สวัสดี วันนี้เรามีเรื่องราวมาแบ่งปันให้เพื่อนๆได้อ่านกัน
เมื่อ ปี 2540 มีผู้หญิงและผู้ชายคาดว่าน่าจะเป็นคนไทยเชื้อสายจีน มาทำบุญเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้า ที่สถานสงเคราะห์แห่งหนึง ในระหว่างที่ทั้งสองสามีภรรยาจะกลับนั้น มีเด็กชายอายุ 5 ชวบ วิ่งไปชนเค้าทั้งสอง แต่ทั้งสองก็ยิ้มแล้วอุ้มเด็กคนนั้นขึ้นมา แล้วภรรยาก็ได้มอบขนมโอวัลตินที่อยู่ในกระเป๋าให้1ห่อ
ทั้งสองสามีภรรยานั้นได้เข้าไปถาม คุณครูที่ดูแล ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ ว่าเด็กคนนี้ชื่ออะไร มาจากไหน อายุเท่าไหร่ แล้วทั้งสองก็ได้ตกลงใจอุปการะโดยการโอนเงินค่าใช้จ่ายให้เดือนละ 500 บาท ให้กับเด็กคนนี้ ไม่รู้ว่าทั้งสองจะรู้ไหม ว่าเงิน500นั้นมันอาจเป็นเศษเงินสำหรับพวกเค้าแต่มันทำให้เด็กกำพร้าคนนึงที่ไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าใหม่ๆหรือกล่องดินสอสวยๆ "ได้เรียนหนังสือ " ได้รู้ว่า คนที่เค้ารักเราก็มีอยู่ เด็กคนนั้นไม่เคยลืมพระคุณของสองสามีภรรยาเลย จนกระทั้งเค้าอายุ 15 ปี เค้าหนีออกมาจากบ้านสงเคราะห์ เพื่ออกไปหางานทำ เป็นคนล้างรถบ้างเป็นกระเป๋ารถเมล์บ้าง พอได้เงินเก็บก็เอาเงินที่ได้ไปซื้อของที่าสำเพ็ง โบ๊เบ้มาขาย ที่ตลาดนัด ตอนเช้าขายแซนวิช กับข้าวไข่เจียว หาเงินเรียน หาเงินจ่ายค่าเช่าห้อง จนวันที่เค้าได้รับปริญญา ก็มาถึง เด็กชาย หรือผู้ชายคนนี้กับไปที่เดิม ที่ที่เค้าหนีมา ที่ ที่เค้าเคยเจอกับสองสามีภรรยานั้น เค้าไปถามคุณครูที่ดูแลเค้าว่า "แม่ครับ คนที่เค้าอุปการะผมคือใครเหรอ" ครูก็ได้ตอบกลับไป ทั้งชื่อและนามสกุล แต่ครูไม่รู้ที่อยู่ ทางพ่อแม่ที่อุปการะ สั่งว่าไม่ให้เปิดเผย เด็กคนนั้นได้ เสิชนามสกุล ของคนที่อุปการะเค้า ใน facebook แล้วก็ไปเจอกับผู้ชายคนนึง ซึ่งตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร แต่พอเห็นรูปที่เค้าถ่ายและโพสขึ้นในไทม์ไลม์ก็รู้ทันทีว่าเป็นลูกของคนที่อุปการะเค้านั้นเอง อายุน่าจะย่าง30ผู้หญิงคนที่รับอุปการะเค้านั้นชราลงไปมากแต่เค้าก็ยังคงจำได้ดี ลูกชายของคนที่รัปอุการะนี้ เปิดร้านอาหารย่านบางนา เค้าเลยตัดสินใจไปสมัครงานในตำแหน่งคนครัวเพื่ออยากจะได้เจอพ่อแม่ที่อุปการะเค้า ในร้านเพื่อนๆของลูกชายคนที่รับอุปการะนั้นดีกับเค้าทุกคน ยกเว้นลูกชายของคนที่รับอุปการะ ทั้งด่า ว่า ดูถูกเหยียดหยามด้วยสายตา ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไรเค้าถึงทำแบบนี้ เวลาที่อยู่ในร้านตอนลูกชายเค้ายังไม่มา เรารุ้สึกมีความสุขมากๆแต่พอเห็นลูกชายเค้าเข้ามา เท่านั้นแหลละ ความกลัว ความระแวงเริ่มเข้ามา จนวันหนึ่งจุดเดือดควงมาถึง ลูกชายของคนที่เค้ารับอุปการะเรา ก็เอาเงินจำนวนนึงฝาดหัวเราแล้วไล่ออกจากร้าน ด้วยเหตุผลที่ว่า "ทำงานไม่ได้เรื่อง ต้องการคนที่บู๊ๆ เร็วๆเหมือนในหนัง" เราทำเป็นไม่รู้สึกอะไร เราทำเป็นเฉยๆ แต่ในใจเราน้ำตาตกใน พอเราเดินพ้นร้านมา น้ำตามันไหล ไหลมาเอง ไม่เคยเสียใจอะไรเท่าวันนี้ ตอนนี้เงินที่เค้าเอาฝาดหัวเราอยู่ในกรอบรูปเอาไว้เตือนสติตัวเราเองว่า ถ้าเรารวย เราจะไม่ดูถูกคนอื่น ถ้าเรามี เราจะแบ่งปันคนอื่น ตอนนี้เรากำลังทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับความงาม เตรียมเปิตัวที่พารากอน ช่วงปี 58 นี้ เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะ
