(บทความเพื่อสิ่งแวดล้อม)
ต้นไม้ใบเขียวปักหลักยึดติดอย่างจำใจตามยถากรรม หล่นตรงไหนงอกตรงนั้น หล่นแล้วก็อยู่นิ่งๆสงบเสงี่ยมเจียมตัวรอโอกาส ความชื่นฝนตกมาเมื่อไหร่เป็นได้ที เมล็ดอ่อนปอบบางถีบดัน เปลือกที่เคยแข็งก็ปริแตกได้เวลาโผล่ออกมาจากที่กำบัง เงยกลีบเมล็ดรับแสงแดดอ่อนรำไรไม่จัดมากที่ส่องผ่านซุ้มใบของต้นใหญ่ อยู่ใกล้พี่ใหญ่ก็รู้สึกอบอุ่นดีแต่ก็ไม่ได้ปลอดภัยเท่าไหร่เลย พี่ใหญ่ยังคงปล่อยให้เหล่าต้นอ่อนอยู่ตามยถากรรมตามเคย เตรียมพร้อมที่จะให้ถูกเหยียบบี้แบนจากทุกสรรพสิ่งสิ่งมีชีวิตสี่ขาสองขาตามจังหวะที่คอยลุ้นตี่นเต้นระทึก เมื่อต้นอ่อนยังอยู่ในวัยเยาว์โชคดีก็อยู่ได้ โชคร้ายก็เป็นถั่วงอก เราเองก็ขอสารภาพว่าเคยพลาดพลั่งเผลอเหยียบถั่วงอกบี้แบนอนาถ เหตุการณ์นั้นเป็นการฆาตกรรมโดยสุจริต เรายังโชคดีที่ยังไม่มีกฏหมายเอาผิดใดๆเพื่อลงโทษ เราขออโหสิกรรมด้วย (ชาติหน้าขอให้เจ้าได้เกิดไปเป็นต้นไม้สักทองก็แล้วกันน่ะ จุ๊บุ๊ๆ..) ครั้นมาดูรุ่นใหญ่บ้างบางต้นก็อยู่สูงลิบโผล่อยู่บนยอดหินผาสร้างความน่าทึ่งแก่สายตาที่ได้พบเห็น ลำต้นที่หนักเป็นตันพันกิโลไปตั้งตระหง่านอยู่ทำตัวเท่ห์ตรงนั้นได้ไง ตัวโยกเยกกิ่งก้านเรียงใบโบกไหวไหวไปตามสายลม ครั้งเรายังวัยเด็กยังจำได้ดีคุณปู่ได้เล่าให้ฟังว่า "ทุกหนแห่งและทุกแห่งหน" ปกคลุมและเต็มไปด้วยต้นไม้ไปทั่วพื้นที่สีเขียวชอุ่ม ปัจจุบันไม่สามารถพูดได้เต็มปากนัก "เป็นหย่อมๆ" น่าจะดูเต็มคำกว่า ต้นไม้ปกคลุมเป็นหย่อมๆกระจายไปตามความกดอากาศพัดผ่าน ช่วงเช้าเห็นแม่คะนิ้งเกาะบนยอดหญ้า กลางวันแดดเลียหน้าไหม้เกรียมไปตามๆกัน อาจจะฟังดูพิลึกพิกลดูผิดสถานการณ์แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเราเองก็ถูกครอบงำซึมซับจากรายการประจำวันพยากรณ์อากาศไปเสียแล้ว อนาคตอันใกล้อยากจะใช้คำว่า "ทุกหนแห่งและทุกแห่งหน" อย่างเต็มปากด้วยเช่นกัน คงต้องใช้วิทยายุทธของประเทศ ขับลมปราณของชาติ หลายๆชาติรวมกัน คงต้องใช้พลังมากโขอยู่และดูใหญ่เกินกำลัง คนตัวเล็กๆอย่างเราในโลกใบเขียวดูซีดๆ ได้เพียงเริ่มจากสิ่งเล็กๆสิ่งนั้นคือการปลูกต้นไม้ให้กับตัวเองสักต้นก็คงพอ ใครจะปลุกต้นตะบองเพชรก็ไม่ว่ากัน อีกมุมหนึ่งในมุมของเรา