ที่มาของเรื่อง
http://www.dektalent.com/board/view.php?topic=1284
โจรปล้นธนาคารที่กวงซู โจรตะโกนคำแรกเมื่อชักปืนออกมาว่า "ทุกคนอย่าขยับ เงินเป็นของรัฐ แต่ชีวิตเป็นของคุณ" ทุกคนนอนอย่างสงบบนพื้น ไม่มีใครเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องเงินของรัฐ
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "
เทคนิคการเปลี่ยนแนวคิด" บิดเบือนนิดเดียวความคิดเราก็เปลี่ยนไปไกลแล้ว
ผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนโต๊ะและกำลังจะกรี๊ด ทันใดนั้นโจรตะโกนใส่ผู้หญิงว่า "
เรามีวัฒนธรรม ผมมาปล้นแบ๊งค์ ไม่ได้มาข่มขืนคุณ!!"
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "
การเป็นมืออาชีพ" ตั้งมั่นในเป้าหมายอย่างเดียวไม่ว่อกแว่ก
เมื่อโจรกลับถึงฐานลับ โจรวัยรุ่นที่จบการศึกษาระดับปริญญาโท MBA บอกกับรุ่นพี่โจรว่า "รุ่นพี่ เรามานับเงินกันว่าได้มาเท่าไหร่" แต่รุ่นพี่โจรที่จบเพียงชั้นประถมกล่าวว่า "แกนี่มันโง่มากเลย เงินตั้งเยอะตั้งแนะ จะนับยังไง คืนนี้ทีวีจะบอกเองแหล่ะว่าเราได้มาเท่าไหร่!!"
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "
ประสบการณ์" ซึ่งในปัจจุบันประสบการณ์มีค่ามากกว่าใบปริญญามากมายนัก
เมื่อโจรกลับไปแล้ว ผู้จัดการธนาคารสั่งให้รองผู้จัดการโทรหาตำรวจที่เบอร์ 191 แต่ผู้จัดการธนาคารกลับค้านว่า "เดี๋ยว ๆ ๆ ใจเย็น ๆ โจรเอาเงินไปเท่าไหร่ เรามานับกันก่อน แล้วบอกตำรวจว่าโจรเอาไปมากกว่านั้นอีก 5 ล้าน"
เราเรียกสิ่งนี่ว่า "
ว่ายตามน้ำ" หรือการเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส
ผู้จัดการกล่าวว่า "นั่นสิ จริงๆแล้วถ้ามีโจรมาปล้นธนาคารทุกเดือนก็ดีสินะ"
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "การฆ่าเวลาเล่น ๆ" ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าความสุขของเราอีกแล้ว
วันถัดมา ทีวีทุกช่องออกข่าวกันว่ามีโจรปล้นธนาคาร 100 ล้านบาท แต่ว่าโจรที่ปล้นไปนับแล้วนับอีก ไม่ว่าจะนับกี่รอบ ก็นับได้แค่ 20 ล้านบาทเท่านั้น โจรโกรธมากแล้วพูดว่า "
เราเสี่ยงตายและปล้นธนาคารออกมาได้แค่ 20 ล้านบาท แต่เจ้าผู้จัดการธนาคารแค่มันหัวไวนิดเดียว มันทำเงินได้ถึง 80 ล้านบาทเลย การศึกษามีดีอย่างนี้นี่เอง"
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "
ความรู้มีค่ามากกว่าทองคำ"
ผู้จัดการธนาคารยิ้มร่าอย่างแรง เพราะว่าอยู่ดี ๆ เขาก็มีเงินเพิ่มขึ้นถึง 80 ล้านบาท โดยที่เป็นความผิดของโจรปล้นธนาคาร
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "
โคตรโกง" เซียนเหนือเซียน แต่ไม่ใช่ในสิ่งดี
************************************************************
โครงการจำนำข้าว เป็นโครงการที่มีจุดอ่อนมากมายหลายประการ เป็นโครงการที่มีการกล่าวหา และกล่าวโทษมากมายว่ามีการทุจริตประพฤติมิชอบจนทำให้รัฐเสียหายเป็นจำนวนมากมายเหลือคณานัป
จนกระทั่งถึงขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปผลความเสียหายได้ และยิ่งนานวันไปก็ดูเหมือนว่าความเสียหายจะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ตามความเสื่อมของข้าว และอีกหลายสาเหตุ
ขอเพียงว่าผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ กำกับดูแล และตรวจสอบในเรื่องนี้ อย่าเป็นเป็นเดียวกับผู้จัดการธนาคาร ตามเนื้อเรื่องที่มีการกล่าวถึงข้างต้นเลย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ความเสียหายจะมากกว่าที่เป็นจริงอีกนับทวีคูณ จนกระทั่งอาจจะเกิดมูลค่าข้าวที่รับจำนำไปก็ได้
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมสนอง ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม
ดังนั้น อย่าชะล่าใจในผลของการกระทำของตน ที่ยังไม่ส่งผลเป็นอันขาด
เพราะเมื่อมันส่งผลแล้ว ก็ยากที่จะปฏิเสธได้ ......
