เมื่อวันก่อน ขณะที่กำลังเปิดเฟสบุ๊ดดูรูปหมารูปแมวผ่านๆอยู่บนรถไฟฟ้า ก็บังเอิญเห็นคนแชร์ลิ้งค์ร้านแซนวิชที่จะไปออกบู๊ทในงาน "Noise Market 3" ณ มิวเซียมสยาม เด้งขึ้นมาในนิวฟีด ภาพแรกที่เห็นคือขนมปังก้อนสี่เหลี่ยมหนาไม่คุ้นตา ประกบด้วยเนื้อและชีสเพียวๆ ไม่มีผักมารบกวนให้เสียอารมณ์เลยแม้แต่น้อย
คือแค่เห็นชื่อก็ถูกใจแล้ว HOLY CHEESE...นี่เป็นการเล่นคำกับคำว่า Holy S*** ใช่ไหม แต่ที่แน่ๆคือเห็นภาพชีสเยิ้มทะลักนั่นแล้วอลังการมาก แถมทำเหมือนแค่ชีสยังล่อลวงไม่พอ ยังมีบรรยายใต้ภาพต่ออีกว่าหมูนั่นทำจากการเคี่ยวสิบชั่วโมงจนเปื่อยยุ่ย แทบละลายในปาก
แอบไปก๊อปคำโฆษณามาให้ดู คือนี่ไม่ได้รู้จักอะไรเป็นส่วนตัวกับคนขายเลยแม้แต่น้อย แต่อยากให้ได้อารมณ์ว่ามันโดนล่อลวงจริงๆนะ อารมณ์เดียวกับตอนโดนเบอร์เกอร์แบลคเมจิคของเคเอฟซีหลอกล่อให้ไปกิน 555
'....หมูปรุงเครื่องเทศที่ทำให้สุกด้วยความร้อนกว่า 10 ชั่วโมง มันนุ่มและรสชาติเข้มข้น วางบนขนมปังอิตาลีที่กรอบกรุบๆข้างนอกแต่นิ่มข้างใน พร้อมกับชีสมอสซาเรลล่าและเชดด้าเยิ้มๆๆๆ สวรรค์ของ cheese lover....'
และที่สำคัญ ร้านนี้ยังไม่มีที่ตั้งร้านเป็นหลักแหล่ง มาเปิดในงาน Noise Market 3 แค่สองวัน คือวันเสาร์กับอาทิตย์นี้เท่านั้น พลาดงานนี้คืออด เพราะไม่รู้จะไปตามกินที่ไหนได้ต่อ!
...ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฉันจะโดนล่อลวงไปได้อย่างง่ายดาย....
เมนูของที่นี่มีให้เลือกอยู่สองอย่าง ตามนี้
พาไปชมบรรยากาศงานที่นี่ก่อน ดีจริงนะ นั่งฟังเพลงชิวๆ มีของแฮนด์เมดมาขาย ดูเป็นตลาดแนวๆ จริงๆคือไปยืนรอหน้าร้านตั้งแต่เขายังไม่เปิด เลยเดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย
กลับมาที่แซนวิชของเรา เนื้อ....ดูชิ้นเนื้ออันแสนสวยงามนั่นสิ!
แล้วก็.....ชีส.....ทั้งสีส้มทั้งสีขาว ดีใจจัง ภาพโฆษณาไม่ได้หลอกนู๋ ได้มาเยิ้มๆเต็มๆจริงๆด้วย
มีซอสให้เลือกด้วยนะ แนะนำขวดสีขาวด้านซ้ายสุด เป็นสูตรพิเศษของทางร้าน คือเด็ดมาก เผ็ดๆหน่อย เข้ากับเนื้อได้ดีสุดๆ (แต่หมูใส่แคชชัพน่าจะอร่อยกว่านะ....)
ระหว่างนี้ แว่บไปคว้าน้ำมะนาวสดๆมาสักแก้ว ปั่นใส่น้ำแข็งนี่ชื่นจายยย
ได้แล้วแซนวิชชีสย่างของชั้น!
คืออร่อยมากกกกก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับราคาเพียงเท่านี้ กัดกร้วมไปนี่ขนมปังกรอบนอกนุ่มใน ชีสทะลักจริงอะไรจริง ทั้งเนื้อทั้งหมูนี่นุ่มสุด ไม่เหนียวเลย คือถ่ายเสร็จส่งเข้าปากก็ไม่ถ่ายต่อแล้วร่งรูป เลยได้มาแค่ภาพเดียว ;A; (โถ....)