เรามองเห็นวิถีชีวิตของเค้าเหล่าคุณต้นไม้ เป็นวิถีชีวิตที่ไม่ตื่นเต้นอะไรเลย ไม่เคยเห็นต้นไม้เคลื่อนกระโดดไปนู้นไปนี้แก้เซ็งเพราะเบื่อปักหลักอยู่กับที่เก่า ไม่เคยเห็นต้นไม้ตะโกนโวกเวกโวยวายเสียงดัง อย่างมากก็แค่ส่งเสียงสบัดใบฟังแล้วก็ทำให้เพลิดเพลินไปด้วยซ้ำ แต่เรื่องโวกเวกก็ปฏิเสธไม่ได้ ต้นไม้ก็สามารถทำเสียงดังได้จริงๆ ครั้งเดียวจริงๆ ครั้งเดียวในนาทีสุดท้ายของชีวิต กัมปนาทเลยที่เดียว แต่น่าเสียดายที่เสียงดังขนาดนั้นผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถได้ยินอย่างชัดเจน ชีวิตที่แสนเรียบง่ายไม่ตื่นเต้น แฝงไปด้วยสิ่งที่น่าประทับใจที่เรายังพอมองเห็นหลายอย่างน่าปลี้มใจไม่น้อยเลยทีเดียว รู้หรือไม่ว่าคุณต้นไม้มีความคิด "ใช่" และเป็นความคิดที่น่าชื่นชมอย่างมากด้วย (นักพฤกษศาสตร์บอกมาว่ามันคือ วิวัฒนาการ ) แต่สิ่งที่คุณต้นไม้เค้าคิด คิดเป็นอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องเผ่าพันธุ์การสืบพันธุ์ขยายลูกหลาน เป็นต้นไม้ที่ทะลึ่งจริงๆ และเป็นการกระทำที่โจ่งแจ้งเปิดเผยต่อที่สาธารณะอีกด้วย ชูช่อชูดอกชูเกศรอย่างโจ่งแจ้ง แปลกแต่จริงกับสิ่งที่เห็น การกระทำที่อุกอาจไม่แคร์ต่อสายตาสาธารณะชน เชื่อไหมเรากลับไม่ได้รู้สึกถึงการอนาจารอะไรเลยกับการปฏิสัมพันธ์เสพสมในครั้งนี้ ยิ่งดูก็ยิ่งเพลิน เพลินตากับเหล่าแมลงและผีเสี้อที่บินว่อน ราวกับว่าเลือกไม่ถูกตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเกาะชูช่อดอกไหนดี ละลานตาไปหมด เราทั้งนั่งดูและยืนดูการเสพสมในครั้งนี้พลอยเป็นสักขีพยาน (เราก็ทะลึ่งเหมือนกันที่ทำหน้าตาเฉยกับเรื่องราวเรทเอกซ์อย่างนี้) จากตาที่ได้เห็นจากจมูกที่ได้กลิ่น ส่วนรสชาติก็ยังเคย เคยแอบช่วงชิงสัมพัทธ์แข่งกับเหล่าแมลงและผีเสี้อ ลิ้นแตะพิสูจน์หน้าปะแล่มๆ "อืม..รสหวานดีจริงด้วยสิ" แต่เราก็อดสงสัยต่อไม่ได้เลยว่า คุณต้นไม้เค้ารู้ได้อย่างไรว่าต้องออกลูกเป็นผล ผลไม้ที่ออกมาต้องหล่อเลี้ยงให้สุกงอม เวลาสุกงอมต้องสร้างรสชาติหอมหวานเพื่อดึงดูดเหล่านกกาสัตว์ใหญ่ มาเด็ดกินลิ้มชิมรส มูมมามทิ้งซากเกลือนกระจัดกระจายกระเด็นไปทั่ว เมล็ดแข็งถูกทิ้งเรี่ยราด รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่เหนือชั้นกว่านั้นไม่ได้อยู่ที่การสูญเสียเนี้อในที่หอมหวานหรือเปลือกนอกหุ้มเนี้อที่ปอบบาง เรานั่งมองซากเมล็ดดูดีๆ เหล่านกกาสัตว์ใหญ่เอ๋ย พวกเจ้าได้ถูกล่อลวงถูกหลอกใช้ กับแผนการที่ได้วางแผนไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วราวกับว่าเป็นแผนการของผู้ทรงภูมิปัญญายังไงยังงั้น แผนการประสบผลสำเร็จลุล่วงด้วยดีอย่างแยบยล วัฏจักรกำลังเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง แค่นี้ยังไม่พอ ไหนจะงานอดิเรกของเหล่าคุณต้นไม้อีกล่ะ วันๆไม่ทำอะไร มัวแต่ดูด ดูด ดูด แล้วก็ปล่อย ปล่อย ปล่อย ดูด ดูด ดูดคาร์บอนไดออกไซด์ แล้วก็ปล่อยอ๊อกซิเจน อยู่อย่างงี้
(คุณต้นไม้ทำเรื่องไร้สาระเป็นกันบ้างไหมเนี้ยะ?......)
รู้แล้วสินะว่าคุณต้มไม้ประคุณประโยชน์ต่อโลกและชาวโลกอย่างไร ไปเถอะพรุ่งนี้เราไปปลูกต้นไม้กัน....
อุทยานแห่งชาติในประเทศไทยมีอยู่ 148 แห่ง หากเราปลูกช่วยกันปลูกในวันนี้ รุ่นลูกรุ่นหลานจะได้นับเพิ่มอีกหนึ่งแห่งเป็นแห่งที่ 149 ในอนาคตอันใกล้
…..(ณ.กรุบกริบ)
"คุณต้นไม้ ร้ายกาจนัก"
(บทความเพื่อสิ่งแวดล้อม)
ต้นไม้ใบเขียวปักหลักยึดติดอย่างจำใจตามยถากรรม หล่นตรงไหนงอกตรงนั้น หล่นแล้วก็อยู่นิ่งๆสงบเสงี่ยมเจียมตัวรอโอกาส ความชื่นฝนตกมาเมื่อไหร่เป็นได้ที เมล็ดอ่อนปอบบางถีบดัน เปลือกที่เคยแข็งก็ปริแตกได้เวลาโผล่ออกมาจากที่กำบัง เงยกลีบเมล็ดรับแสงแดดอ่อนรำไรไม่จัดมากที่ส่องผ่านซุ้มใบของต้นใหญ่ อยู่ใกล้พี่ใหญ่ก็รู้สึกอบอุ่นดีแต่ก็ไม่ได้ปลอดภัยเท่าไหร่เลย พี่ใหญ่ยังคงปล่อยให้เหล่าต้นอ่อนอยู่ตามยถากรรมตามเคย เตรียมพร้อมที่จะให้ถูกเหยียบบี้แบนจากทุกสรรพสิ่งสิ่งมีชีวิตสี่ขาสองขาตามจังหวะที่คอยลุ้นตี่นเต้นระทึก เมื่อต้นอ่อนยังอยู่ในวัยเยาว์โชคดีก็อยู่ได้ โชคร้ายก็เป็นถั่วงอก เราเองก็ขอสารภาพว่าเคยพลาดพลั่งเผลอเหยียบถั่วงอกบี้แบนอนาถ เหตุการณ์นั้นเป็นการฆาตกรรมโดยสุจริต เรายังโชคดีที่ยังไม่มีกฏหมายเอาผิดใดๆเพื่อลงโทษ เราขออโหสิกรรมด้วย (ชาติหน้าขอให้เจ้าได้เกิดไปเป็นต้นไม้สักทองก็แล้วกันน่ะ จุ๊บุ๊ๆ..) ครั้นมาดูรุ่นใหญ่บ้างบางต้นก็อยู่สูงลิบโผล่อยู่บนยอดหินผาสร้างความน่าทึ่งแก่สายตาที่ได้พบเห็น