ครบสูตร ดราม่า เข้าใจผิด โดนกดดันให้เลือก มิเช่นนั้นจะบั่นหัวเพื่อนนายซะ ดังนั้นจงยอมเสียดี ๆ แต่เลิฟไลน์ฟรุ้งฟริ้งก็ยังอยู่นะ
มันคงเป็นหน้าต่างสองบานของวัฒนธรรมของแต่ละประเทศกระมัง มึนหัวกับอาจารย์โท สรุปนี่คือยังเป็นอาจารย์อยู่ไหม คน ๆ นี้นะรึที่จะเคี่ยวเข็ญแนอิลให้ก้าวสู่เวทีการแข่งขัน จับไปเก็บตัวอยู่ในบ้าน ให้เมียทำกับข้าวให้กิน ตัดชุดให้ใส่ ???? นึกยังไงก็นึกไม่ออก ไม่เถียงหรอกว่าอาจารย์ที่ดูแคลนเด็กดูถูกเด็กก็มีในชีวิตจริง แต่อาจารย์โท (อาจารย์เอโต้ ฮาริเซนพัดโบก) จริง ๆ แล้วถึงแกจะโหดแกก็โหดด้วยความรักนะ และ แม้จะมีการแยกคลาสเด็กเริ่ดเด็กห่วย แกไม่เคยทำอะไรเด็กห่วย แกไม่เรียกเด็กนักเรียนว่าเหลือขอ สิ่งที่อาจารย์ในโมโมงาโอกะทุกคนต้องการคือให้เด็กแต่ละคนจบออกไปแล้วทำในสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเอง หาหนทางก้าวเดินไปด้วยตัวของตัวเอง อาจารย์เป็นผู้ชี้นำด้วยวิธีที่แตกต่างกัน โหดบ้าง ใจดีบ้าง ให้เรียนรู้ด้วยตัวเองบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างเพือให้เด็กแต่ละคนตามฝันของตัวเองให้เจอ อาจจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ อาจจะเป็นวงดนตรี อาจจะเป็นครูอนุบางอาจจะออกไปแต่งงาน ฯลฯ
แต่สำหรับอาจารย์โท "หักขาให้บิน" นี่ ๆ เธอรู้ไหมอาจารย์ในมาสเตอร์คลาสจะเอาเรื่องนะ ถ้าเธอไม่ไปเล่นกับวง A แล้วหันกลับมาตลบหลังวง S ให้เลิกสนใจดนตรีซะ เธอเป็นไม่ได้หรอก .... เอ๊าาาาาา ก็จริง ๆ ตอนที่เล่นกันไปเมื่อคราวก่อนมันก็พิสูจน์แล้วนี่ว่าถ้าเขาจะไล่ตามความฝันทางดนตรีก็ย่อมทำได้แต่ไปได้ถึงตรงไหนมันก็แล้วแต่ความสามารถ นี่อะไรกัน หนึ่งคำให้ยุบวง สองคำก็เด็กเหลือขอ บอกวง A ว่าเราวงเดียวได้ชายูจินมาและได้เงินสนับสนุน อาจารย์ต้องการอะไรจากสังคมคะ ? นอกจากกดเด็กฝีมือไม่ดีให้ใจฝ่อโงหัวไม่ขึ้นแล้ว ยังทำให้เด็กวง A กับ S แตกคอกันอีก ตัวละครตัวนี้มีหน้าที่อะไร ถ้าบอกว่าต่อไปคน ๆ นี้จะจับแนอิลมาหมกตัวไว้ในบ้านและสอนสั่งให้เล่นเปียโนเป็นโล้เป็นพายถึงกับแข่งได้ เราไม่เชื่อนะ ไม่เชื่อว่าคน ๆ นี้จะทำความเข้าใจเด็กอย่างแนอิลได้ เพราะมันพังมาตั้งแต่แกบอกว่าเด็กเริ่ดควรสนับสนุนส่วนเด็กห่วยมันมาเรียนดนตรีได้ไงแล้ว มิใยเขาจะพิสูจน์ตัวเองแกก็ยังเชื่อว่าเด็กพวกนั้นคือเหลือขออยู่ดี
ทั้งที่ธีมของเรื่องนี้พรสวรรค์กับพรแสวงมันมาพร้อมกันนะเออ ซึ่งทุกคนในเรื่องก็เชื่อแบบนั้น