ปิดท้ายด้วยร้านแก้วทำมือที่อดใจไม่ได้ต้องหิ้วกลับบ้านมาใบนึง ร้านนี้งานน่ารักมากๆ
สรุปแล้วให้ผ่านห้าดาวเลย คุ้มแก่การไปลองจริงๆ ประทับใจมากกับค่าเสียหายแค่ไม่ถึงสองร้อยบาทจนต้องมาเขียนรีวิว
[CR] ++++HOLY CHEESE - แซนด์วิชชีสย่างเยิ้มๆ ++++
คือแค่เห็นชื่อก็ถูกใจแล้ว HOLY CHEESE...นี่เป็นการเล่นคำกับคำว่า Holy S*** ใช่ไหม แต่ที่แน่ๆคือเห็นภาพชีสเยิ้มทะลักนั่นแล้วอลังการมาก แถมทำเหมือนแค่ชีสยังล่อลวงไม่พอ ยังมีบรรยายใต้ภาพต่ออีกว่าหมูนั่นทำจากการเคี่ยวสิบชั่วโมงจนเปื่อยยุ่ย แทบละลายในปาก
แอบไปก๊อปคำโฆษณามาให้ดู คือนี่ไม่ได้รู้จักอะไรเป็นส่วนตัวกับคนขายเลยแม้แต่น้อย แต่อยากให้ได้อารมณ์ว่ามันโดนล่อลวงจริงๆนะ อารมณ์เดียวกับตอนโดนเบอร์เกอร์แบลคเมจิคของเคเอฟซีหลอกล่อให้ไปกิน 555
'....หมูปรุงเครื่องเทศที่ทำให้สุกด้วยความร้อนกว่า 10 ชั่วโมง มันนุ่มและรสชาติเข้มข้น วางบนขนมปังอิตาลีที่กรอบกรุบๆข้างนอกแต่นิ่มข้างใน พร้อมกับชีสมอสซาเรลล่าและเชดด้าเยิ้มๆๆๆ สวรรค์ของ cheese lover....'
และที่สำคัญ ร้านนี้ยังไม่มีที่ตั้งร้านเป็นหลักแหล่ง มาเปิดในงาน Noise Market 3 แค่สองวัน คือวันเสาร์กับอาทิตย์นี้เท่านั้น พลาดงานนี้คืออด เพราะไม่รู้จะไปตามกินที่ไหนได้ต่อ!
...ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฉันจะโดนล่อลวงไปได้อย่างง่ายดาย....
เมนูของที่นี่มีให้เลือกอยู่สองอย่าง ตามนี้
พาไปชมบรรยากาศงานที่นี่ก่อน ดีจริงนะ นั่งฟังเพลงชิวๆ มีของแฮนด์เมดมาขาย ดูเป็นตลาดแนวๆ จริงๆคือไปยืนรอหน้าร้านตั้งแต่เขายังไม่เปิด เลยเดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย
กลับมาที่แซนวิชของเรา เนื้อ....ดูชิ้นเนื้ออันแสนสวยงามนั่นสิ!
แล้วก็.....ชีส.....ทั้งสีส้มทั้งสีขาว ดีใจจัง ภาพโฆษณาไม่ได้หลอกนู๋ ได้มาเยิ้มๆเต็มๆจริงๆด้วย
มีซอสให้เลือกด้วยนะ แนะนำขวดสีขาวด้านซ้ายสุด เป็นสูตรพิเศษของทางร้าน คือเด็ดมาก เผ็ดๆหน่อย เข้ากับเนื้อได้ดีสุดๆ (แต่หมูใส่แคชชัพน่าจะอร่อยกว่านะ....)
ระหว่างนี้ แว่บไปคว้าน้ำมะนาวสดๆมาสักแก้ว ปั่นใส่น้ำแข็งนี่ชื่นจายยย
ได้แล้วแซนวิชชีสย่างของชั้น!
คืออร่อยมากกกกก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับราคาเพียงเท่านี้ กัดกร้วมไปนี่ขนมปังกรอบนอกนุ่มใน ชีสทะลักจริงอะไรจริง ทั้งเนื้อทั้งหมูนี่นุ่มสุด ไม่เหนียวเลย คือถ่ายเสร็จส่งเข้าปากก็ไม่ถ่ายต่อแล้วร่งรูป เลยได้มาแค่ภาพเดียว ;A; (โถ....)
ปิดท้ายด้วยร้านแก้วทำมือที่อดใจไม่ได้ต้องหิ้วกลับบ้านมาใบนึง ร้านนี้งานน่ารักมากๆ
สรุปแล้วให้ผ่านห้าดาวเลย คุ้มแก่การไปลองจริงๆ ประทับใจมากกับค่าเสียหายแค่ไม่ถึงสองร้อยบาทจนต้องมาเขียนรีวิว