13 ข้อ ญี่ปุ่นที่เห็น เป็น อยู่ คือ

หลังจากเดินทางในญี่ปุ่นด้วยตัวเองมาได้ทั้งหมด7ครั้ง ในรอบ8ปี รวมครั้งล่าสุดนี้ ก็เรียกได้ว่าเหนือใต้ออกตก ใต้ขึ้นเหนือเหนือลงใต้หลายรอบ ไปรวมๆกว่า 20+เมือง (ก็ถือว่ายังไม่มากนะ)
มีสิ่งที่มองเห็น ประทับใจและอยากแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านกัน เผื่อจะทำให้ใครได้หลงเสน่ห์ของประเทศญี่ปุ่น เหมือนที่ผมหลงรักหัวปักหัวปำนะครับ  


พูดคุยหาข้อมูลเพิ่มเติมกันได้ที่
https://www.facebook.com/Gonipponbydrjame ครับ

1. คนญี่ปุ่น มีน้ำใจมาก ให้ความช่วยเหลือคนต่างบ้านต่างเมืองดีมาก (เป็นส่วนใหญ่) อย่างถ้าถามทาง เค้าจะหยุด ดูแผนที่ให้ พาไปหาแผนที่ area map หรือมีบ่อยครั้งที่เดินหรือปั่นจักรยาน พาเราไปจนถึงที่หมาย เรื่องนี้เกิดขึ้นเป็นปกติมาก
ครั้งล่าสุดนี้ก็มีเรื่องเกี่ยวกับการถามทางให้ประทับใจ เรื่องของเรื่อง คือ ที่สถานี JR Sapporo ก่อนรถไฟออก ผมนึกขึ้นได้ว่าลืมของไว้ที่โรงแรม เลยต้องรีบวิ่งกลับไปเอาโดยทิ้งเพื่อนไว้ที่สตาร์บัคส์สาขาหนึ่งฝั่งทางออก north ทีนี้จะต้องรีบต่อรถไฟชินคังเซนไปอีกเมือง พอกลับไปเอาของกลับมาที่สถานี ผมไปเข้าสตาร์บัคส์อีกสาขานึง แล้วเวลาก็กระชั้นมากแล้ว ถ้าพลาดรถไฟรอบนี้ต้องรออีกหลายชั่วโมง ก็เริ่มรนครับ จับทิศทางไม่ออก พนักงานเห็นเลยเข้ามาช่วยก็บอกไปว่าเราจะไปอีกสาขานึง อยู่ตรงไหนช่วยบอกทางหน่อย ปรากฎว่าพนักงานหญิงคนนั้น วิ่งพาออกไปข้างหน้าแล้วนำทางไปจนถึงทางเข้าสตาร์บัคส์อีกสาขาเลย ประทับใจมากกกก ทั้งๆที่ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้

ต่อเนื่องกันมาเป็นเรื่องของ service mind หรือหัวจิตหัวใจของการบริการ สำหรับคนญี่ปุ่นที่ทำงานในส่วนการบริการ ผมขอเรียกว่าเป็นจิตวิญญาณของการบริการเลยดีกว่า เราจะเห็นได้ชัดมากผ่านออกมาจากท่าทางหน้าตา เวลาที่พนักงานตามร้านต่างๆให้บริการเรา มันเต็มไปด้วยความตั้งใจ ความอยากให้ และรอยยิ้ม ในร้านทุกแบบทุกระดับ ตั้งแต่ข้างทาง ร้านของฝาก ห้างร้านต่างๆ ยันร้านหรู



อย่างรอบนี้ที่ผมไป ไปเที่ยวโอตารุในวันที่ฝนพรำๆทั้งวัน ผ่านหน้าร้าน LeTao ทุกสาขาก็จะเจอพนักงานออกมายืนเอาขนมให้ชิม ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่มีอาการเบื่อหน่ายให้เห็น ทั้งที่เราก็รู้แหละ อากาศก็หนาว ฝนก็ตก ทัวร์ลงก็เยอะ ดูวุ่นวายและน่าเหนื่อย แต่เปล่าเลย พนักงานทุกคนดูอารมณ์ดีเต็มที่กับงานตรงหน้า ชื่นชมจริงๆครับ