โจรปล้นธนาคาร+ผู้จัดการธนาคาร vs โครงการจำนำข้าว
โจรปล้นธนาคารที่กวงซู โจรตะโกนคำแรกเมื่อชักปืนออกมาว่า "ทุกคนอย่าขยับ เงินเป็นของรัฐ แต่ชีวิตเป็นของคุณ" ทุกคนนอนอย่างสงบบนพื้น ไม่มีใครเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องเงินของรัฐ
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "เทคนิคการเปลี่ยนแนวคิด" บิดเบือนนิดเดียวความคิดเราก็เปลี่ยนไปไกลแล้ว
ผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนโต๊ะและกำลังจะกรี๊ด ทันใดนั้นโจรตะโกนใส่ผู้หญิงว่า "เรามีวัฒนธรรม ผมมาปล้นแบ๊งค์ ไม่ได้มาข่มขืนคุณ!!"
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "การเป็นมืออาชีพ" ตั้งมั่นในเป้าหมายอย่างเดียวไม่ว่อกแว่ก
เมื่อโจรกลับถึงฐานลับ โจรวัยรุ่นที่จบการศึกษาระดับปริญญาโท MBA บอกกับรุ่นพี่โจรว่า "รุ่นพี่ เรามานับเงินกันว่าได้มาเท่าไหร่" แต่รุ่นพี่โจรที่จบเพียงชั้นประถมกล่าวว่า "แกนี่มันโง่มากเลย เงินตั้งเยอะตั้งแนะ จะนับยังไง คืนนี้ทีวีจะบอกเองแหล่ะว่าเราได้มาเท่าไหร่!!"
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "ประสบการณ์" ซึ่งในปัจจุบันประสบการณ์มีค่ามากกว่าใบปริญญามากมายนัก
เมื่อโจรกลับไปแล้ว ผู้จัดการธนาคารสั่งให้รองผู้จัดการโทรหาตำรวจที่เบอร์ 191 แต่ผู้จัดการธนาคารกลับค้านว่า "เดี๋ยว ๆ ๆ ใจเย็น ๆ โจรเอาเงินไปเท่าไหร่ เรามานับกันก่อน แล้วบอกตำรวจว่าโจรเอาไปมากกว่านั้นอีก 5 ล้าน"
เราเรียกสิ่งนี่ว่า "ว่ายตามน้ำ" หรือการเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส
ผู้จัดการกล่าวว่า "นั่นสิ จริงๆแล้วถ้ามีโจรมาปล้นธนาคารทุกเดือนก็ดีสินะ"
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "การฆ่าเวลาเล่น ๆ" ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าความสุขของเราอีกแล้ว
วันถัดมา ทีวีทุกช่องออกข่าวกันว่ามีโจรปล้นธนาคาร 100 ล้านบาท แต่ว่าโจรที่ปล้นไปนับแล้วนับอีก ไม่ว่าจะนับกี่รอบ ก็นับได้แค่ 20 ล้านบาทเท่านั้น โจรโกรธมากแล้วพูดว่า "เราเสี่ยงตายและปล้นธนาคารออกมาได้แค่ 20 ล้านบาท แต่เจ้าผู้จัดการธนาคารแค่มันหัวไวนิดเดียว มันทำเงินได้ถึง 80 ล้านบาทเลย การศึกษามีดีอย่างนี้นี่เอง"
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "ความรู้มีค่ามากกว่าทองคำ"
ผู้จัดการธนาคารยิ้มร่าอย่างแรง เพราะว่าอยู่ดี ๆ เขาก็มีเงินเพิ่มขึ้นถึง 80 ล้านบาท โดยที่เป็นความผิดของโจรปล้นธนาคาร
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "โคตรโกง" เซียนเหนือเซียน แต่ไม่ใช่ในสิ่งดี
************************************************************
โครงการจำนำข้าว เป็นโครงการที่มีจุดอ่อนมากมายหลายประการ เป็นโครงการที่มีการกล่าวหา และกล่าวโทษมากมายว่ามีการทุจริตประพฤติมิชอบจนทำให้รัฐเสียหายเป็นจำนวนมากมายเหลือคณานัป
จนกระทั่งถึงขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปผลความเสียหายได้ และยิ่งนานวันไปก็ดูเหมือนว่าความเสียหายจะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ตามความเสื่อมของข้าว และอีกหลายสาเหตุ
ขอเพียงว่าผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ กำกับดูแล และตรวจสอบในเรื่องนี้ อย่าเป็นเป็นเดียวกับผู้จัดการธนาคาร ตามเนื้อเรื่องที่มีการกล่าวถึงข้างต้นเลย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ความเสียหายจะมากกว่าที่เป็นจริงอีกนับทวีคูณ จนกระทั่งอาจจะเกิดมูลค่าข้าวที่รับจำนำไปก็ได้
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมสนอง ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม
ดังนั้น อย่าชะล่าใจในผลของการกระทำของตน ที่ยังไม่ส่งผลเป็นอันขาด
เพราะเมื่อมันส่งผลแล้ว ก็ยากที่จะปฏิเสธได้ ......