ลำต้นที่หนักเป็นตันพันกิโลไปตั้งตระหง่านอยู่ทำตัวเท่ห์ตรงนั้นได้ไง ตัวโยกเยกกิ่งก้านเรียงใบโบกไหวไหวไปตามสายลม ครั้งเรายังวัยเด็กยังจำได้ดีคุณปู่ได้เล่าให้ฟังว่า "ทุกหนแห่งและทุกแห่งหน" ปกคลุมและเต็มไปด้วยต้นไม้ไปทั่วพื้นที่สีเขียวชอุ่ม ปัจจุบันไม่สามารถพูดได้เต็มปากนัก "เป็นหย่อมๆ" น่าจะดูเต็มคำกว่า ต้นไม้ปกคลุมเป็นหย่อมๆกระจายไปตามความกดอากาศพัดผ่าน ช่วงเช้าเห็นแม่คะนิ้งเกาะบนยอดหญ้า กลางวันแดดเลียหน้าไหม้เกรียมไปตามๆกัน อาจจะฟังดูพิลึกพิกลดูผิดสถานการณ์แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเราเองก็ถูกครอบงำซึมซับจากรายการประจำวันพยากรณ์อากาศไปเสียแล้ว อนาคตอันใกล้อยากจะใช้คำว่า "ทุกหนแห่งและทุกแห่งหน" อย่างเต็มปากด้วยเช่นกัน คงต้องใช้วิทยายุทธของประเทศ ขับลมปราณของชาติ หลายๆชาติรวมกัน คงต้องใช้พลังมากโขอยู่และดูใหญ่เกินกำลัง คนตัวเล็กๆอย่างเราในโลกใบเขียวดูซีดๆ ได้เพียงเริ่มจากสิ่งเล็กๆสิ่งนั้นคือการปลูกต้นไม้ให้กับตัวเองสักต้นก็คงพอ ใครจะปลุกต้นตะบองเพชรก็ไม่ว่ากัน อีกมุมหนึ่งในมุมของเรา เรามองเห็นวิถีชีวิตของเค้าเหล่าคุณต้นไม้ เป็นวิถีชีวิตที่ไม่ตื่นเต้นอะไรเลย ไม่เคยเห็นต้นไม้เคลื่อนกระโดดไปนู้นไปนี้แก้เซ็งเพราะเบื่อปักหลักอยู่กับที่เก่า ไม่เคยเห็นต้นไม้ตะโกนโวกเวกโวยวายเสียงดัง อย่างมากก็แค่ส่งเสียงสบัดใบฟังแล้วก็ทำให้เพลิดเพลินไปด้วยซ้ำ แต่เรื่องโวกเวกก็ปฏิเสธไม่ได้ ต้นไม้ก็สามารถทำเสียงดังได้จริงๆ ครั้งเดียวจริงๆ ครั้งเดียวในนาทีสุดท้ายของชีวิต กัมปนาทเลยที่เดียว แต่น่าเสียดายที่เสียงดังขนาดนั้นผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถได้ยินอย่างชัดเจน ชีวิตที่แสนเรียบง่ายไม่ตื่นเต้น แฝงไปด้วยสิ่งที่น่าประทับใจที่เรายังพอมองเห็นหลายอย่างน่าปลี้มใจไม่น้อยเลยทีเดียว รู้หรือไม่ว่าคุณต้นไม้มีความคิด "ใช่" และเป็นความคิดที่น่าชื่นชมอย่างมากด้วย (นักพฤกษศาสตร์บอกมาว่ามันคือ วิวัฒนาการ ) แต่สิ่งที่คุณต้นไม้เค้าคิด คิดเป็นอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องเผ่าพันธุ์การสืบพันธุ์ขยายลูกหลาน เป็นต้นไม้ที่ทะลึ่งจริงๆ และเป็นการกระทำที่โจ่งแจ้งเปิดเผยต่อที่สาธารณะอีกด้วย