คู้ณณณณ จะดราม่ากันไปไหน ทำให้เด็ก ๆ เข้าใจผิดกันหมดอีกว่าชายูจินหักหลัง ? เย้ย !!! แล้วคือทุกคนงอนกันหมด ไม่อยากได้ยินชื่อ ไม่อยากเห็นหน้า แต่ แต่ แต่ ไม่ได้ให้แนอิลงอนไปด้วยเพื่อคงเลิฟไลน์ไว้ ก็ยังคงไปกินข้าวกินปลากันอยู่เหมือนเดิม แอบงง ๆ คือว่าจริง ๆ แล้วธีมในตอนนี้มันคือ You can shine เนาะ ทุกคนเข้าใจว่าจิอากิต้องไปคอนแชร์โต้กับวง A ส่วนวง S เองก็มีโปรเจคของวง S ที่จะโชว์พาวเหมือนกัน อันนี้เราคิดว่าคงเป็นวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ เพราะงานวัฒนธรรมงานโรงเรียนนี่ ญี่ปุ่นเขามีกันเป็นล่ำเป็นสันต่างคนต่างช่วยกันคนละไม้คนละมือให้งานทั้งงานลุล่วงไปได้ด้วยดี
จิอากิกำลังจะสยายปีกหงส์ดำแล้ว สิ่งที่สเตรชมันบอกมันไม่ใช่เพียงแต่การแสดงออกภายนอกให้ยั่วยวนยั่วเย้า แต่มันคือการเอาอะไรที่คุณเรียนมาใน 4 ปีน่ะ เอาออกมาให้หมด ว่าง่าย ๆ วันนี้เทคนิคดีเริ่ด เบิกเนตรด้วยการคอนดัคฯพวกสุดโต่งมาแล้ว เธอ "อิน" กับมันรึยัง ดนตรีเนี่ย ? ถ้า "อิน"แล้วล่ะก็ ทำนองเพลงที่เรียงร้อยมันจะมีทั้งเทคนิคและมีทั้งอารมณ์ที่ทำให้คนในฮอลล์วันนั้นกลั้นน้ำตาไม่อยู่ วง S คือแบบฝึกหัด แต่การที่ขึ้นคอนแชร์โต้ภายใต้การควบคุมของฟรานซ์มันคือบทเรียนสุดท้ายที่ฟรานซ์จะฝากไว้ให้จิอากินั่นเอง
ส่วนวง S คือการอยู่ด้วยตัวเอง ไม่พึ่งพาใคร หลังจากที่ตบเปรี้ยงกับจิอากิมาตลอด วันนี้คือการโชว์ออฟของวง S ที่ไม่มีบิ๊กเนมคนไหนเข้ามาเกี่ยวข้อง มนุษย์บ๊อง ๆ บวม ๆ นี่แแหละจะทำให้ผู้ชมทั้งผองต้องลุกขึ้นบราโว่ !!! สำหรับเราแล้วมันเหมือนกับว่าในเวอร์ชั่นเกาหลีหนุ่มโชลโล่หน้าใส(คนดังจากจูเลียต)คือร่างร้าน(บิ๊กเนม)อันใหม่ของวง S ทั้งที่จริง ๆ แล้ว หลังจากวันนั้นวง S ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากใครเลย ฝีมือดีขึ้นแต่ก็ยังคงความเป็นอิสระ คาดเดาไม่ได้ และ ลูกบ้าของตัวเองไว้อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งแสดงออกมาใน Raphsody in blues ของ Gerswin ซึ่งเป็นเพลง Jazz หากสังเกตจะเห็นว่าเพลงที่แสดงตัวตนของกลุ่มนักดนตรีสุดโต่งมักจะอยู่ในกลุ่มเพลง Jazz เสมอ ๆ
ส่วนเวอร์ชั่นเกาหลีมาในเพลง Mambo ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าต้องการแสดงคาแร็คเตอร์ของกลุ่มตัวละครนี้อย่างไร คำจำกัดความของเราสำหรับกลุ่มวง S ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นหรือเกาหลีเค้ามาทางเดียวกันนะ โลดโผน อิสระ บ้า บ๊อง บวม ฮา และ น่ารัก เราคิดว่า Mambo ค่อนข้างเป็น Song Choice ที่ไม่ตอบวัตถุประสงค์เท่าไหร่ มันโลดโผนตื่นเต้น แต่เราว่ามันไม่ "น่ารัก" การดีไซน์ฉากนี้มันเหมือนจะเน้นโชว์ออฟมากกก ม้ากกก มากก คือ รู้สึกเลยว่าตจงใจเกินไปที่จะโชว์ว่านี่ไง ๆ โลดโผนแล้วนะ โชว์ออฟแล้วนะ แต่มันดูไม่นุ่มนวลแล้วก็เป็นธรรมชาติ ดูแล้วค่อนข้างอิหลักอิเหลื่อนิดหน่อย แต่พอกล้อมแกล้มไปได้
และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ... มันไม่ใช่ Rachmaninoff No.2 ชิมิเนี่ย ????? เพลงที่ชายูจินจะเล่น เพลงนี้คือการเบิกเนตรรอบสองของจิอาอิ ผลจากซิมโฟนี่ No.1 ที่ไม่ประสบความสำเร็จมาถึงหมายเลข 2 นี่ ถ้าจะเปรียบมันก็คือเพลงชีวิตของจิอากินั่นแหละ หวั่นไหว ไม่แน่ใจ มืดหม่น แต่ก็ยืนหยัดหนักแน่น ทรนงองอาจ ทั้ง ๆ ที่กลืนเลือดอยู่ แล้วเมื่อเจอโนดาเมะ ได้เจอวง S โลกมันเปิดขึ้น สุดท้ายเกิดพุทธิปัญญาแล้วว่าที่ฟรานซ์ทำทั้งหมดคืออะไร และ ขณะเดียวกันเพลงนี้ก็เบิกเนตรโนะดาเมะด้วยว่า เธอคงจะอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว แต่จะทำยังไง ????? (และฉากที่ดำเนินไปต่อจากนี้จะสำคัญมาก Rachmaninoff ในห้องซ้อมรอบที่ 2 คือ การกระพือพีกของผีเสื้อที่ทำให้พายุพัด เจ้าตัวสองคนไม่รู้หรอก แต่คนอื่นที่ได้ฟังรู้กันหมด ว่าถ้ามันไม่มีอะไรกันจริงระหว่างสองคนนี้ เสียงดนตรีมันจะไม่สอดรับเป็น Harmony ขนาดนี้ เสี้ยวหนึ่งคือฝีมือแต่อีกสามในสี่คือความเข้าใจกันและกัน)
ก็ต้องดูต่อไปว่าเพลงที่มาแทนมันคือเพลงอะไร ฟังแล้วยังไง ๆ ก็ไม่น่าใช่ No.2 ของ Rachmaninoff
Song Choice กับ การ arrange ดนตรีของเรื่องนี้นี่มัน ..... นะ ยกธงขาว
Tomorrow Cantabile (กึ่งรีวิว) ตอน 7 : หน้าต่างสองบานของวัฒนธรรม (Spoiled)
มันคงเป็นหน้าต่างสองบานของวัฒนธรรมของแต่ละประเทศกระมัง มึนหัวกับอาจารย์โท สรุปนี่คือยังเป็นอาจารย์อยู่ไหม คน ๆ นี้นะรึที่จะเคี่ยวเข็ญแนอิลให้ก้าวสู่เวทีการแข่งขัน จับไปเก็บตัวอยู่ในบ้าน ให้เมียทำกับข้าวให้กิน ตัดชุดให้ใส่ ???? นึกยังไงก็นึกไม่ออก ไม่เถียงหรอกว่าอาจารย์ที่ดูแคลนเด็กดูถูกเด็กก็มีในชีวิตจริง แต่อาจารย์โท (อาจารย์เอโต้ ฮาริเซนพัดโบก) จริง ๆ แล้วถึงแกจะโหดแกก็โหดด้วยความรักนะ และ แม้จะมีการแยกคลาสเด็กเริ่ดเด็กห่วย แกไม่เคยทำอะไรเด็กห่วย แกไม่เรียกเด็กนักเรียนว่าเหลือขอ สิ่งที่อาจารย์ในโมโมงาโอกะทุกคนต้องการคือให้เด็กแต่ละคนจบออกไปแล้วทำในสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเอง หาหนทางก้าวเดินไปด้วยตัวของตัวเอง อาจารย์เป็นผู้ชี้นำด้วยวิธีที่แตกต่างกัน โหดบ้าง ใจดีบ้าง ให้เรียนรู้ด้วยตัวเองบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างเพือให้เด็กแต่ละคนตามฝันของตัวเองให้เจอ อาจจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ อาจจะเป็นวงดนตรี อาจจะเป็นครูอนุบางอาจจะออกไปแต่งงาน ฯลฯ
