แต่ถ้าจบมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไปเรียนต่อจนจบป.เอกได้แล้ว รับรองว่าไม่ตกงานครับ มหาวิทยาลัยต่างๆ กำลังต้องการอาจารย์ด้านนี้สูงมาก

- งานในห้องปฏิบัติการ (ห้องแล็บ)
ก็คือไปเป็นนักวิทยาศาสตร์ประจำโครงการวิจัย, ศูนย์วิจัย, สถาบันวิจัยต่างๆ ของรัฐ (เช่น BIOTEC, สถาบันการแพทย์ทหาร) มหาวิทยาลัยต่างๆ (จุฬาฯ เกษตร มหิดล มศว เชียงใหม่ มอ. ฯลฯ), และตามโรงพยาบาลของรัฐที่มีหน้าที่วิจัยและเปิดการเรียนการสอนแพทยศาสตร์ด้วย (ศิริราช รามาธิบดี เวชศาสตร์เขตร้อน ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จุฬาฯ) งานด้านนี้ต้องใช้ความรู้ด้านชีววิทยาระดับเซลล์และโมเลกุล จุลชีววิทยา ชีวเคมี และวิทยาศาสตร์การแพทย์อื่นๆ รวมถึงเทคนิคปลอดเชื้อ เทคนิคการเลี้ยงเซลล์ เทคนิคทางชีววิทยาระดับโมเลกุลต่างๆ เพื่อทำวิจัยตอบปัญหาต่างๆ ตามที่หัวหน้าแล็บสนใจครับ
งานวิจัยเหล่านี้เป็นงานวิจัยพื้นฐานสำคัญที่จะนำไปต่อยอดเพื่อทำให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติได้มากมายครับ เช่นการค้นหาแนวทางการรักษาโรคใหม่ๆ การทำวัคซีน การวิจัยเพื่อค้นพบตัวยาใหม่ๆ

- งานในบริษัทเอกชน
อันนี้ก็แล้วแต่บริษัทครับ เท่าที่ผมทราบ...
บ้างก็ไปทำงานด้านเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช ไม่กี่ปีดาวน์บ้านให้พ่อแม่อยู่ได้แล้ว
บ้างก็ไปทำบริษัทเครื่องสำอาง (ทดสอบความเป็นพิษของเครื่องสำอางต่อเซลล์)
บ้างก็ไปเป็นผู้แทนยา

- เรียนต่อ
จขกท.ไม่ได้ถามเรื่องการเรียนต่อ จึงไม่ขอลงรายละเอียดตรงนี้ แต่ขอโฆษณาว่า จบชีวะแล้วไปเรียนต่อได้หลากหลายสาขามากกกกกกกกก ครับ เรียกได้ว่าไปเรียนต่อด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้เกือบทุกสาขาเลยจริงๆ

อยากฝากบอกผู้ปกครองว่า ให้น้องเขาได้เรียนตามที่สนใจเถอะครับ สุดท้ายก็เป็นน้องครับที่จะได้อยู่กับสิ่งที่เขาเรียนและทำงานไปอีกนาน ไม่ใช่ตัวผู้ปกครอง
อยากบอกน้องว่า อย่าทิ้งเรื่องการคำนวณนะครับ เรียนชีวะก็ต้องใช้เลขนะเออ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้สถิติมาช่วยในการทำวิจัย เริ่มตั้งแต่ออกแบบการทดลองยันแปลผลและตีความผลการทดลองเลยทีเดียว

เป็นกำลังใจให้ครับ