ถ้าคนที่ชอบเล่นฟิล์ม น่าจะคุณเคยกันดีกับกล่อง Leica M6 นี้ แม้ว่ากล้องนี้จะเลิกผลิตไปนานแล้ว แต่ตลาด eBay ก็ยังถือว่ายังได้รับความนิยมอยู่เป็นอย่างสูงสำหรับกล้องตัวนี้ ซึ่งโดยส่วนตัวผมคิดว่า Leica M6 เป็นกล้องฟิล์มแบบ 35mm ที่ดีที่สุดของ Leica (สำหรับคนที่รสนิยมส่วนทางกับรายได้แบบผม)
อาจต้องบอกว่า Leica M6 ไม่มี functions อะไรที่จะมาช่วยเหลือคุณมากนักสำหรับการถ่ายภาพ และแถมยังเป็นกล้องฟิล์มอีกต่างหาก แต่กล้องให้ Light Meter มานะครับ เป็นแบบ off-the-shutter light meter กล่าวคิอต้องขึ้นฟิล์มก่อน Light Meter ถึงจะทำงาน ซึ่งผมไม่ค่อยชอบเท่าไร เพราะผมไม่ชอบขึ้นฟิล์มทิ้งไว้ เพราะผมชอบกด shutter เล่นเวลาเดินถ่ายรูป และบางทีผมแค่อยากวัดแสงเฉยๆ ไม่ได้อยากถ่าย
Light Meter จะเป็นแบบใช้ LCD Light ซึ่งจะเห็นได้ผ่าน viewfinder โดยจะมีลักษณะเป็นหัวลุกศรทีแดง โดยการทำงานจะมักลักษณะเป็นดังต่อไปนี้
> < คือขณะนี้คุณกำลัง Perfect Exposure
< คือขณะนี้คุณกำลัง Overexposure
> คือขณะนี้คุณกำลัง Underexposure
อ่าวแล้วทำไมมันถึงแพงนักละ?
ผมคิดตัวกล้องเองให้ทุกอย่างที่ต้องใช้มาแล้วอย่าง perfect และก็แอบถามช่างภาพว่า "แล้วคุณอะ Perfect หรือป่าว" ตัวผมเองชอบที่รูปมันออกมาห่วย มันเหมือนกับว่าเราถามเพื่อนเราว่า "คิดว่าผมอ้วนมั้ย" แล้วเพื่อนที่งั้นๆ ก็จะตอบกลางๆ เช่น "ไม่หรอก, พอดีๆ, etc" แต่ในความเป็นจริงถ้าผมอ้วน ผมต้องการให้เพื่อนตอบว่า "หลุดจากช้างไปก็คุณเนี้ยแหละ โคตรอ้วน" เพื่อที่ผมจะได้เท่าทันตัวเอง และมุ่งมั่นที่จะลดน้ำหนัก Leica ก็เช่นกัน พี่ German made rangefinder จะขี้ฟ้องทันที ถ้าคุณถ่ายห่วย และถ้าคุณรู้ว่าคุณห่วยตรงไหน คุณก็แก้ไขปรับปรุงตรงนั้น
ห่วยแตก + ปรับปรุง = ดีขึ้น
อีกอย่างนึงที่ผมค่อนข้างสับสนเกี่ยวกับการใช้กล้อง Leica คือ lens ของมัน เพราะมันใช้ชื่อที่ฟังดูแปลกๆ สำหรับผม แต่ในไม่ช้า Google ก็หาคำตอบให้ได้กล่าวคือ ชื่อของ Lens Leica จะบ่องบอกถึงค่า Aperture ของ Lens นั้นเอง เช่น
Elmar = F3.8-4
Elmarit = F2.8
Summarit = F2.5
Summicron = F2
Summilux = F1.4
Noctilux = คุณโคตรรวยและมี Lens F0.95-F1
ผมคิดว่าตัวกล้องเองออกมาได้ใช้งานง่ายและมีความสวยงาม และ ระหว่างที่ถ่ายรูปอยู่ก็เป็นประสบการณ์ที่พิเศษมากๆ ส่วนเรื่องคุณภาพของรูปนี่วัดจากกล้องอย่างเดียวไม่ได้นะครับ เพราะถ่ายฟิล์มนั้น คุณต้องคำนึงว่าคุณถ่ายยังไง push/pull มั้ย จะล้างยังไง และจะพิพม์ยังไง หรือแม้แต่จะใช้กระดาษ เคมี enlarger แบบไหนในการพิมพ์
รูปตัวอย่างจากฟิลม์ที่หลากหลาย:
คือผมเองก็เขียนไม่เก่งอะนะครับ เอาว่าถ้ามีคำถามอะไรก็ comments ไว้ได้เลย ผมจะกลับมาตอบแน่นอน ; )
และผมขอฝาก blog ของผมด้วยที่
www.kochaphotography.com/blog