ชูช่อชูดอกชูเกศรอย่างโจ่งแจ้ง แปลกแต่จริงกับสิ่งที่เห็น การกระทำที่อุกอาจไม่แคร์ต่อสายตาสาธารณะชน เชื่อไหมเรากลับไม่ได้รู้สึกถึงการอนาจารอะไรเลยกับการปฏิสัมพันธ์เสพสมในครั้งนี้ ยิ่งดูก็ยิ่งเพลิน เพลินตากับเหล่าแมลงและผีเสี้อที่บินว่อน ราวกับว่าเลือกไม่ถูกตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเกาะชูช่อดอกไหนดี ละลานตาไปหมด เราทั้งนั่งดูและยืนดูการเสพสมในครั้งนี้พลอยเป็นสักขีพยาน (เราก็ทะลึ่งเหมือนกันที่ทำหน้าตาเฉยกับเรื่องราวเรทเอกซ์อย่างนี้) จากตาที่ได้เห็นจากจมูกที่ได้กลิ่น ส่วนรสชาติก็ยังเคย เคยแอบช่วงชิงสัมพัทธ์แข่งกับเหล่าแมลงและผีเสี้อ ลิ้นแตะพิสูจน์หน้าปะแล่มๆ "อืม..รสหวานดีจริงด้วยสิ" แต่เราก็อดสงสัยต่อไม่ได้เลยว่า คุณต้นไม้เค้ารู้ได้อย่างไรว่าต้องออกลูกเป็นผล ผลไม้ที่ออกมาต้องหล่อเลี้ยงให้สุกงอม เวลาสุกงอมต้องสร้างรสชาติหอมหวานเพื่อดึงดูดเหล่านกกาสัตว์ใหญ่ มาเด็ดกินลิ้มชิมรส มูมมามทิ้งซากเกลือนกระจัดกระจายกระเด็นไปทั่ว เมล็ดแข็งถูกทิ้งเรี่ยราด รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่เหนือชั้นกว่านั้นไม่ได้อยู่ที่การสูญเสียเนี้อในที่หอมหวานหรือเปลือกนอกหุ้มเนี้อที่ปอบบาง เรานั่งมองซากเมล็ดดูดีๆ เหล่านกกาสัตว์ใหญ่เอ๋ย พวกเจ้าได้ถูกล่อลวงถูกหลอกใช้ กับแผนการที่ได้วางแผนไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วราวกับว่าเป็นแผนการของผู้ทรงภูมิปัญญายังไงยังงั้น แผนการประสบผลสำเร็จลุล่วงด้วยดีอย่างแยบยล วัฏจักรกำลังเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง แค่นี้ยังไม่พอ ไหนจะงานอดิเรกของเหล่าคุณต้นไม้อีกล่ะ วันๆไม่ทำอะไร มัวแต่ดูด ดูด ดูด แล้วก็ปล่อย ปล่อย ปล่อย ดูด ดูด ดูดคาร์บอนไดออกไซด์ แล้วก็ปล่อยอ๊อกซิเจน อยู่อย่างงี้
(คุณต้นไม้ทำเรื่องไร้สาระเป็นกันบ้างไหมเนี้ยะ?......)
รู้แล้วสินะว่าคุณต้มไม้ประคุณประโยชน์ต่อโลกและชาวโลกอย่างไร ไปเถอะพรุ่งนี้เราไปปลูกต้นไม้กัน....
อุทยานแห่งชาติในประเทศไทยมีอยู่ 148 แห่ง หากเราปลูกช่วยกันปลูกในวันนี้ รุ่นลูกรุ่นหลานจะได้นับเพิ่มอีกหนึ่งแห่งเป็นแห่งที่ 149 ในอนาคตอันใกล้
…..(ณ.กรุบกริบ)