พนักงานตามร้านต่างๆสามารถขออนุญาตถ่ายรูปเค้าได้นะครับ ทุกคนเต็มใจ (เท่าที่ผ่านมานะ)

2. สืบเนื่องจากข้อแรกในระยะเวลา 8ปีที่ผ่านมา ถึงความมีน้ำใจช่วยเหลือของคนญี่ปุ่นยังมีอยู่เยอะ แต่ก็มีความเปลี่ยนแปลงให้ได้เห็น ว่าลดลงไปบ้างเหมือนกันแบบสังเกตได้ เราจะมีโอกาสเจอคนที่ไม่สนใจ ทำหน้าเฉยเวลาขอความช่วยเหลือ หรือพ่อค้าแม่ค้าไม่อีนังขังขอบเวลาถามราคาสินค้า ไม่ยิ้มไม่อือ บางทีหน้าบึ้งใส่ เจออยู่บ้างเหมือนกัน โดยเฉพาะเมืองที่นักท่องเที่ยวไปเยอะๆ คาดว่า คงโดนพิษสง นทท.ไทยและจีนไปเยอะพอสมควร ใครที่ยึดมั่นถือมั่นว่าไปญี่ปุ่นแล้วจะเจอบริการแบบเต็ม100ทุกที่ อาจจะผิดหวังได้บ้าง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นผลจากการกระทำของนักท่องเที่ยวบางส่วนด้วยล่ะครับผมว่านะ คงทำให้คนพื้นที่เอือมไปพอสมควร

3. ขอโทษ (ซูมิมาเซน:แนวexcuse me,โกเมนนาไซ: แนว sorry) ขอบคุณ(อาลิกาโตะ) เป็นคำติดปากคนญี่ปุ่นร้อยละ 99 เดินชนเดินเบียด มองไม่เห็นไม่หลีกทางให้ ขอทาง ให้ทาง ให้ที่นั่ง ขอบคุณและขอโทษตลอดเวลา (เอาเยี่ยงอย่างบ้างก็ดีสังคมไทยจะได้น่าอยู่ขึ้นผมว่านะ ไม่ใช่เอะอะๆถ่ายคลิปโพสท์ด่ากัน)

4. ผู้ชายญี่ปุ่นในวัยรุ่น-ผู้ใหญ่ 35-40 กันคิ้วกันซะ 70% มันเหมือนกลายเป็นคาแรคเตอร์อย่างนึงของหนุ่มญี่ปุ่นไปแล้ว  ไม่ได้เป็นข้อบ่งชี้ความเป็นเกย์แต่อย่างใด บางคนมากับเมียคิ้วโก่งกว่าเมีย ผมสีสวยเมียตายไปเลยก็เยอะ


5. คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการแยกขยะมากถึงมากที่สุด ถังขยะแยกประมาณ 4-5 ถัง recycle, เผาได้,เผาไม่ได้ อื่นๆ อะไรมากมาย ตอนที่ไปแลกเปลี่ยนเดือนนึง ก่อนกลับในบ้านมีขวดน้ำเยอะ เพื่อนๆถึงขนาดมาลงแขกที่ห้องแยกฝาขวดและตัวขวด ไปทิ้ง ขนาดนั้น!!