[CR] Leica M6 / 35mm Summicron (พร้อมภาพตัวอย่าง)
ถ้าคนที่ชอบเล่นฟิล์ม น่าจะคุณเคยกันดีกับกล่อง Leica M6 นี้ แม้ว่ากล้องนี้จะเลิกผลิตไปนานแล้ว แต่ตลาด eBay ก็ยังถือว่ายังได้รับความนิยมอยู่เป็นอย่างสูงสำหรับกล้องตัวนี้ ซึ่งโดยส่วนตัวผมคิดว่า Leica M6 เป็นกล้องฟิล์มแบบ 35mm ที่ดีที่สุดของ Leica (สำหรับคนที่รสนิยมส่วนทางกับรายได้แบบผม)
อาจต้องบอกว่า Leica M6 ไม่มี functions อะไรที่จะมาช่วยเหลือคุณมากนักสำหรับการถ่ายภาพ และแถมยังเป็นกล้องฟิล์มอีกต่างหาก แต่กล้องให้ Light Meter มานะครับ เป็นแบบ off-the-shutter light meter กล่าวคิอต้องขึ้นฟิล์มก่อน Light Meter ถึงจะทำงาน ซึ่งผมไม่ค่อยชอบเท่าไร เพราะผมไม่ชอบขึ้นฟิล์มทิ้งไว้ เพราะผมชอบกด shutter เล่นเวลาเดินถ่ายรูป และบางทีผมแค่อยากวัดแสงเฉยๆ ไม่ได้อยากถ่าย
Light Meter จะเป็นแบบใช้ LCD Light ซึ่งจะเห็นได้ผ่าน viewfinder โดยจะมีลักษณะเป็นหัวลุกศรทีแดง โดยการทำงานจะมักลักษณะเป็นดังต่อไปนี้
> < คือขณะนี้คุณกำลัง Perfect Exposure
< คือขณะนี้คุณกำลัง Overexposure
> คือขณะนี้คุณกำลัง Underexposure
อ่าวแล้วทำไมมันถึงแพงนักละ?
ผมคิดตัวกล้องเองให้ทุกอย่างที่ต้องใช้มาแล้วอย่าง perfect และก็แอบถามช่างภาพว่า "แล้วคุณอะ Perfect หรือป่าว" ตัวผมเองชอบที่รูปมันออกมาห่วย มันเหมือนกับว่าเราถามเพื่อนเราว่า "คิดว่าผมอ้วนมั้ย" แล้วเพื่อนที่งั้นๆ ก็จะตอบกลางๆ เช่น "ไม่หรอก, พอดีๆ, etc" แต่ในความเป็นจริงถ้าผมอ้วน ผมต้องการให้เพื่อนตอบว่า "หลุดจากช้างไปก็คุณเนี้ยแหละ โคตรอ้วน" เพื่อที่ผมจะได้เท่าทันตัวเอง และมุ่งมั่นที่จะลดน้ำหนัก Leica ก็เช่นกัน พี่ German made rangefinder จะขี้ฟ้องทันที ถ้าคุณถ่ายห่วย และถ้าคุณรู้ว่าคุณห่วยตรงไหน คุณก็แก้ไขปรับปรุงตรงนั้น
ห่วยแตก + ปรับปรุง = ดีขึ้น
อีกอย่างนึงที่ผมค่อนข้างสับสนเกี่ยวกับการใช้กล้อง Leica คือ lens ของมัน เพราะมันใช้ชื่อที่ฟังดูแปลกๆ สำหรับผม แต่ในไม่ช้า Google ก็หาคำตอบให้ได้กล่าวคือ ชื่อของ Lens Leica จะบ่องบอกถึงค่า Aperture ของ Lens นั้นเอง เช่น
Elmar = F3.8-4
Elmarit = F2.8
Summarit = F2.5
Summicron = F2
Summilux = F1.4
Noctilux = คุณโคตรรวยและมี Lens F0.95-F1
ผมคิดว่าตัวกล้องเองออกมาได้ใช้งานง่ายและมีความสวยงาม และ ระหว่างที่ถ่ายรูปอยู่ก็เป็นประสบการณ์ที่พิเศษมากๆ ส่วนเรื่องคุณภาพของรูปนี่วัดจากกล้องอย่างเดียวไม่ได้นะครับ เพราะถ่ายฟิล์มนั้น คุณต้องคำนึงว่าคุณถ่ายยังไง push/pull มั้ย จะล้างยังไง และจะพิพม์ยังไง หรือแม้แต่จะใช้กระดาษ เคมี enlarger แบบไหนในการพิมพ์
รูปตัวอย่างจากฟิลม์ที่หลากหลาย:
คือผมเองก็เขียนไม่เก่งอะนะครับ เอาว่าถ้ามีคำถามอะไรก็ comments ไว้ได้เลย ผมจะกลับมาตอบแน่นอน ; )
และผมขอฝาก blog ของผมด้วยที่ www.kochaphotography.com/blog