Interstellar (2014) - ทะยานดาวกู้โลก - สู่ห้องเรียนวิทยาศาสตร์
เมื่อโลกอยู่ไม่ได้ มนุษย์ก็ต้องหาดาวดวงใหม่เพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ จนบางครั้งมนุษย์ก็พยายามข้ามขีดจำกัดของตัวเองไป
ซึ่ง Christopher Nolan จะทำให้ทุกคนได้เห็นว่า จินตนาการของมนุษย์ ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของจักรวาลไปแล้ว
การเดินทางหาดาวดวงใหม่เพื่อจะย้ายโลกไปอยู่ในดาวดวงอื่น ด้วยการถ่ายทอดออกมาบนจอ IMAX ขนาด 70mm
เป็นภาพที่น่าทึ่งมาก ทั้งภาพและเสียงสมจริง กระหึ่มจนเก้าอี้สั่น ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังอยู่บนยานอวกาศจริงๆ
แต่ซับค่อนข้างใหญ่ไปอ่านยากนิดหน่อย จะฟังอย่างเดียวก็ไม่เข้าใจ เพราะมีศัพท์ทางฟิสิกส์ค่อนข้างเยอะ บทพูดก็เยอะด้วยจำเป็นต้องอ่าน ฮ่าๆ
หนังไซไฟฟอร์มยักษ์ ที่อัดแน่นทั้งเนื้อหา วิทยาศาสตร์ และดราม่า แฝงปรัชญา อาจจะเข้าถึงคนเฉพาะกลุ่มที่สนใจฟิสิกส์ แต่คนทั่วไปก็ดูได้อาจจะงงๆ
แนะนำว่าควรมีข้อมูลก่อนไปดู แต่สำหรับเราที่ไปดูแบบไม่คิดจะอ่านแม้แต่เรื่องย่อ ต้องขอบอกว่าแรกๆก็มึนๆ งงๆ แต่ดูจบก็เข้าใจและเข้าถึงได้นะ
ด้วยความที่เรียนสายนี้มาบ้าง แต่ก็ลืมไปบ้างแล้ว ทำให้อยากจะกลับไปค้นหาทฤษฎีทางฟิสิกส์มาอ่านอีกครั้ง
โดยเฉพาะ กลศาสตร์ควอนตัม(Quantum mechanics) กฎแรงโน้มถ่วง(Gravitation)
รูหนอนแห่งกาลเวลา(Worm hole) และหลุมดำ (Black hole) ถ้าเข้าใจกฎเหล่านี้จะยิ่งดูเข้าใจและสนุกขึ้นค่ะ
หนังค่อนข้างยาวและบทดราม่าเยอะ เนื้อหาอัดแน่นมากๆ ช่วงแรกๆ เลยจะทำให้เบื่อ เพราะบทพูดเยอะ เลยดูเอื่อยๆ
แต่ช่วงกลางๆไปหลังๆจะลุ้นและสนุกกับฉากในอวกาศมาก ค่อนข้างชอบประเด็นครอบครัว โดยเฉพาะบทของคูเปอร์กับเมิร์ฟ
Mackenzie Foy หนูน้อยจากทไวไลท์ ถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก เรื่องนี้น่าจะแจ้งเกิดเลย
ส่วนเจ๊แอนน์สวยมาก ฮ่าๆ เรื่องการแสดงคงไม่ต้องพูดถึง บทอาจจะไม่ต่างจากที่แล้วมา แต่เธอก็ถ่ายทอดได้ดีและมีมุมมองที่ต่างออกไป
Matthew McConaughey พระเอกของเรื่องที่บทจะเยอะกว่าคนอื่น และโดดเด่นมาก ถ่ายทอดพลังของการเป็นพ่อและการเป้นมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง
นักแสดงคนอื่นๆ ก็กระจายบทได้ดี น่าสนใจทุกตัวละคร (เพราะถ้าเทียบกับแนวเดียวกันอย่าง Gravity จะใช้นักแสดงไม่กี่คน จนบางครั้งก็รู้สึกเสียดายที่บางคนแทบเป้นตัวประกอบ)