6. ดื่มไม่ขับ เด็ดขาด!!! เราจะเห็นชายชุดดำ(พนักงานออฟฟิศ) เมาเดินตัวเซหน้าแดง อยู่ในสถานีรถไฟเยอะมาก รอบนี้ที่ไปโรงงานเบียร์ซีปโปโรกับเพื่อน ดื่มเบียร์ไปแก้วนึง ยังไม่ทันเมาแน่นอน ขากลับ เค้าให้เมียมาขับแทน ไม่ใช่เมาแล้วขับชนคนตายเป็นว่าเล่นเหมือนบางประเทศนะ แค่ดื่มก็ไม่แล้ว สำนึกสาธารณะสูงมาก


7. ต่อจากข้อ6 ใบขับขี่ที่นี่ราคาแพงมาก ได้ยากมาก ถ้าจำที่เพื่อนเล่าไม่ผิด ต้องไปเรียนโรงเรียนสอนขับรถเท่านั้นและสอบให้ผ่าน รวมราคาหลายหมื่นบาท เพราะได้มายาก เลยต้องรักษายิ่งชีพ เคารพกฎจราจรกันสุดๆ โดนยึดแล้วจะซวย

8. เป็นประเทศที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขนส่งมวลชนขั้นเทพ ที่รถไฟยังงอกสายใหม่ๆเรื่อยๆๆๆ จากเดิมที่เต็มเมืองอยู่แล้ว
ขบวนรถไฟพัฒนาความเร็วไปเรื่อยๆ MegLev คือเทคโนโลยีต่อจากชินคังเซน


อย่างไรก็ตามญี่ปุ่นก็จัดเป็นประเทศที่เป็นมิตรกับคนขี่จักรยานมากมาย เรียกได้ว่าเป็นยานพาหนะหลักๆในประเทศเลยล่ะครับ
ใครชอบปั่นจกรยานต้องมาญี่ปุ่นแล้วลองปั่นเที่ยวดูซักครั้ง มีเลนจักรยาน มีที่จอดจักรยานอย่างปลอดภัย เอื้ออำนวยมากๆ ส่งเสริมคนรักปั่นสุดๆ


9. แม้ทางเทคโนโลยีจะไปสุดแค่ไหน ธรรมชาติและวัฒนธรรมก็ถูกรักษาไว้ควบคู่กันไปอย่างดีงาม สวนใหญ่ใจกลางเมืองเห็นกันเป็นปกติ พื้นที่สีเขียวเยอะพอๆกับตึก
กิโมโนยูกาตะเป็นชุดที่คนใส่เที่ยวกันเป็นปกติ เราจะเห็นวัดรมวาอารามเป็นมรดกโลกอายุ500-1000 ปีกว่ามากมาย น่าจะเป็นประเทศที่มีมรดกโลกมากที่สุดแห่งนึงในโลก




10. ออนเซนถือเป็นวัฒนธรรมอย่างนึง เป็นองค์ประกอบในชีวิตคนญี่ปุ่นเลยทีเดียว คนไทยอาจไม่ค่อยกล้าเข้าออนเซน แต่จะบอกว่าเข้าไปเหอะครับ ผ่อนคลายสบายกายเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมที่ต้องไปลองสัมผัส พอเข้าไปจริงๆไม่มีใครสนใจจะมองใครหรอก มีแต่เราๆนี่แหละจะลอบมองพี่ญี่ปุ่นเค้า


11. บรรยากาศปกติบนรถไฟ ก็ต่างคนต่างทำกิจกรรมของตัวเองครับ ผมว่ารถไฟฟ้าไทยญี่ปุ่น ไม่ต่างกันมากมายนัก แต่ที่เห็นต่างกันชัดๆหน่อยก็ คนญี่ปุ่นจะพกหนังสือเล่มเล็กๆมาอ่านมากกว่า บางคนก็ไม่เล็กนะ โชเนนจัมพ์หรือหนังสือพิมพ์อะไรพวกนี้พี่ญี่ปุ่นแกก็พกกัน แต่คนไทยไม่ค่อยเห็นอ่านหนังสือในรถไฟ ส่วนเรื่องสังคมก้มหน้าจ้องหน้าจอมือถือ ผมว่าผมเห็นญี่ปุ่นนำเรามาก่อนเป็นเกือบ10ปีละเรื่องนี้ เลยเฉยๆ
เรื่องคุยกันในขบวนมีให้เห็นอยู่นะ ยิ่งถ้าเป็นกลุ่มเด็กๆมัธยม สาวๆเยอะแยะเนี่ย เสียงดังใช้ได้เลยล่ะ ไม่ได้ถึงกับเงียบสงัด
เรื่องการลุกให้คนอื่นนั่ง ยังเห็นกันได้อยู่ครับ ไม่ถึงกับขนาดไร้น้ำใจ โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีเด็กๆมาด้วย ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวเจอเคสแบบนี้ลุกให้เค้านั่งได้ครับ คุณแม่จะทั้งขอโทษและขอบคุณซาบซึ้งในน้ำใจเรามาก เที่ยวนี้ที่ไปก็ลุกให้อยู่2ครั้ง


12. เรื่องห้องน้ำสาธารณะ ทุกสถานีใหญ่ เล็ก Local มีหมด ทุกสถานที่ท่องเที่ยว คือแค่ปวดเงยหน้าก็เจอสัญลักษณ์ห้องน้ำเสมอ ซึ่งสำคัญมากโดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ต้องเข้าห้อน้ำบ่อยๆ มีปัญหาเรื่องโรคทางเดนปัสสาวะ และส้วมญี่ปุ่นก็อย่างที่รู้ว่าเทพมาก ฉีดล้างอัตโนมัติเลือกตำแหน่งได้ ล้างหน้าล้างหลัง
ที่นั่งอุ่นได้ช่วงหน้าหนาว บางที่มีเสียงเพลงบรรเลงคลอไปแก้เขินเวลาทำธุระแล้วมีเสียงออกมา เรียกว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่หลายๆคนที่ไปญี่ปุ่นแล้วติดอันดับประทับใจ ก็คือส้วมนี่แหละ


แต่ส้วมแบบโบราณก็เจอได้นะ หุหุ

13. วันหลังจากที่กลับมาจากญี่ปุ่นเที่ยวนี้วันนึง ไปซื้อของเซเว่นเลยแวะกดเงินตู้ ATM หน้าเซเว่น มีขอทานที่ดูๆก็อวัยวะครบถ้วน ถือแก้วใส่เงิน แล้วนั่งเขย่าๆ เสียงดังทีเดียว ยื่นแก้วให้ทุกคนที่เดินเข้าร้าน รู้สึกถูกคุกคามประมาณนึง เพราะเค้าไม่ได้นั่งขอเฉยๆ แต่เหมือนจะขู่เราด้วยเสียงเขย่าแก้ว
แล้วญี่ปุ่นล่ะ มีขอทาน (beggar) มั้ย???
ไปมาหลายครั้งยังไม่เคยเห็นครับ
แต่ที่แน่ๆมีคนไร้บ้าน(homeless) หรือมนุษย์กล่อง ที่จะเอากล่องมาทำเป็นตู้นอน วางตามสถานีรถไฟตอนดึกๆหลังเที่ยงคืนไปแล้ว เคยเห็นอยู่
และพวกศิลปินเปิดหมวก (street performance) ก็มีให้เห็นตลอด ผมชอบไปยืนฟังยืนดูนะ ส่วนใหญ่จะทำผลงานของตัวเองออกเป็นซีดี มาวางขายและร้องเพลงเล่นดนตรี คนก็จะมาฟังมาซื้อซีดีถ้าถูกใจ
คงไม่บอกว่าแบบไหนดีไม่ดี แต่ถ้ามือเท้ายังมีครบ ทางออกคงพอมีมากกว่ามาขอทานนะ


เพราะชีวิตคือการเดินทางและเรียนรู้ อย่าปล่อยให้สูญเปล่า
Cuz life is a journey since the first day you were born, till the day you're six feet under.
Make your journey counts.
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่