เด็กกำพร้าที่โดนลูกแท้ๆของคนที่อุปการะดูถูกเหยียดหยาม
เมื่อ ปี 2540 มีผู้หญิงและผู้ชายคาดว่าน่าจะเป็นคนไทยเชื้อสายจีน มาทำบุญเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้า ที่สถานสงเคราะห์แห่งหนึง ในระหว่างที่ทั้งสองสามีภรรยาจะกลับนั้น มีเด็กชายอายุ 5 ชวบ วิ่งไปชนเค้าทั้งสอง แต่ทั้งสองก็ยิ้มแล้วอุ้มเด็กคนนั้นขึ้นมา แล้วภรรยาก็ได้มอบขนมโอวัลตินที่อยู่ในกระเป๋าให้1ห่อ
ทั้งสองสามีภรรยานั้นได้เข้าไปถาม คุณครูที่ดูแล ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ ว่าเด็กคนนี้ชื่ออะไร มาจากไหน อายุเท่าไหร่ แล้วทั้งสองก็ได้ตกลงใจอุปการะโดยการโอนเงินค่าใช้จ่ายให้เดือนละ 500 บาท ให้กับเด็กคนนี้ ไม่รู้ว่าทั้งสองจะรู้ไหม ว่าเงิน500นั้นมันอาจเป็นเศษเงินสำหรับพวกเค้าแต่มันทำให้เด็กกำพร้าคนนึงที่ไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าใหม่ๆหรือกล่องดินสอสวยๆ "ได้เรียนหนังสือ " ได้รู้ว่า คนที่เค้ารักเราก็มีอยู่ เด็กคนนั้นไม่เคยลืมพระคุณของสองสามีภรรยาเลย จนกระทั้งเค้าอายุ 15 ปี เค้าหนีออกมาจากบ้านสงเคราะห์ เพื่ออกไปหางานทำ เป็นคนล้างรถบ้างเป็นกระเป๋ารถเมล์บ้าง พอได้เงินเก็บก็เอาเงินที่ได้ไปซื้อของที่าสำเพ็ง โบ๊เบ้มาขาย ที่ตลาดนัด ตอนเช้าขายแซนวิช กับข้าวไข่เจียว หาเงินเรียน หาเงินจ่ายค่าเช่าห้อง จนวันที่เค้าได้รับปริญญา ก็มาถึง เด็กชาย หรือผู้ชายคนนี้กับไปที่เดิม ที่ที่เค้าหนีมา ที่ ที่เค้าเคยเจอกับสองสามีภรรยานั้น เค้าไปถามคุณครูที่ดูแลเค้าว่า "แม่ครับ คนที่เค้าอุปการะผมคือใครเหรอ" ครูก็ได้ตอบกลับไป ทั้งชื่อและนามสกุล แต่ครูไม่รู้ที่อยู่ ทางพ่อแม่ที่อุปการะ สั่งว่าไม่ให้เปิดเผย เด็กคนนั้นได้ เสิชนามสกุล ของคนที่อุปการะเค้า ใน facebook แล้วก็ไปเจอกับผู้ชายคนนึง ซึ่งตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร แต่พอเห็นรูปที่เค้าถ่ายและโพสขึ้นในไทม์ไลม์ก็รู้ทันทีว่าเป็นลูกของคนที่อุปการะเค้านั้นเอง อายุน่าจะย่าง30ผู้หญิงคนที่รับอุปการะเค้านั้นชราลงไปมากแต่เค้าก็ยังคงจำได้ดี ลูกชายของคนที่รัปอุการะนี้ เปิดร้านอาหารย่านบางนา เค้าเลยตัดสินใจไปสมัครงานในตำแหน่งคนครัวเพื่ออยากจะได้เจอพ่อแม่ที่อุปการะเค้า ในร้านเพื่อนๆของลูกชายคนที่รับอุปการะนั้นดีกับเค้าทุกคน ยกเว้นลูกชายของคนที่รับอุปการะ ทั้งด่า ว่า ดูถูกเหยียดหยามด้วยสายตา ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไรเค้าถึงทำแบบนี้ เวลาที่อยู่ในร้านตอนลูกชายเค้ายังไม่มา เรารุ้สึกมีความสุขมากๆแต่พอเห็นลูกชายเค้าเข้ามา เท่านั้นแหลละ ความกลัว ความระแวงเริ่มเข้ามา จนวันหนึ่งจุดเดือดควงมาถึง ลูกชายของคนที่เค้ารับอุปการะเรา ก็เอาเงินจำนวนนึงฝาดหัวเราแล้วไล่ออกจากร้าน ด้วยเหตุผลที่ว่า "ทำงานไม่ได้เรื่อง ต้องการคนที่บู๊ๆ เร็วๆเหมือนในหนัง" เราทำเป็นไม่รู้สึกอะไร เราทำเป็นเฉยๆ แต่ในใจเราน้ำตาตกใน พอเราเดินพ้นร้านมา น้ำตามันไหล ไหลมาเอง ไม่เคยเสียใจอะไรเท่าวันนี้ ตอนนี้เงินที่เค้าเอาฝาดหัวเราอยู่ในกรอบรูปเอาไว้เตือนสติตัวเราเองว่า ถ้าเรารวย เราจะไม่ดูถูกคนอื่น ถ้าเรามี เราจะแบ่งปันคนอื่น ตอนนี้เรากำลังทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับความงาม เตรียมเปิตัวที่พารากอน ช่วงปี 58 นี้ เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะ