Knight and Magic: Programmer and Magic
รูปจาก
http://forums.animesuki.com/showthread.php?t=124024
คุราตะ ซึบาสะ โปรแกรมเมอร์มือชมังของบริษัท ไม่ว่าจะงานช้างเท่าไร ดีเลย์แค่ไหน เค้าสามารถเขียนโปรแกรมจนลุล่วงได้ ตามเวลา ฝีมือของเค้าเป็นที่เลืองลือในบริษัท เช่นเดียวกับความชอบของเค้า
ความคลั่งไคล้ในหุ่นยนต์ยักษ์ อย่างสุดขั้ว
วันหนึ่งเค้าถูกรถชนระหว่างทางกลับบ้าน เสียชีวิต เค้าไม่ได้ไปนรก หรือ สวรรค์ มันเหมือนหลับแล้วตื่นขึ้นมา ในร่างของเด็กทารก
แปลกที่ ต่างถิ่น ไร้ซึ่งความคุ้นเคย แต่ความทรงจำทั้งหมดของ คุราตะ ซึบาสะ ยังอยู่
เมื่อเวลาผ่านไป เค้าเริ่มเรียนรู้สิ่งต่างๆมากขึ้นพร้อมกับร่างกายที่เติบโตขึ้น
เริ่มเข้าใจว่าที่นี่คือทวีป เซทเลอร์ลุนด์ ในโลกที่ยังไม่ทราบชื่อ
โลกที่ไม่มี ทีวี ตู้เย็น ไฟฟ้า อินเตอร์เนท
โลกที่มีมอนเตอร์ อัศวิน เวทมนต์ และ
“หุ่นยนต์ยักษ์ ซิลลูเอทไนท์”
ด้วยความความคลั่งไคล้ในหุ่นยนต์ยักษ์อย่างสุดขั้ว เค้าจึงตั้งปฎิธานไว้ว่าจะเป็น ไนท์รันเนอร์ ขึ้นขับ ซิลลูเอทไนท์ ให้ได้
เค้าเตรียมความพร้อมให้แก่ตัวเอง ฝึกฝนศาสตร์ต่างๆที่จะทำให้ฝันของเค้าเป็นจริง
เมื่อถึงวัยเข้าโรงเรียน เค้าก็ได้เรียนรู้ว่าไม่ใช่ ไนท์รันเนอร์ ทุกคนจะได้ขึ้นขับ ซิลลูเอทไนท์
เพราะซิลลูเอทไนท์เป็นยุทธปกรณ์ที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนซับซ้อนที่สร้างได้ยาก กอบกับร่างกายของเค้าที่ตัวเล็กอาจจะทำให้ไม่ได้รับเลือก
แต่นั้นกลับนำมาซึ่งความคิดที่บ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม ถ้าจุดหมายคือแค่ได้ขึ้นขับ ซิลลูเอทไนท์
งั้นก็สร้าง ซิลลูเอทไนท์ เป็นของตัวเองซะสิ
แล้วต้องปรับแต่งเฉพาะตัวด้วย มันคือความคลาสสิกของจิตวิญญาณเหล็กไหล
ความคลาสสิกที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงและวุ่นวายต่อโลกนี้ ในกาลต่อไป
หัวใหม่ของค่ายพิมพ์ใหม่ ตอนเห็นประกาศครั้งแรกนี่ผมสนใจเรื่องนี้ไม่น้อย พอออกงานหนังสือก็ไม่พลาดที่จะจัดมา
ในเล่มหนึ่งนี้ ในมุมของผมเห็นว่ามันถูกแบ่งออกเป็นสองช่วง
1. Fantasy School Life
ในเนื้อเรื่องส่วนนี้ ส่วนตัวแล้วค่อนข้างน่าเบื่อครับ เพราะความที่พระเอกเราเทรนตัวเองมาตลอดกอบกับการใช้เวทย์ในโลกนี้มีความคล้ายคลึงกับการเขียนโปรแกรม ทำให้ระดับของตัวเอกสูงมาก มากจนเวลามีเหตุการณ์อะไรขึ้นมา
หวยล๊อก ไม่มีลุ้นเลย
เรื่องตรงส่วนนี้ได้เคยอ่านที่คล้ายๆกันมาหลายเรื่องแล้ว เลยรู้สึกเบื่อครับ
ส่วนที่น่าสนใจจะมีก็คือการที่ตัวเอกประยุกต์ความรู้ที่ตนมา สร้าง ดัดแปลง ปรับเปลี่ยน สิ่งต่างๆมาใช้งาน ซึ่งตรงนี้ผมว่าน่าจะเป็นแกนหลักของเรื่องเลยทีเดียว
2. Magical Giant Robot
ตรงส่วนนี้ผมว่าสนุกและแก้ปัญหา หมดลุ้น ได้ดีทีเดียว สาเหตุที่ส่วนนี้สนุก ผมมองว่าเพราะ
ตัวเอกไม่ได้เทพมากเกินอีกแล้ว จากข้อจำกัดต่างๆ
จากตัวเอง
จากตัวหุ่น
จากศัตรู
จากอาวุธที่ใช้
และข้อจำกัดอื่นๆ
ทำให้ลุ้นสนุกกว่าช่วงไม่ขับมาก
ความสามารถในการประยุกต์ยังเอามาใช้กับหุ่นได้พลิกแพลงดีด้วย
มาว่าเรื่องตัวละครบ้าง เรื่องนี้ประกอบไปด้วยตัวละครที่หลายหลากดีครับ แต่ขอเจาะจงที่ตัวเอกคนเดียว
ขอยอมรับว่าก่อนอ่านผมมีอคติเล็กน้อยที่ตัวเอกคือ โอตาคุหุ่นยนต์กลับชาติมาเกิด
กลัวว่าจะเป็นเรื่องราวจะบ้าๆบอๆ ของหนุ่มคลั่งหุ่น
แต่พออ่านแล้ว ถึงเค้าจะเป็นโอตาคุ ถึงจะคลั่งไคล้หุ่นยนต์อย่างหนัก แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลยกว่านั้น
การเข้าสังคม การปรับตัว ไหวพริบ มีอารมณ์ต่างๆ
มีจุดหมาย มีความอดทนและสามารถ ความคิดความอ่านดี
ไม่ใช่โอตาคุที่คลั่งไปวันๆ ผมเลยรับได้
ข้อด้อยของเรื่องนี้นอกจากส่วน School Life แล้วก็มีเรื่องของภาพประกอบครับ
ส่วนของภาพสีไม่มีอะไร ปัญหาคือภาพขาวดำข้างใน
ผมดูแล้วรู้สึกถึงเรื่อง สาวน้อยที่แขวนโบ
ที่นักวาดเขียน background ไม่เก่งเลยตัดปัญหาไม่เขียนซะเลย
รูปตัวละครต่างๆเลยดูโดดแปลกๆ
สรุป 3ดาวครึ่งครับ ที่ให้แค่นี้ไม่ใช่เพราะไม่สนุกน่ะครับแต่อ่านแล้วมันสนุกครึ่งเล่ม น่าเบื่อครึ่งเล่ม
แต่ยอมรับว่าไอเดียดีน่าสนใจครับ ผมได้แนบรูปที่สรุปความรู้สึกเมื่ออ่านเรื่องมาด้วยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[CR] ์New LN Review:Knight and Magic, Programmer and Magic
รูปจาก http://forums.animesuki.com/showthread.php?t=124024
คุราตะ ซึบาสะ โปรแกรมเมอร์มือชมังของบริษัท ไม่ว่าจะงานช้างเท่าไร ดีเลย์แค่ไหน เค้าสามารถเขียนโปรแกรมจนลุล่วงได้ ตามเวลา ฝีมือของเค้าเป็นที่เลืองลือในบริษัท เช่นเดียวกับความชอบของเค้า
ความคลั่งไคล้ในหุ่นยนต์ยักษ์ อย่างสุดขั้ว
วันหนึ่งเค้าถูกรถชนระหว่างทางกลับบ้าน เสียชีวิต เค้าไม่ได้ไปนรก หรือ สวรรค์ มันเหมือนหลับแล้วตื่นขึ้นมา ในร่างของเด็กทารก
แปลกที่ ต่างถิ่น ไร้ซึ่งความคุ้นเคย แต่ความทรงจำทั้งหมดของ คุราตะ ซึบาสะ ยังอยู่
เมื่อเวลาผ่านไป เค้าเริ่มเรียนรู้สิ่งต่างๆมากขึ้นพร้อมกับร่างกายที่เติบโตขึ้น
เริ่มเข้าใจว่าที่นี่คือทวีป เซทเลอร์ลุนด์ ในโลกที่ยังไม่ทราบชื่อ
โลกที่ไม่มี ทีวี ตู้เย็น ไฟฟ้า อินเตอร์เนท
โลกที่มีมอนเตอร์ อัศวิน เวทมนต์ และ
“หุ่นยนต์ยักษ์ ซิลลูเอทไนท์”
ด้วยความความคลั่งไคล้ในหุ่นยนต์ยักษ์อย่างสุดขั้ว เค้าจึงตั้งปฎิธานไว้ว่าจะเป็น ไนท์รันเนอร์ ขึ้นขับ ซิลลูเอทไนท์ ให้ได้
เค้าเตรียมความพร้อมให้แก่ตัวเอง ฝึกฝนศาสตร์ต่างๆที่จะทำให้ฝันของเค้าเป็นจริง
เมื่อถึงวัยเข้าโรงเรียน เค้าก็ได้เรียนรู้ว่าไม่ใช่ ไนท์รันเนอร์ ทุกคนจะได้ขึ้นขับ ซิลลูเอทไนท์
เพราะซิลลูเอทไนท์เป็นยุทธปกรณ์ที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนซับซ้อนที่สร้างได้ยาก กอบกับร่างกายของเค้าที่ตัวเล็กอาจจะทำให้ไม่ได้รับเลือก
