แม่มดนั่งบนไม้กวาดแล้วบินผ่านดวงจันทร์
คือสัญญลักษณ์คลาสสิคของวันฮาโลวีน
และส่วนมากเธอจะเลี้ยงแมวดำ อีกา หรือ
มีเสียงหัวเราะแบบคนเจ้าเล่ห์/มีเล่ห์เหลี่ยม
แต่แม่มดในประวัติศาสตร์จริงที่ผ่านมา
จะไม่เหมือนกันนวนิยายเรื่อง Harry Potter เลย
เรื่องราวของแม่มดในอดีต/วันเก่า ๆ
มักจะคนหม้อต้มยาในเมืองเล็ก ๆ
ท่าทางไม่ชอบมาพากล
หรือเจ้าเล่ห์เพทุบายมีอำนาจครอบงำคนอ่อนแอกว่า
เรื่องราวของแม่มดเหล่านี้
อาจจะทำให้ต้องฉุกคิดในเรื่องเหล่านี้
หรือยิ้มปนสังเวชกับเรื่องราวของพวกเธอ
หมายเหตุ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
1.) Moll Dyer
Moll Dyer เป็นสตรีที่อยู่ตามลำพังในเขตชายขอบหมู่บ้าน
St. Mary's County รัฐ Maryland ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด
ชาวบ้านได้เผากระท่อมของเธอ แต่เธอหลบหนีรอดชีวิตได้
โดยหนีเข้าไปในป่า เชื่อกันว่า เธอสาปให้ชาวบ้านหมู่บ้านแห่งนั้น
ต้องตายกับโรคร้ายและตกอยู่กับฤดูหนาวอันแสนยาวนานเป็นเวลาถึงหลายปี
ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตบนก้อนหินก้อนหนึ่งที่ยังคงมีหลักฐานอยู่จนทุกวันนี้
2.) Maret Jonsdotter
Maret Jonsdotter คือ สตรีชาวสวีเดนคนแรก
ที่ถูกกล่าวหาโดยเสียงคนส่วนใหญ่ในการล่าแม่มด
ด้วยข้อหาจับผู้ชายมาควบขี่แบบม้าด้วยการใช้คาถาอาคมมืด Blockula
พร้อมกับจัดการพวกเหยื่ออย่างโหดร้ายด้วยการช่วยเหลือของปีศาจ
เธอไม่ยอมรับสารภาพแม้ว่าจะถูกทรมานอย่างแสนสาหัส
แม้ว่าในตอนแรกยังไม่มีกฎหมายให้ประหารชีวิตเธอ
แต่โชคร้าย ชาวเมืองตั้งกฎหมู่ขึ้นมาใหม่
โดยการตัดหัวของเธอแล้วเผาร่างเธอที่มัดติดกับเสาหลักประหาร
3.) Angela de la Barthe
Angela de la Barthe ถูกจับเผาทั้งเป็นกับหลักประหาร
หลังจากการพิจารณคดีของศาลศาสนาในปี 1275
ด้วยข้อหาการใช้เวทย์มนตร์คาถา พร้อมกับข้อหา
ให้กำเนิดปีศาจหมาป่างู ที่กินบรรดาเด็ก ๆ ลูกชาวบ้าน
(snake-wolf demon monster)
4.) Marie Laveau
รู้จักกันดีในฉายา ราชินีวูดูแห่งนิวออร์ลีนส์
(The Voodoo Queen of New Orleans)
เชี่ยวชาญในการปัดเป่าด้วยเวทย์มนตร์คาถา การควบคุมจิต
พลังทางโทรจิต และแม้แต่น้ำมันพราย(ทำให้คนหลงรัก)
เธอไม่เคยถูกตั้งข้อหาใด ๆ ในการใช้เวทย์มนตร์คาถา
ตอนเธอตายมีชาวบ้านมากกว่า 12,000 คนมาร่วมพิธีศพของเธอ
5.) Dame Alice Kyteler
เรื่องนี้ควรให้ความเป็นธรรมกับ Alice Kyteler