แต่สำหรับอาจารย์โท "หักขาให้บิน" นี่ ๆ เธอรู้ไหมอาจารย์ในมาสเตอร์คลาสจะเอาเรื่องนะ ถ้าเธอไม่ไปเล่นกับวง A แล้วหันกลับมาตลบหลังวง S ให้เลิกสนใจดนตรีซะ เธอเป็นไม่ได้หรอก .... เอ๊าาาาาา ก็จริง ๆ ตอนที่เล่นกันไปเมื่อคราวก่อนมันก็พิสูจน์แล้วนี่ว่าถ้าเขาจะไล่ตามความฝันทางดนตรีก็ย่อมทำได้แต่ไปได้ถึงตรงไหนมันก็แล้วแต่ความสามารถ นี่อะไรกัน หนึ่งคำให้ยุบวง สองคำก็เด็กเหลือขอ บอกวง A ว่าเราวงเดียวได้ชายูจินมาและได้เงินสนับสนุน อาจารย์ต้องการอะไรจากสังคมคะ ? นอกจากกดเด็กฝีมือไม่ดีให้ใจฝ่อโงหัวไม่ขึ้นแล้ว ยังทำให้เด็กวง A กับ S แตกคอกันอีก ตัวละครตัวนี้มีหน้าที่อะไร ถ้าบอกว่าต่อไปคน ๆ นี้จะจับแนอิลมาหมกตัวไว้ในบ้านและสอนสั่งให้เล่นเปียโนเป็นโล้เป็นพายถึงกับแข่งได้ เราไม่เชื่อนะ ไม่เชื่อว่าคน ๆ นี้จะทำความเข้าใจเด็กอย่างแนอิลได้ เพราะมันพังมาตั้งแต่แกบอกว่าเด็กเริ่ดควรสนับสนุนส่วนเด็กห่วยมันมาเรียนดนตรีได้ไงแล้ว มิใยเขาจะพิสูจน์ตัวเองแกก็ยังเชื่อว่าเด็กพวกนั้นคือเหลือขออยู่ดี
คู้ณณณณ จะดราม่ากันไปไหน ทำให้เด็ก ๆ เข้าใจผิดกันหมดอีกว่าชายูจินหักหลัง ? เย้ย !!! แล้วคือทุกคนงอนกันหมด ไม่อยากได้ยินชื่อ ไม่อยากเห็นหน้า แต่ แต่ แต่ ไม่ได้ให้แนอิลงอนไปด้วยเพื่อคงเลิฟไลน์ไว้ ก็ยังคงไปกินข้าวกินปลากันอยู่เหมือนเดิม แอบงง ๆ คือว่าจริง ๆ แล้วธีมในตอนนี้มันคือ You can shine เนาะ ทุกคนเข้าใจว่าจิอากิต้องไปคอนแชร์โต้กับวง A ส่วนวง S เองก็มีโปรเจคของวง S ที่จะโชว์พาวเหมือนกัน อันนี้เราคิดว่าคงเป็นวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ เพราะงานวัฒนธรรมงานโรงเรียนนี่ ญี่ปุ่นเขามีกันเป็นล่ำเป็นสันต่างคนต่างช่วยกันคนละไม้คนละมือให้งานทั้งงานลุล่วงไปได้ด้วยดี
จิอากิกำลังจะสยายปีกหงส์ดำแล้ว สิ่งที่สเตรชมันบอกมันไม่ใช่เพียงแต่การแสดงออกภายนอกให้ยั่วยวนยั่วเย้า แต่มันคือการเอาอะไรที่คุณเรียนมาใน 4 ปีน่ะ เอาออกมาให้หมด ว่าง่าย ๆ วันนี้เทคนิคดีเริ่ด เบิกเนตรด้วยการคอนดัคฯพวกสุดโต่งมาแล้ว เธอ "อิน" กับมันรึยัง ดนตรีเนี่ย ? ถ้า "อิน"แล้วล่ะก็ ทำนองเพลงที่เรียงร้อยมันจะมีทั้งเทคนิคและมีทั้งอารมณ์ที่ทำให้คนในฮอลล์วันนั้นกลั้นน้ำตาไม่อยู่ วง S คือแบบฝึกหัด แต่การที่ขึ้นคอนแชร์โต้ภายใต้การควบคุมของฟรานซ์มันคือบทเรียนสุดท้ายที่ฟรานซ์จะฝากไว้ให้จิอากินั่นเอง