หรือแม้แต่คนที่ออกมาช่วงท้ายๆ Matt Damon แต่บทก็สำคัญไม่น้อยเลย เรื่องนี้ยังแฝงปรัชญาไว้เยอะ แต่ดูจบแล้วยังอยากเก็บรายละเอียดอีกจึงคิดว่าจะดูอีกอาจจะมากกว่า2รอบด้วยซ้ำ ฮ่าๆ
สรุป
- แนะนำให้ดู โรง IMAX ค่ะ จะคุ้มค่ามากกับภาพและเสียง
- หนังอาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกกลุ่ม เพราะดูค่อนข้างยากในช่วงแรกๆ แต่ช่วงหลังๆก็สนุกไปอีกแบบ ถ้าให้เด็กดูก็ควรจะแนะนำ เหมือนให้เค้าได้เรียนวิชาฟิสิกส์แบบสนุกๆอีกวิธีนึง
- ควรหาข้อมูลก่อนไปดูค่ะ และต้องตั้งใจดู ไม่งั้นอาจจะงง โดยเฉพาะเรื่องของ กฎแรงโน้มถ่วง การเดินทางข้ามเวลา Worm hole และ Black hole ที่พูดถึงค่อนข้างเยอะ
- แต่ถึงแม้ไม่มีข้อมูลในหัว แต่เป็นคนที่สนใจวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว ก็จุดประกายให้อยากหาข้อมูลเหล่านี้มาอ่านมากๆ
- สนุก ลุ้น และตื่นเต้นกับห้วงอวกาศ แต่อาจจะต้องดูมากกว่าหนึ่งรอบ เพื่อเก็บรายละเอียด เพราะตอนไปดูแบบพยายามไม่สปอยตัวเอง รู้สึกว่าพลาดไปหลายจุดเหมือนกัน เพราะมัวแต่ทำความเข้าใจ
My vote: 8/10
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/55dada55/photos/705645106179465
[SR] [Review] Interstellar (2014) - ทะยานดาวกู้โลก - สู่ห้องเรียนวิทยาศาสตร์
เมื่อโลกอยู่ไม่ได้ มนุษย์ก็ต้องหาดาวดวงใหม่เพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ จนบางครั้งมนุษย์ก็พยายามข้ามขีดจำกัดของตัวเองไป
ซึ่ง Christopher Nolan จะทำให้ทุกคนได้เห็นว่า จินตนาการของมนุษย์ ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของจักรวาลไปแล้ว
การเดินทางหาดาวดวงใหม่เพื่อจะย้ายโลกไปอยู่ในดาวดวงอื่น ด้วยการถ่ายทอดออกมาบนจอ IMAX ขนาด 70mm
เป็นภาพที่น่าทึ่งมาก ทั้งภาพและเสียงสมจริง กระหึ่มจนเก้าอี้สั่น ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังอยู่บนยานอวกาศจริงๆ
แต่ซับค่อนข้างใหญ่ไปอ่านยากนิดหน่อย จะฟังอย่างเดียวก็ไม่เข้าใจ เพราะมีศัพท์ทางฟิสิกส์ค่อนข้างเยอะ บทพูดก็เยอะด้วยจำเป็นต้องอ่าน ฮ่าๆ
หนังไซไฟฟอร์มยักษ์ ที่อัดแน่นทั้งเนื้อหา วิทยาศาสตร์ และดราม่า แฝงปรัชญา อาจจะเข้าถึงคนเฉพาะกลุ่มที่สนใจฟิสิกส์ แต่คนทั่วไปก็ดูได้อาจจะงงๆ
แนะนำว่าควรมีข้อมูลก่อนไปดู แต่สำหรับเราที่ไปดูแบบไม่คิดจะอ่านแม้แต่เรื่องย่อ ต้องขอบอกว่าแรกๆก็มึนๆ งงๆ แต่ดูจบก็เข้าใจและเข้าถึงได้นะ