แม่มดหญิงคนแรกของ Ireland
ในปี 1324 ที่ Ireland มีผู้คนล้มตายจำนวนมาก
แต่เพราะเธออยู่กินกับสามีเป็นคนที่ 4 แล้ว
ถือว่าเป็นเรื่องมากเกินไปสำหรับบาทหลวงทางคริสตจักร
เธอจึงถูกกล่าวหาว่า ร่วมมือกับบรรดาพ่อมดแม่มด
และมีสัมพันธ์ทางเพศกับปีศาจ incubus
(ปีศาจที่มาร่วมประเวณีกับผู้หญิงขณะนอนหลับ)
6.) The Salem Witches
คดีแม่มดใน Salem Witch เริ่มในปี 1692
เมื่อลูกสาวกับหลานสาวของนักบวชรายหนึ่ง
ได้แสดงท่าทางตลก พร้อมกับกรีดร้อง
และขว้างปาข้าวของหลายอย่าง
หมอประจำเมืองได้วินิจฉัยว่า
พวกเธอทั้งสองคนถูกผีสิง
และต่อมาไม่นานมีคนอีก 200 คน
ที่ถูกกล่าวหาว่าเลี้ยงผีหรือใช้เวทย์มนตร์คาถา
ทำให้มีคนถึง 20 คนถูกประหารชีวิต
เพราะอาชญากรรมดังกล่าว
7.) Agnes Waterhouse
ในปี 1566 Agnes Waterhouse คือสตรีคนแรกของอังกฤษ
ที่ถูกประหารชีวิตด้วยข้อหาใช้เวทย์มนตร์คาถา(แม่มด)
มนตร์ดำของเธอทำให้ผู้ชายในเมืองล้มตายจำนวนมาก
และเธอยังเลี้ยงแมวตัวหนึ่งที่มืชื่อว่า ซาตาน (Satan)
ในขณะที่เธอกำลังเดินไปที่หลักประหาร
เธอยังพยายามจะฆ่าผู้ชายคนหนึ่งด้วย
แต่เพราะว่าผู้ชายคนนั้นเชื่อมั่นและศรัทธาในพระเจ้า
จึงได้รับการคุ้มครองปกป้องจากมนตร์ดำปีศาจของเธอ
ซาตาน คือ จอมมารปีศาจที่แปลงร่างเป็นงู
มาล่อลวงให้อีฟ(อีวา)กับอาดัม
กินผลแอปเปิ้ลในสวนสวรรค์อีเดนที่พระเจ้าห้ามไว้
จึงถูกลงโทษขับไล่จากสวนสวรรค์มาอยู่บนโลกมนุษย์
8.) Merga Bien
ในปี 1603 เจ้าชายเยอรมันนี
Balthasar von Dernbach แคว้น Fulda
เริ่มการล่าแม่มดด้วยการจัดการกับ
Merga Bien เป็นคนแรก
ด้วยข้อหาการเป็นแม่ม่ายถึง 2 ครั้ง
และเพิ่งจะแต่งงานกับสามีคนที่ 3
ลูกน้องของเจ้าชาย Von Dernbach
ทรมานเธอจนยอมรับสารภาพว่า
เธอใช้เวทย์มนตร์คาถามืดในการฆ่าสามี 2 คนก่อน
แม้ว่าเธอจะตั้งท้องในช่วงการพิจารณาคดีว่าเป็นแม่มด
ทำให้เธอคิดว่าเธอจะรอดตายจากการประหารชีวิต
แต่เจ้าชาย Von Dernbach กลับกล่าวหาว่า
ลูกของเธอเป็นลูกของซาตาน
เธอจึงถูกเผาไฟทั้งเป็นพร้อมกับหลักประหาร
เรียบเรียง/ที่มา
http://goo.gl/HYPFER
credit หนังสือ แวมไพร์ ภูติผี ปีศาจ ซาตาน แม่มด และศาสนา
เขียนโดย : ชัชรินทร์ ชัยวัฒน์ / สำนักพิมพ์ openbooks
– คู่มือการลงทัณฑ์แม่มด –
______________________
ยุโรปยุคกลาง ในช่วงศตวรรษที่ 15-17
ได้มีการล่าแม่มดกันอย่างหนักหน่วงยาวนาน
อันมีผลมาจากการที่ปัญญาชน นักวิทยาศาสตร์ นักคิด
