การนำข่าวมาวิเคราะห์ต่อยอดในการเลือกซื้อหุ้น

วันนี้ได้อ่านข่าวนี้แล้วน่าสนใจนำไปวิเคราะห์ต่อยอดให้การเลือกซื้อหุ้น
ที่มา : http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9570000128219
เนื้อข่าว :
ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกาศผลสำรวจ แบรนด์ทรงพลังที่สุดในประเทศไทย ปี 2014 (The Most Powerful Brands of Thailand 2014) ใน 32 กลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเก็บข้อมูลจากผู้บริโภค 12,000 ตัวอย่างทั่วประเทศ ทั้งเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ นับเป็นการสำรวจแบรนด์ผลิตภัณฑ์ครั้งยิ่งใหญ่อย่างเป็นระบบที่ครอบคลุม และมากที่สุด ครั้งหนึ่งในประเทศไทย พร้อมมอบรางวัล The Most Powerful Brands of Thailand 2014 ให้กับผู้บริหารองค์กรที่เป็นเจ้าของแบรนด์ที่ได้รับคะแนนสูงสุดในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยมี ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธานในพิธีมอบ ณ อาคารมหิตลาธิเบศร คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
       
       รศ. ม.ล. สาวิกา อุณหนันท์ หัวหน้าโครงการวิจัย คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า “การเผยแพร่ผลการสำรวจในครั้งนี้ เป็นผลลัพธ์มาจากการวิจัยที่สนับสนุนทุนวิจัยจาก คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ประจำปี 2557 อันมีที่มาจากความตระหนักถึงคุณค่า และ “พลัง” ที่ไม่มีขีดจำกัดของแบรนด์ในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันทั้งในระดับประเทศ และระดับนานาชาติ โดยคณะผู้วิจัยได้พัฒนาโมเดลในการวัดมูลค่าแบรนด์ผลิตภัณฑ์จากการรับรู้ของผู้บริโภคด้วยกระบวน การศึกษาอย่างมีระบบ และเป็นทางการ ทั้งเชิงปริมาณ (Quantitative Research Methodology) โดยเก็บข้อมูลจากผู้บริโภคชาวไทย อายุระหว่าง 18-60 ปี ซึ่งเป็นผู้ตัดสินใจซื้อ และบริโภคผลิตภัณฑ์ หรือบริการต่างๆ ในกลุ่ม 32 ผลิตภัณฑ์ และเชิงคุณภาพ (Qualitative Research Methodology) โดยใช้ การสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้บริหารระดับสูงของแบรนด์อันดับหนึ่งในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ จำนวน 17 บริษัท เพื่อให้เกิดความเที่ยงตรง และความน่าเชื่อถือตามหลักวิชาการมากที่สุด โดยโมเดลดังกล่าวได้วัดพลังของ แบรนด์จาก 4 ด้าน ได้แก่ ความตระหนักในแบรนด์ (Awareness) ความชื่นชอบที่มากกว่า (Preference) การใช้ผลิตภัณฑ์จริง (Usage) และภาพลักษณ์ในมุมมองผู้บริโภคต่อแบรนด์ (Image)
       
       การสำรวจในครั้งนี้ได้จัดทำขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งในครั้งนี้ได้ทำการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 12,000 ตัวอย่าง ครอบคลุมในทุกส่วนของประเทศ แบ่งเป็นกรุงเทพมหานคร 6,000 ตัวอย่าง และอีก 6,000 ตัวอย่าง ใน 13 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ นครสวรรค์ อุดรธานี ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา ราชบุรี เพชรบุรี ระยอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา จากนั้น จึงใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้นนี้ทำการประเมินคุณค่าแบรนด์ผลิตภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ 32 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูล และการรับรู้ แบรนด์ของผู้บริโภคชาวไทยที่ครอบคลุม และมากที่สุดครั้งหนึ่งในประเทศไทย
       
       นอกจากนี้ คณะผู้วิจัยยังได้ทำการสัมภาษณ์เชิงลึกกับ 17 ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรที่เป็นเจ้าของแบรนด์ที่ได้คะแนนสูงสุดในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อทราบถึงปัจจัยที่นำไปสู่ความเป็นแบรนด์ที่ทรงพลังสูงสุด โดยสามารถสรุปกลยุทธ์หลักที่สำคัญได้เป็น 3 องค์ประกอบหลัก คือ การมุ่งเน้นลูกค้า (Customer Orientation) ขีดความสามารถขององค์กร (Corporate Competency) และการสร้างคุณค่าร่วม (Creating Shared Value)
       