ด้วยความที่เรียนสายนี้มาบ้าง แต่ก็ลืมไปบ้างแล้ว ทำให้อยากจะกลับไปค้นหาทฤษฎีทางฟิสิกส์มาอ่านอีกครั้ง
โดยเฉพาะ กลศาสตร์ควอนตัม(Quantum mechanics) กฎแรงโน้มถ่วง(Gravitation)
รูหนอนแห่งกาลเวลา(Worm hole) และหลุมดำ (Black hole) ถ้าเข้าใจกฎเหล่านี้จะยิ่งดูเข้าใจและสนุกขึ้นค่ะ
หนังค่อนข้างยาวและบทดราม่าเยอะ เนื้อหาอัดแน่นมากๆ ช่วงแรกๆ เลยจะทำให้เบื่อ เพราะบทพูดเยอะ เลยดูเอื่อยๆ
แต่ช่วงกลางๆไปหลังๆจะลุ้นและสนุกกับฉากในอวกาศมาก ค่อนข้างชอบประเด็นครอบครัว โดยเฉพาะบทของคูเปอร์กับเมิร์ฟ
Mackenzie Foy หนูน้อยจากทไวไลท์ ถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก เรื่องนี้น่าจะแจ้งเกิดเลย
ส่วนเจ๊แอนน์สวยมาก ฮ่าๆ เรื่องการแสดงคงไม่ต้องพูดถึง บทอาจจะไม่ต่างจากที่แล้วมา แต่เธอก็ถ่ายทอดได้ดีและมีมุมมองที่ต่างออกไป
Matthew McConaughey พระเอกของเรื่องที่บทจะเยอะกว่าคนอื่น และโดดเด่นมาก ถ่ายทอดพลังของการเป็นพ่อและการเป้นมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง
นักแสดงคนอื่นๆ ก็กระจายบทได้ดี น่าสนใจทุกตัวละคร (เพราะถ้าเทียบกับแนวเดียวกันอย่าง Gravity จะใช้นักแสดงไม่กี่คน จนบางครั้งก็รู้สึกเสียดายที่บางคนแทบเป้นตัวประกอบ)
หรือแม้แต่คนที่ออกมาช่วงท้ายๆ Matt Damon แต่บทก็สำคัญไม่น้อยเลย เรื่องนี้ยังแฝงปรัชญาไว้เยอะ แต่ดูจบแล้วยังอยากเก็บรายละเอียดอีกจึงคิดว่าจะดูอีกอาจจะมากกว่า2รอบด้วยซ้ำ ฮ่าๆ
สรุป
- แนะนำให้ดู โรง IMAX ค่ะ จะคุ้มค่ามากกับภาพและเสียง
- หนังอาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกกลุ่ม เพราะดูค่อนข้างยากในช่วงแรกๆ แต่ช่วงหลังๆก็สนุกไปอีกแบบ ถ้าให้เด็กดูก็ควรจะแนะนำ เหมือนให้เค้าได้เรียนวิชาฟิสิกส์แบบสนุกๆอีกวิธีนึง
- ควรหาข้อมูลก่อนไปดูค่ะ และต้องตั้งใจดู ไม่งั้นอาจจะงง โดยเฉพาะเรื่องของ กฎแรงโน้มถ่วง การเดินทางข้ามเวลา Worm hole และ Black hole ที่พูดถึงค่อนข้างเยอะ
- แต่ถึงแม้ไม่มีข้อมูลในหัว แต่เป็นคนที่สนใจวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว ก็จุดประกายให้อยากหาข้อมูลเหล่านี้มาอ่านมากๆ
- สนุก ลุ้น และตื่นเต้นกับห้วงอวกาศ แต่อาจจะต้องดูมากกว่าหนึ่งรอบ เพื่อเก็บรายละเอียด เพราะตอนไปดูแบบพยายามไม่สปอยตัวเอง รู้สึกว่าพลาดไปหลายจุดเหมือนกัน เพราะมัวแต่ทำความเข้าใจ
My vote: 8/10
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้