รวมถึงบุคคลที่มีความรู้หลายคน
ต่างตั้งคำถามถึงอำนาจของศาสนจักร
ที่มากล้นจนบิดเบือนคำสอน
และนำมาซึ่งผลประโยชน์ส่วนตนอย่างไร้ความละอาย
การกลับคืนสู่ศาสนาดั้งเดิม
อันได้แก่การบูชาผีหรือลัทธิบูชาธรรมชาติ
ก่อนการมาถึงของศาสนาคริสต์
ได้ถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่ผนวกกับพิธีกรรมต่าง ๆ
จนกลายมาเป็นที่รู้จักในด้านการบูชา
ผีสาง ปีศาจ แม่มด หรือซาตาน
จากสายตาของศาสนจักรที่กำลังถูกสั่นคลอนความเชื่อ
การโต้กลับของศาสนจักรภายใต้การปกครองของ
สันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 8 (ค.ศ.1484-1492)
ได้พยายามปราบปราม “พวกนอกรีต” เหล่านี้
ด้วยการยัดเยียดข้อหาพ่อมดแม่มดให้
โดยมอบหมายหน้าที่ให้อาร์คบิชอร์ปแห่งซัลบวร์กไปจัดการ
ซึ่งอาร์คบิชอร์ปรายนี้ก็ “โยนงาน” ไปให้เฮนริค เครเมอร์
พระนักเทศน์รุ่นใหม่ไฟแรงแห่งคณะโดมินิคกัน
เป็นผู้จัดทำหนังสือ “คู่มือการลงทัณฑ์แม่มด” (Malleus Maleficarum) ขึ้น
เพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในการใช้กำลังจับกุมเหล่าพวกนอกรีต
ที่เห็นต่างหรือตั้งคำถามต่อศาสนจักร
ซึ่งในที่สุด การปราบปรามแม่มดนั้นง่าย
ต่อการนำไปใช้ในการใส่ร้ายบุคคลอื่น
จนทำให้ผู้ที่ถูกตั้งข้อหาว่าเป็นแม่มดหมอผี
ต้องเกิดความเดือดร้อนถึงแก่ชีวิตไปหลายต่อหลายราย
ความจริงที่น่าเศร้าอย่างหนึ่งก็คือ
หนังสือ “คู่มือการลงทัณฑ์แม่มด”
ที่เฮนริค เครเมอร์รับหน้าที่มาเขียนขึ้นนั้น
ส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องลวงโลก
ประติดประต่อมาจากนิทานโบราณ
หรือจินตนาการของตนเองทั้งสิ้น
เนื้อหาในหนังสือไม่ได้รับการยอมรับจาก
ศาสนาจารย์ชาวแคทอลิกจากมหาวิทยาลัยโคโลจ์ญ
แถมยังถูกวิพากย์วิจารณ์ว่ามั่วนิ่ม โมเม นั่งเทียน
และก่อให้เกิดความเดือนร้อนอันไม่เป็นธรรมอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งความไม่สมเหตุสมผลในการสืบสวนแม่มด
วิธีการสอบปากคำ และวิธีการทรมานให้ผู้ต้องหาให้รับสารภาพ
ที่นอกเหนือจะขัดแย้งกับหลักศาสนา
ก็ยังผิดหลักกฎหมายบ้านเมืองอย่างโจ่งแจ้ง
เมื่อเห็นว่าบรรดาพระผู้ใหญ่ที่มีความรู้
ไม่เห็นดีเห็นงามกับเรื่องโกหกพกลมที่ตนแต่งขึ้น
เฮนริค เครเมอร์จึงแก้เกมด้วยการดึงชื่อของ
บาทหลวงเจมส์ สปริงเกอร์ มาการันตีว่า
เป็นผู้ร่วมแต่งหนังสือเล่มนี้ด้วย
ไม่รู้ว่าเพราะตกกระไดพลอยโจน