ส่วนวง S คือการอยู่ด้วยตัวเอง ไม่พึ่งพาใคร หลังจากที่ตบเปรี้ยงกับจิอากิมาตลอด วันนี้คือการโชว์ออฟของวง S ที่ไม่มีบิ๊กเนมคนไหนเข้ามาเกี่ยวข้อง มนุษย์บ๊อง ๆ บวม ๆ นี่แแหละจะทำให้ผู้ชมทั้งผองต้องลุกขึ้นบราโว่ !!! สำหรับเราแล้วมันเหมือนกับว่าในเวอร์ชั่นเกาหลีหนุ่มโชลโล่หน้าใส(คนดังจากจูเลียต)คือร่างร้าน(บิ๊กเนม)อันใหม่ของวง S ทั้งที่จริง ๆ แล้ว หลังจากวันนั้นวง S ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากใครเลย ฝีมือดีขึ้นแต่ก็ยังคงความเป็นอิสระ คาดเดาไม่ได้ และ ลูกบ้าของตัวเองไว้อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งแสดงออกมาใน Raphsody in blues ของ Gerswin ซึ่งเป็นเพลง Jazz หากสังเกตจะเห็นว่าเพลงที่แสดงตัวตนของกลุ่มนักดนตรีสุดโต่งมักจะอยู่ในกลุ่มเพลง Jazz เสมอ ๆ
ส่วนเวอร์ชั่นเกาหลีมาในเพลง Mambo ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าต้องการแสดงคาแร็คเตอร์ของกลุ่มตัวละครนี้อย่างไร คำจำกัดความของเราสำหรับกลุ่มวง S ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นหรือเกาหลีเค้ามาทางเดียวกันนะ โลดโผน อิสระ บ้า บ๊อง บวม ฮา และ น่ารัก เราคิดว่า Mambo ค่อนข้างเป็น Song Choice ที่ไม่ตอบวัตถุประสงค์เท่าไหร่ มันโลดโผนตื่นเต้น แต่เราว่ามันไม่ "น่ารัก" การดีไซน์ฉากนี้มันเหมือนจะเน้นโชว์ออฟมากกก ม้ากกก มากก คือ รู้สึกเลยว่าตจงใจเกินไปที่จะโชว์ว่านี่ไง ๆ โลดโผนแล้วนะ โชว์ออฟแล้วนะ แต่มันดูไม่นุ่มนวลแล้วก็เป็นธรรมชาติ ดูแล้วค่อนข้างอิหลักอิเหลื่อนิดหน่อย แต่พอกล้อมแกล้มไปได้
และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ... มันไม่ใช่ Rachmaninoff No.2 ชิมิเนี่ย ????? เพลงที่ชายูจินจะเล่น เพลงนี้คือการเบิกเนตรรอบสองของจิอาอิ ผลจากซิมโฟนี่ No.1 ที่ไม่ประสบความสำเร็จมาถึงหมายเลข 2 นี่ ถ้าจะเปรียบมันก็คือเพลงชีวิตของจิอากินั่นแหละ หวั่นไหว ไม่แน่ใจ มืดหม่น แต่ก็ยืนหยัดหนักแน่น ทรนงองอาจ ทั้ง ๆ ที่กลืนเลือดอยู่ แล้วเมื่อเจอโนดาเมะ ได้เจอวง S โลกมันเปิดขึ้น สุดท้ายเกิดพุทธิปัญญาแล้วว่าที่ฟรานซ์ทำทั้งหมดคืออะไร และ ขณะเดียวกันเพลงนี้ก็เบิกเนตรโนะดาเมะด้วยว่า เธอคงจะอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว แต่จะทำยังไง ????? (และฉากที่ดำเนินไปต่อจากนี้จะสำคัญมาก Rachmaninoff ในห้องซ้อมรอบที่ 2 คือ การกระพือพีกของผีเสื้อที่ทำให้พายุพัด เจ้าตัวสองคนไม่รู้หรอก แต่คนอื่นที่ได้ฟังรู้กันหมด ว่าถ้ามันไม่มีอะไรกันจริงระหว่างสองคนนี้ เสียงดนตรีมันจะไม่สอดรับเป็น Harmony ขนาดนี้ เสี้ยวหนึ่งคือฝีมือแต่อีกสามในสี่คือความเข้าใจกันและกัน)
Song Choice กับ การ arrange ดนตรีของเรื่องนี้นี่มัน ..... นะ ยกธงขาว