ผมและแฟนมีความต้องการซื้อบ้านพอดีวันนั้นผ่านไปแถวมีนบุรี ถนนหทัยราษฎร์ เลยแวะเข้าไปดูบ้านจัดสรรโครงการหนึ่งเป็นโครงการที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วไปโครงการพึ่งจะเปิดใหม่สดๆ มีบ้านพร้อมอยู่ไม่กี่หลัง จึงเข้าชมบ้านตัวอย่างและก็พอใจในระดับหนึ่ง ทางโครงการเห็นว่าผมสนใจ จึงแจ้งว่าให้ลองยื่น พรีฯ ดู ซึ่งผมกับแฟนก็ได้เซ็นต์เอกสารไว้ หลังจากนั้นการมี ธ.ต่างๆโทรเข้ามาสอบถามข้อมูลเบื้องต้น ผมก็ได้แจ้งข้อมูลรายได้ อาชีพ และข้อมูลอื่นๆต่างๆไป (ผมทำธุระกิจส่วนตัวครับ) จน จนท.ของ ธ.กรุงไทยโทรมาและบอกว่าจะเข้ามารับเอกสารในวันรุ่งขึ้น ผมจึงเตรียมเอกสารต่างๆไว้โดยย้อนหลังให้ 3 ปี ทั้งบิลใบเสร็จการซื้อ-ขายสินค้า คำสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าและคู่ค้า เมื่อ จนท.มารับไปใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ ก็โทรมาขอเอกสาร update ผมก็ส่งให้ไปอีก กว่า 100 แผ่น รวมถึงคำสั่งซื้อที่มีจากคู่ค้าล่าสุด หลังจากส่งให้ไปแล้ว ก็มีจนท.แจ้งว่าจาก ธ.กรุงไทยโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้จะเข้าประเมินบ้านแต่ติดต่อจนท.โครงการไม่ได้ ผมจึงประสานไปที่โครงการให้ติดต่อ จนม.ท่านนั้นกลับ วันรุ่งขึ้นคือวันที่ทาง จนท.แจ้งว่าจะเข้าประเมินบ้านนั้น ช่วงบ่ายๆก็มีจนท.จากกรุงไทยมาที่บ้านมาสอบถามเรื่องงานและรายละเอียดต่างๆ รวมทั้งถ่ายรูปบริเวณบ้านด้วย ผมเชิญให้เข้ามาดูภายในบ้านทาง จนท.ก็ไม่เข้า บอกไม่เป็นไร
ก็ยังได้สอบถามว่าเรามีโอกาสมั๊ย ทาง จนท.บอกว่าถ้าไปประเมินบ้านแล้วก็มีโอกาสกว่าครึ่งนึง ผมกับแฟน ก็เริ่มสบายใจขึ้นคิดว่าคงมีโอกาสแล้วคราวนี้
หลังจากนั้นอีกเกือบ2อาทิตย์ ผมเห็นทางจนท.ของธ.กรุงไทยคนที่ดำเนินการเรื่องการกู้ของผมหายเงียบไปไม่ส่งข่าว จึงไลน์ไปถาม ก็ได้รับคำตอบว่า "ไม่ค่อยสู้ดีและกำลังรอผลอยู่คิดว่าพรุ่งนี้คงรู้ผล" วันรุ่งขึ้นผมจึงโทรสอบถามผล ได้รับแจ้งว่า "ไม่ผ่านเกณฑ์ของธนาคาร" พอรู้ก็นอยส์หน่อยนึง ถามพนักงานท่านนั้นต่อว่า นี่คือการ พรีฯ ใช่มั๊ย จนท.ตอบว่าเป็นการยื่นกู้จริง   ก็เลยมีเรื่องที่สงสัยและอยากจะถามคือ

1.ในเคสผม ผมยังไม่ได้ทำสัญญากับโครงการเลย สามารถยื่นกู้จริงได้ด้วยหรือครับ และจะโดนบันทึกในประวัติการกู้ของธนาคารท่านหรือไม่

2.การไม่ผ่านเกณฑ์ของธนาคารผมสามารถรู้ข้อมูลจริงที่ทำให้ได้รับการปฏิเสธได้มั๊ยอย่างเช่นว่า รายได้ไม่ถึง หรืออะไรทำนองนี้ เพราะจะได้เป็นประโยชน์แลจะได้เตรียมตัวในการยื่นกู้ครั้งต่อไป

3.ข้อสงสัยคือในกรณีที่ลูกค้ายื่นเอกสารทุกอย่างหมดแล้ว เช็คเครดิตลูกค้าแล้ว ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์เบื้องต้นของธนาคาร ทำไมทางธนาคารไม่ปฏิเสธตั่งแต่ตอนนั้นครับ ปล่อยให้เลยมาจนถึงการประเมินบ้าน และการตรวจสอบผู้กู้ทำไม  หรือนี่คือกระบวนการของธนาคารที่ต้องทำให้เสร็จก่อน ถึงจะแจ้งว่าผ่านหรือไม่

4.ในตอนแรก ผมคิดว่านี่คือการพรีฯ เพื่อให้ทราบวงเงินในการกู้ เพราะจะได้รู้ว่าเราจะได้วงเงินในการซื้อบ้านเท่าไหร่ จะได้เลือกบ้านได้ถูก ซึ่งจนท.ของโครงการก็แจ้งผมไว้อย่างนั้น แต่ไปๆมาๆทำไมมันถึงเป็นการกู้จริงเลยครับ หรือทางธนาคารไม่มีนโยบาย พรีฯ ต้องยื่นกู้จริงเท่านั้น

ผมเองค้าขาย รายได้หมุนเวียนเดือนละ 3-5 แสนบาท จดทะเบียน จด VAT มีเอกสารพร้อม  การยื่นพรีฯ เพราะอยากรู้วงเงินที่จะได้ว่าธนาคารจะให้กู้ได้เท่าไหร่จะได้เตรียมตัวได้ถูก แต่กับกลายเป็นถูกปฏิเสธจากธนาคารเหมือนกับว่า "ฉันไม่ให้แก่กู้หรอกแก่มันไม่มีเครดิต" มันก็เลยนอยส์หน่อยๆครับ
อย่างไรช่วยตอบด้วยนะครับ โดยเฉพาะ ข้อ 2