หรืออยากมีส่วนร่วมอยากดังไปด้วยหรือเปล่า
บาทหลวงสปริงเกอร์จึงปล่อยเลยตามเลย
ให้ชื่อของตนมาสร้างความน่าเชื่อถือต่อ
คู่มือการใช้อำนาจของศาสนจักรเล่มนี้ได้โดยง่าย
“คู่มือการลงทัณฑ์แม่มด” เล่มนี้ถูกใช้เป็น
กฎเกณฑ์มาตรฐานของศาลศาสนา
ในการพิจารณาคดีความแม่มดต่าง ๆ
ซึ่งว่ากันว่าพวกคริสเตียนแท้ ๆ
กลับต้องถูกตำราที่เขียนขึ้นมั่ว ๆ
เพื่อใช้ลงทัณฑ์พวกนอกรีตมาถูกใช้ปรักปรำพวกตน
ด้วยวิธีการกล่าวหา ตรวจสอบข้อเท็จจริงแบบตามใจฉัน
ของศาลศาสนาในช่วงปี 1505 ในหลากหลายท้องที่
ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว คนที่ถูกกล่าวหา
ยากที่จะพิสูจน์ความบริสุทธ์ของตนได้โดยง่าย
เพราะถูกซัดทอดข้อหาจากคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม หรือคนที่ไม่ชอบขี้หน้าตน
ถูกนำมาย่างสด เผาไฟ บีบเล็บ ตอกขมับ ดำน้ำพิสูจน์ตนเอง
จนทนไม่ไหวต้องยอมรับสารภาพผิดทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ผิดอะไรแต่ต้น
หรือไม่ก็ต้องยอมยกทรัพย์สมบัติให้แก่เจ้าหน้าที่
ที่ตั้งตนเป็นผู้กล่าวหาเพื่อให้พ้นความผิดที่ตนถูกใส่ร้าย
และเกิดกรณีอย่างนี้ขึ้นกว่าหมื่น ๆ แสน ๆ ราย
ในการจับกุมแม่มดแห่งโลกยุคกลาง
ซึ่งดู ๆ ไปแล้วมักเป็นการกระทำ
เพื่อคงไว้ซึ่งอำนาจมากกว่า
การรักษาความบริสุทธิ์ผุดผ่องแห่งศาสนจักร
ตามความตั้งใจเบื้องต้น และยังทำให้ศานจักรมัวหมองอย่างถึงที่สุด
จนกระทั่งการการมาถึงของยุคเหตุผลนิยม
ที่ผู้คนตาสว่างจากการใช้ปัญญารวมไปถึง
วิทยาการที่เจริญก้าวหน้ามากขึ้น
ก็ทำให้อำนาจของศาสนจักรถูกแย่งพื้นที่
จนต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดกับการเติบโต
ของโลกที่ทันสมัยขึ้นทุกวัน
การตั้งข้อหาคนอื่นเป็นแม่มดนั้น
จึงไม่น่าเชื่อถือและล้าหลังไปมากเสียแล้ว
จากสติปัญญาที่มากขึ้นของผู้คนนั่นเอง
หมายเหตุ
โดยเหตุนี้มีส่วนทำให้มาร์ติน ลูเธอร์ คิง
นักบวชศาสนาคริสต์ในเยอรมันนี
อ่านคัมภีร์ไบเบิ้ล ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกของโลก
ตีความแล้วประกาศถามหาความจริงทางศาสนา
จนก่อให้เกิดศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์
ไม่ยอมรับอำนาจทางศาสนาจักรของ
พระสันตปาปานิกายโรมันคาทอลิค
จนเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทางศาสนาสองนิกาย
ระบาดไปทั่วยุโรปอีกนานนับปี
จนกระทั่งสุดท้ายหลายชาติในยุโรป
ต้องแยกศาสนาออกจากอาณาจักร
ไม่ให้มาปะปนกันจนเกิดความมั่วซั่วเหมือนในอดีต
แม่มดในอดีต
คือสัญญลักษณ์คลาสสิคของวันฮาโลวีน
และส่วนมากเธอจะเลี้ยงแมวดำ อีกา หรือ
มีเสียงหัวเราะแบบคนเจ้าเล่ห์/มีเล่ห์เหลี่ยม
แต่แม่มดในประวัติศาสตร์จริงที่ผ่านมา
จะไม่เหมือนกันนวนิยายเรื่อง Harry Potter เลย
มักจะคนหม้อต้มยาในเมืองเล็ก ๆ
ท่าทางไม่ชอบมาพากล
หรือเจ้าเล่ห์เพทุบายมีอำนาจครอบงำคนอ่อนแอกว่า
เรื่องราวของแม่มดเหล่านี้
อาจจะทำให้ต้องฉุกคิดในเรื่องเหล่านี้
หรือยิ้มปนสังเวชกับเรื่องราวของพวกเธอ
หมายเหตุ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
1.) Moll Dyer
Moll Dyer เป็นสตรีที่อยู่ตามลำพังในเขตชายขอบหมู่บ้าน
St. Mary's County รัฐ Maryland ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด
ชาวบ้านได้เผากระท่อมของเธอ แต่เธอหลบหนีรอดชีวิตได้
โดยหนีเข้าไปในป่า เชื่อกันว่า เธอสาปให้ชาวบ้านหมู่บ้านแห่งนั้น
ต้องตายกับโรคร้ายและตกอยู่กับฤดูหนาวอันแสนยาวนานเป็นเวลาถึงหลายปี
ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตบนก้อนหินก้อนหนึ่งที่ยังคงมีหลักฐานอยู่จนทุกวันนี้
2.) Maret Jonsdotter
Maret Jonsdotter คือ สตรีชาวสวีเดนคนแรก
ที่ถูกกล่าวหาโดยเสียงคนส่วนใหญ่ในการล่าแม่มด
ด้วยข้อหาจับผู้ชายมาควบขี่แบบม้าด้วยการใช้คาถาอาคมมืด Blockula
พร้อมกับจัดการพวกเหยื่ออย่างโหดร้ายด้วยการช่วยเหลือของปีศาจ
เธอไม่ยอมรับสารภาพแม้ว่าจะถูกทรมานอย่างแสนสาหัส
แม้ว่าในตอนแรกยังไม่มีกฎหมายให้ประหารชีวิตเธอ
แต่โชคร้าย ชาวเมืองตั้งกฎหมู่ขึ้นมาใหม่
โดยการตัดหัวของเธอแล้วเผาร่างเธอที่มัดติดกับเสาหลักประหาร
3.) Angela de la Barthe
Angela de la Barthe ถูกจับเผาทั้งเป็นกับหลักประหาร
หลังจากการพิจารณคดีของศาลศาสนาในปี 1275
ด้วยข้อหาการใช้เวทย์มนตร์คาถา พร้อมกับข้อหา
ให้กำเนิดปีศาจหมาป่างู ที่กินบรรดาเด็ก ๆ ลูกชาวบ้าน
(snake-wolf demon monster)
4.) Marie Laveau
รู้จักกันดีในฉายา ราชินีวูดูแห่งนิวออร์ลีนส์
(The Voodoo Queen of New Orleans)
เชี่ยวชาญในการปัดเป่าด้วยเวทย์มนตร์คาถา การควบคุมจิต
พลังทางโทรจิต และแม้แต่น้ำมันพราย(ทำให้คนหลงรัก)
เธอไม่เคยถูกตั้งข้อหาใด ๆ ในการใช้เวทย์มนตร์คาถา
ตอนเธอตายมีชาวบ้านมากกว่า 12,000 คนมาร่วมพิธีศพของเธอ
5.) Dame Alice Kyteler
เรื่องนี้ควรให้ความเป็นธรรมกับ Alice Kyteler
แม่มดหญิงคนแรกของ Ireland