       องค์กรธุรกิจต่างๆ สามารถนำผลการวิจัยในครั้งนี้ไปใช้ประยุกต์เป็นแนวทางในการพัฒนากลยุทธ์ ทางการตลาด เพื่อสร้างพลังให้แบรนด์ผลิตภัณฑ์ของตนเองอย่างสัมฤทธิ์ผล เพราะเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า การพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพทัดเทียมกันนั้น สามารถทำได้ เลียนแบบได้ แต่การสร้างคุณค่าของ แบรนด์นั้นเป็นสิ่งที่เลียนแบบไม่ได้ ซึ่งแบรนด์ที่ทรงพลังสามารถนำพาองค์กรไปสู่ความยั่งยืน ในการแข่งขันของธุรกิจในระยะยาวได้เป็นอย่างดี”
       
       จากผลสำรวจแบรนด์ที่ทรงพลังที่สุดในประเทศ 2014 ใน 6 ประเภทหลัก แบ่งเป็น 32 กลุ่มผลิตภัณฑ์ย่อย ที่ได้รับคะแนนสูงสุด ได้แก่
       
       ประเภท ยานยนต์ และพลังงาน (Automotives and Energy)
       
       · รถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคล (Passenger Car) - โตโยต้า
       · รถยนต์เชิงพาณิชย์ (Commercial Vehicle) - โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้
       · รถจักรยานยนต์ (Motorcycle) - ฮอนด้า
       · ยางรถยนต์ (Tyre) - มิชลิน
       · สถานีบริการน้ำมัน (Gas Station) - ปตท.
       
       ประเภท เครื่องดื่ม (Beverages)
       
       · น้ำอัดลม (Carbonated Soft Drink) - โค้ก
       · น้ำผลไม้ (Juice) - ทิปโก้
       · กาแฟสำเร็จรูป (Instant Coffee) - เนสกาแฟ
       · กาแฟพร้อมดื่ม (RTD Coffee) - เบอร์ดี้
       · ชาพร้อมดื่ม (RTD Tea) - โออิชิ
       · เบียร์ (Beer) - ลีโอ
       · เครื่องดื่มชูกำลัง (Energy Drink) - เอ็ม-150
       
       ประเภท อาหาร และของว่าง (Food and Snacks)
       
       · บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (Instant Noodle) - มาม่า
       · อาหารกระป๋อง (Canned Food) - สามแม่ครัว
       · ขนมขบเคี้ยว (Snack) - เลย์
       · ไอศกรีม (Ice Cream) - วอลล์
       · ผลิตภัณฑ์จากนม (Dairy Product) - โฟร์โมสต์
       · ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Food Supplements) - แบรนด์
       
       ประเภท ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล และครัวเรือน
       
       · ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า (Facial Care) - นีเวีย
       · ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (Skin Care) - นีเวีย
       · ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวกาย (Body Wash) - ลักส์
       · ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม (Hair Care) - ซันซิล
       · ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก (Oral Care) - คอลเกต
       · ผงซักฟอก (Fabric Wash) - บรีส
       · ผ้าอนามัย (Sanitary Napkin) - ลอรีเอะ
       
       ประเภท ร้านอาหารที่มีสาขา และบริการทางการเงิน (Chain Restaurant and Financial Services)
       
       · ร้านอาหารที่มีสาขา (Chain Restaurant) - เอ็มเคสุกี้
       · ธนาคาร (Bank) - ไทยพาณิชย์
       ·ประกันชีวิต (Life Insurance) - เอไอเอ
       
       ประเภท ผลิตภัณฑ์ และบริการด้านเทคโนโลยี (Technology Products and Services)
       
       · แล็ปท็อป / โน้ตบุ๊ค (Laptop / Notebook) - เอเซอร์
       · เครือข่ายมือถือ (Mobile Operator) - เอไอเอส
       · โทรศัพท์มือถือ (Mobile Phone) - ซัมซุง
       · โทรทัศน์ (Television) - ซัมซุง
*****
สมมติว่าเรากำลังสนใจในกลุ่มธนาคาร ก็น่าจะมองๆ SCB แล้วไปดูงบ เพื่อเปรียบเทียบกับธนาคารอื่นๆ เป็นต้น
อย่างน้อยๆ ข่าวชิ้นนี้ก็ทำให้เรารู้ว่า คนที่เขาสุ่มมาส่วนใหญ่นิยมใช้สินค้าแบรนด์ไหน นั่นคือความสามารถในการขาย
สินค้าของแบรนด์นั้นๆจะง่ายกว่าแบรนด์ที่ไม่ได้รับความนิยม
โชคดีครับ

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  หุ้น เศรษฐกิจ การลงทุน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่