แต่นั้นกลับนำมาซึ่งความคิดที่บ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม ถ้าจุดหมายคือแค่ได้ขึ้นขับ ซิลลูเอทไนท์
งั้นก็สร้าง ซิลลูเอทไนท์ เป็นของตัวเองซะสิ
แล้วต้องปรับแต่งเฉพาะตัวด้วย มันคือความคลาสสิกของจิตวิญญาณเหล็กไหล
ความคลาสสิกที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงและวุ่นวายต่อโลกนี้ ในกาลต่อไป
หัวใหม่ของค่ายพิมพ์ใหม่ ตอนเห็นประกาศครั้งแรกนี่ผมสนใจเรื่องนี้ไม่น้อย พอออกงานหนังสือก็ไม่พลาดที่จะจัดมา
ในเล่มหนึ่งนี้ ในมุมของผมเห็นว่ามันถูกแบ่งออกเป็นสองช่วง
1. Fantasy School Life
ในเนื้อเรื่องส่วนนี้ ส่วนตัวแล้วค่อนข้างน่าเบื่อครับ เพราะความที่พระเอกเราเทรนตัวเองมาตลอดกอบกับการใช้เวทย์ในโลกนี้มีความคล้ายคลึงกับการเขียนโปรแกรม ทำให้ระดับของตัวเอกสูงมาก มากจนเวลามีเหตุการณ์อะไรขึ้นมา
หวยล๊อก ไม่มีลุ้นเลย
เรื่องตรงส่วนนี้ได้เคยอ่านที่คล้ายๆกันมาหลายเรื่องแล้ว เลยรู้สึกเบื่อครับ
ส่วนที่น่าสนใจจะมีก็คือการที่ตัวเอกประยุกต์ความรู้ที่ตนมา สร้าง ดัดแปลง ปรับเปลี่ยน สิ่งต่างๆมาใช้งาน ซึ่งตรงนี้ผมว่าน่าจะเป็นแกนหลักของเรื่องเลยทีเดียว
2. Magical Giant Robot
ตรงส่วนนี้ผมว่าสนุกและแก้ปัญหา หมดลุ้น ได้ดีทีเดียว สาเหตุที่ส่วนนี้สนุก ผมมองว่าเพราะ
ตัวเอกไม่ได้เทพมากเกินอีกแล้ว จากข้อจำกัดต่างๆ
จากตัวเอง
จากตัวหุ่น
จากศัตรู
จากอาวุธที่ใช้
และข้อจำกัดอื่นๆ
ทำให้ลุ้นสนุกกว่าช่วงไม่ขับมาก
ความสามารถในการประยุกต์ยังเอามาใช้กับหุ่นได้พลิกแพลงดีด้วย
มาว่าเรื่องตัวละครบ้าง เรื่องนี้ประกอบไปด้วยตัวละครที่หลายหลากดีครับ แต่ขอเจาะจงที่ตัวเอกคนเดียว
ขอยอมรับว่าก่อนอ่านผมมีอคติเล็กน้อยที่ตัวเอกคือ โอตาคุหุ่นยนต์กลับชาติมาเกิด
กลัวว่าจะเป็นเรื่องราวจะบ้าๆบอๆ ของหนุ่มคลั่งหุ่น
แต่พออ่านแล้ว ถึงเค้าจะเป็นโอตาคุ ถึงจะคลั่งไคล้หุ่นยนต์อย่างหนัก แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลยกว่านั้น
การเข้าสังคม การปรับตัว ไหวพริบ มีอารมณ์ต่างๆ
มีจุดหมาย มีความอดทนและสามารถ ความคิดความอ่านดี
ไม่ใช่โอตาคุที่คลั่งไปวันๆ ผมเลยรับได้
ข้อด้อยของเรื่องนี้นอกจากส่วน School Life แล้วก็มีเรื่องของภาพประกอบครับ
ส่วนของภาพสีไม่มีอะไร ปัญหาคือภาพขาวดำข้างใน
ผมดูแล้วรู้สึกถึงเรื่อง สาวน้อยที่แขวนโบ
ที่นักวาดเขียน background ไม่เก่งเลยตัดปัญหาไม่เขียนซะเลย
รูปตัวละครต่างๆเลยดูโดดแปลกๆ
สรุป 3ดาวครึ่งครับ ที่ให้แค่นี้ไม่ใช่เพราะไม่สนุกน่ะครับแต่อ่านแล้วมันสนุกครึ่งเล่ม น่าเบื่อครึ่งเล่ม
แต่ยอมรับว่าไอเดียดีน่าสนใจครับ ผมได้แนบรูปที่สรุปความรู้สึกเมื่ออ่านเรื่องมาด้วยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้