ในปี 1324 ที่ Ireland มีผู้คนล้มตายจำนวนมาก
แต่เพราะเธออยู่กินกับสามีเป็นคนที่ 4 แล้ว
ถือว่าเป็นเรื่องมากเกินไปสำหรับบาทหลวงทางคริสตจักร
เธอจึงถูกกล่าวหาว่า ร่วมมือกับบรรดาพ่อมดแม่มด
และมีสัมพันธ์ทางเพศกับปีศาจ incubus
(ปีศาจที่มาร่วมประเวณีกับผู้หญิงขณะนอนหลับ)
6.) The Salem Witches
คดีแม่มดใน Salem Witch เริ่มในปี 1692
เมื่อลูกสาวกับหลานสาวของนักบวชรายหนึ่ง
ได้แสดงท่าทางตลก พร้อมกับกรีดร้อง
และขว้างปาข้าวของหลายอย่าง
หมอประจำเมืองได้วินิจฉัยว่า
พวกเธอทั้งสองคนถูกผีสิง
และต่อมาไม่นานมีคนอีก 200 คน
ที่ถูกกล่าวหาว่าเลี้ยงผีหรือใช้เวทย์มนตร์คาถา
ทำให้มีคนถึง 20 คนถูกประหารชีวิต
เพราะอาชญากรรมดังกล่าว
7.) Agnes Waterhouse
ในปี 1566 Agnes Waterhouse คือสตรีคนแรกของอังกฤษ
ที่ถูกประหารชีวิตด้วยข้อหาใช้เวทย์มนตร์คาถา(แม่มด)
มนตร์ดำของเธอทำให้ผู้ชายในเมืองล้มตายจำนวนมาก
และเธอยังเลี้ยงแมวตัวหนึ่งที่มืชื่อว่า ซาตาน (Satan)
ในขณะที่เธอกำลังเดินไปที่หลักประหาร
เธอยังพยายามจะฆ่าผู้ชายคนหนึ่งด้วย
แต่เพราะว่าผู้ชายคนนั้นเชื่อมั่นและศรัทธาในพระเจ้า
จึงได้รับการคุ้มครองปกป้องจากมนตร์ดำปีศาจของเธอ
ซาตาน คือ จอมมารปีศาจที่แปลงร่างเป็นงู
มาล่อลวงให้อีฟ(อีวา)กับอาดัม
กินผลแอปเปิ้ลในสวนสวรรค์อีเดนที่พระเจ้าห้ามไว้
จึงถูกลงโทษขับไล่จากสวนสวรรค์มาอยู่บนโลกมนุษย์
8.) Merga Bien
ในปี 1603 เจ้าชายเยอรมันนี
Balthasar von Dernbach แคว้น Fulda
เริ่มการล่าแม่มดด้วยการจัดการกับ
Merga Bien เป็นคนแรก
ด้วยข้อหาการเป็นแม่ม่ายถึง 2 ครั้ง
และเพิ่งจะแต่งงานกับสามีคนที่ 3
ลูกน้องของเจ้าชาย Von Dernbach
ทรมานเธอจนยอมรับสารภาพว่า
เธอใช้เวทย์มนตร์คาถามืดในการฆ่าสามี 2 คนก่อน
แม้ว่าเธอจะตั้งท้องในช่วงการพิจารณาคดีว่าเป็นแม่มด
ทำให้เธอคิดว่าเธอจะรอดตายจากการประหารชีวิต
แต่เจ้าชาย Von Dernbach กลับกล่าวหาว่า
ลูกของเธอเป็นลูกของซาตาน
เธอจึงถูกเผาไฟทั้งเป็นพร้อมกับหลักประหาร
http://goo.gl/HYPFER
credit หนังสือ แวมไพร์ ภูติผี ปีศาจ ซาตาน แม่มด และศาสนา
เขียนโดย : ชัชรินทร์ ชัยวัฒน์ / สำนักพิมพ์ openbooks
– คู่มือการลงทัณฑ์แม่มด –
______________________
ยุโรปยุคกลาง ในช่วงศตวรรษที่ 15-17
ได้มีการล่าแม่มดกันอย่างหนักหน่วงยาวนาน
อันมีผลมาจากการที่ปัญญาชน นักวิทยาศาสตร์ นักคิด
รวมถึงบุคคลที่มีความรู้หลายคน
ต่างตั้งคำถามถึงอำนาจของศาสนจักร
ที่มากล้นจนบิดเบือนคำสอน
และนำมาซึ่งผลประโยชน์ส่วนตนอย่างไร้ความละอาย
การกลับคืนสู่ศาสนาดั้งเดิม
อันได้แก่การบูชาผีหรือลัทธิบูชาธรรมชาติ
ก่อนการมาถึงของศาสนาคริสต์
ได้ถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่ผนวกกับพิธีกรรมต่าง ๆ
จนกลายมาเป็นที่รู้จักในด้านการบูชา
ผีสาง ปีศาจ แม่มด หรือซาตาน
จากสายตาของศาสนจักรที่กำลังถูกสั่นคลอนความเชื่อ
การโต้กลับของศาสนจักรภายใต้การปกครองของ
สันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 8 (ค.ศ.1484-1492)
ได้พยายามปราบปราม “พวกนอกรีต” เหล่านี้
ด้วยการยัดเยียดข้อหาพ่อมดแม่มดให้
โดยมอบหมายหน้าที่ให้อาร์คบิชอร์ปแห่งซัลบวร์กไปจัดการ
ซึ่งอาร์คบิชอร์ปรายนี้ก็ “โยนงาน” ไปให้เฮนริค เครเมอร์
พระนักเทศน์รุ่นใหม่ไฟแรงแห่งคณะโดมินิคกัน
เป็นผู้จัดทำหนังสือ “คู่มือการลงทัณฑ์แม่มด” (Malleus Maleficarum) ขึ้น
เพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในการใช้กำลังจับกุมเหล่าพวกนอกรีต
ที่เห็นต่างหรือตั้งคำถามต่อศาสนจักร
ซึ่งในที่สุด การปราบปรามแม่มดนั้นง่าย
ต่อการนำไปใช้ในการใส่ร้ายบุคคลอื่น
จนทำให้ผู้ที่ถูกตั้งข้อหาว่าเป็นแม่มดหมอผี
ต้องเกิดความเดือดร้อนถึงแก่ชีวิตไปหลายต่อหลายราย
ความจริงที่น่าเศร้าอย่างหนึ่งก็คือ
หนังสือ “คู่มือการลงทัณฑ์แม่มด”
ที่เฮนริค เครเมอร์รับหน้าที่มาเขียนขึ้นนั้น
ส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องลวงโลก
ประติดประต่อมาจากนิทานโบราณ
หรือจินตนาการของตนเองทั้งสิ้น
เนื้อหาในหนังสือไม่ได้รับการยอมรับจาก
ศาสนาจารย์ชาวแคทอลิกจากมหาวิทยาลัยโคโลจ์ญ
แถมยังถูกวิพากย์วิจารณ์ว่ามั่วนิ่ม โมเม นั่งเทียน
และก่อให้เกิดความเดือนร้อนอันไม่เป็นธรรมอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งความไม่สมเหตุสมผลในการสืบสวนแม่มด
วิธีการสอบปากคำ และวิธีการทรมานให้ผู้ต้องหาให้รับสารภาพ
ที่นอกเหนือจะขัดแย้งกับหลักศาสนา
ก็ยังผิดหลักกฎหมายบ้านเมืองอย่างโจ่งแจ้ง
เมื่อเห็นว่าบรรดาพระผู้ใหญ่ที่มีความรู้
ไม่เห็นดีเห็นงามกับเรื่องโกหกพกลมที่ตนแต่งขึ้น
เฮนริค เครเมอร์จึงแก้เกมด้วยการดึงชื่อของ
บาทหลวงเจมส์ สปริงเกอร์ มาการันตีว่า
เป็นผู้ร่วมแต่งหนังสือเล่มนี้ด้วย
ไม่รู้ว่าเพราะตกกระไดพลอยโจน
หรืออยากมีส่วนร่วมอยากดังไปด้วยหรือเปล่า
บาทหลวงสปริงเกอร์จึงปล่อยเลยตามเลย
ให้ชื่อของตนมาสร้างความน่าเชื่อถือต่อ
คู่มือการใช้อำนาจของศาสนจักรเล่มนี้ได้โดยง่าย
“คู่มือการลงทัณฑ์แม่มด” เล่มนี้ถูกใช้เป็น
กฎเกณฑ์มาตรฐานของศาลศาสนา
ในการพิจารณาคดีความแม่มดต่าง ๆ
ซึ่งว่ากันว่าพวกคริสเตียนแท้ ๆ
กลับต้องถูกตำราที่เขียนขึ้นมั่ว ๆ
เพื่อใช้ลงทัณฑ์พวกนอกรีตมาถูกใช้ปรักปรำพวกตน
ด้วยวิธีการกล่าวหา ตรวจสอบข้อเท็จจริงแบบตามใจฉัน
ของศาลศาสนาในช่วงปี 1505 ในหลากหลายท้องที่
ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว คนที่ถูกกล่าวหา
ยากที่จะพิสูจน์ความบริสุทธ์ของตนได้โดยง่าย
เพราะถูกซัดทอดข้อหาจากคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม หรือคนที่ไม่ชอบขี้หน้าตน
ถูกนำมาย่างสด เผาไฟ บีบเล็บ ตอกขมับ ดำน้ำพิสูจน์ตนเอง
จนทนไม่ไหวต้องยอมรับสารภาพผิดทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ผิดอะไรแต่ต้น
หรือไม่ก็ต้องยอมยกทรัพย์สมบัติให้แก่เจ้าหน้าที่
ที่ตั้งตนเป็นผู้กล่าวหาเพื่อให้พ้นความผิดที่ตนถูกใส่ร้าย
และเกิดกรณีอย่างนี้ขึ้นกว่าหมื่น ๆ แสน ๆ ราย
ในการจับกุมแม่มดแห่งโลกยุคกลาง
ซึ่งดู ๆ ไปแล้วมักเป็นการกระทำ
เพื่อคงไว้ซึ่งอำนาจมากกว่า
การรักษาความบริสุทธิ์ผุดผ่องแห่งศาสนจักร
ตามความตั้งใจเบื้องต้น และยังทำให้ศานจักรมัวหมองอย่างถึงที่สุด
จนกระทั่งการการมาถึงของยุคเหตุผลนิยม
ที่ผู้คนตาสว่างจากการใช้ปัญญารวมไปถึง
วิทยาการที่เจริญก้าวหน้ามากขึ้น
ก็ทำให้อำนาจของศาสนจักรถูกแย่งพื้นที่
จนต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดกับการเติบโต
ของโลกที่ทันสมัยขึ้นทุกวัน
การตั้งข้อหาคนอื่นเป็นแม่มดนั้น
จึงไม่น่าเชื่อถือและล้าหลังไปมากเสียแล้ว
จากสติปัญญาที่มากขึ้นของผู้คนนั่นเอง
หมายเหตุ
โดยเหตุนี้มีส่วนทำให้มาร์ติน ลูเธอร์ คิง
นักบวชศาสนาคริสต์ในเยอรมันนี
อ่านคัมภีร์ไบเบิ้ล ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกของโลก
ตีความแล้วประกาศถามหาความจริงทางศาสนา
จนก่อให้เกิดศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์
ไม่ยอมรับอำนาจทางศาสนาจักรของ
พระสันตปาปานิกายโรมันคาทอลิค
จนเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทางศาสนาสองนิกาย
ระบาดไปทั่วยุโรปอีกนานนับปี
จนกระทั่งสุดท้ายหลายชาติในยุโรป
ต้องแยกศาสนาออกจากอาณาจักร
ไม่ให้มาปะปนกันจนเกิดความมั่วซั่วเหมือนในอดีต