เรื่องผีในโรงพยาบาล3

เรื่องเล่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องของคนใน รพ บุคลากรอีกท่าน
ที่ผมค่อนข้างรู้สึกว่าเขาทำงานหนักไม่แพ้ทุกคน
และต้องใช้ความสามารถและความอดทนสูง

ตำแหน่งนี้คือ  คนขับรถส่งต่อ (Refer) ของ รพ.

   คนขับรถ รพ. นี่ไม่ใช่สมัครมาง่ายๆนะครับ
ต้องคัดกันพอสมควร ต้องมีทั้งความเร็วในการขับรถ
ที่อยู่ในระดับเร็วแต่ไม่อันตราย แล้วผู้ป่วย
ก็ต้องไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัยด้วย

     โดยพี่คนนี้ที่ผมรู้จัก แกอายุราว40ปี
ทำงานในรพมานานตั้งแต่วัยรุ่น นิสัยเป็นคนเฮฮา
พูดคุยสนุกสนาน ขับรถไม่เคยเกิดอุบัติเหตุหนักๆ

เพียงแต่มีครั้งนึง ที่ทำให้แกบอกว่าทำให้แกเกือบตายเพราะปาก
หลังจากวันนั้น แกเลยให้ความเคารพสิ่งที่มองไม่เห็นมากขึ้น...

โดยในคืนวันที่เกิดเหตุสิบกว่าปีก่อน , แกอยู่เวร
และได้รับแจ้งว่ามีเคสต้องส่งตัวไป รพ ใหญ่
เวลานั้นประมาณตี1 โดยคนไข้ เป็นชายวัย70ปี ถูกรถยนต์ชนแล้วหนี
อาการคนไข้แย่มาก แพทย์ใส่ท่อช่วยหายใจ แล้วส่งไป รพ ศูนย์

แกก็เอาคนไข้ขึ้นรถ , สมัยก่อนถนนหนทางก็ไม่ได้ดีมาก
ข้างทางยังเป็นป่าสวนยางของชาวบ้าน
ตามถนนนานๆ จะมีเสาไฟสักดวง

แกก็ไปกับพยาบาล2คนที่คอยดูแลคนไข้ตลอดทาง
ปั๊มหัวใจไป ฉีดยาไป

, จนพอไปถึง รพใหญ่ อาการคงหนักเกิน หมอที่นั่นก็ช่วยไม่ได้
สรุป คนไข้เสียชีวิตในห้องฉุกเฉินในไม่กี่ชั่วโมงถัดมา

    ทีนี้ทางโรงพยาบาลศูนย์ ก็เลยประสานให้ รพเดิม
มารับศพกลับไปด้วยในคืนนั้น
/เพราะทางญาติทราบข่าวแล้ว และต้องการนำไปบำเพ็ญกุศลต่อ

ตอนนั้น แกขับรถออกมาจนถึง รพ เดิม,,
แต่ต้องขับกลับไปอีก รวมไปๆมาๆ 4เที่ยว

ทั้งในเวลาดึกแบบนี้ ระยะทางเกือบ50 กิโล
..แกเลยค่อนข้างฉุนนิดหน่อย
จึงสบถออกมากับตัวเองอย่างไม่ตั้งใจ ด้วยความที่ยังวัยรุ่น
ตอนจะออกไปรับศพว่า

ยิ้มเอ้ยยย ทำไมรีบตายจังวะเนี่ย ตายพรุ่งนี้เช้าก็ไม่ได้”

คือจริงๆจะโทษใครก็ไม่ได้
เพราะคนไข้จะมาเป็นอะไร ตอนไหนไม่มีใครรู้

แกเลยต้องขับไปรับศพกลับตามหน้าที่
ทีนี้ขาไปรับ ยิ่งดึก ยิ่งเปลี่ยว แล้วไปคนเดียวด้วย
(เพราะไปแค่รับศพ พยาบาลไม่ต้องไป)

ตอนไปแกก็ทำให้ตัวเองไม่ง่วง
เปิดเพลงฟังไปเรื่อย ก็ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไร

จนถึง รพใหญ่ ก็ช่วยกันกับ จนท รพ จัดแจงเอาศพมัด
ใส่ด้านหลังรถ เพื่อขับกลับ

ระหว่างทางขากลับ ก็ขับไปสบายๆ
ไม่ได้เปิดหวอไซเรน เพราะไม่รีบอะไร

ไปได้ครึ่งทาง ถึงช่วงที่เป็นถนน2เลน
ปกคลุมด้วยป่ายางข้างทาง

..จู่ๆแกก็เห็น ชายแก่คนนึง เดินอยู่ริมข้างทางด้านเดียวกับแก
ใส่เสื้อขาว กางเกงขาสั้น ไม่ทันเห็นหน้า

ก็ขับผ่านไป ไม่ได้คิดอะไร
เพียงแต่ คิดว่าป่านนี้เกือบตี3 แล้ว ใครจะมาเดินอยู่
อาจจะเป็นชาวสวนยางหลังตัดยางเสร็จก็ได้

ก็ขับไปต่อ แต่ไม่ถึง5นาที
แกเจอชายแก่อีกคนเดินอยู่ แต่ทีนี้เดินฝั่งตรงข้ามกับแก
เดินก้มหน้า และเหมือนจะไม่มีหน้า !!

แล้วที่แปลกคือใส่ชุดเดียว
กับชายแก่ที่แกเห็นเมื่อกี้นี้เป๊ะ !!

ตอนนั้นแกเริ่มตกใจ ขนลุก อยากกลับ รพ ให้เร็วที่สุด
เลยเหยียบคันเร่งขึ้นอีก

แล้วพุ่งทะยานไปในความมืด
แต่ไม่ทันไปได้ไกล แกก็ต้องเหยียบเบรคตัวโก่ง

เพราะบนถนนข้างหน้าในระยะไม่ถึง1เมตร
....
เป็นชายแก่เสื้อขาวคนเดิมที่เห็น ยืนหันขวางให้แกอยู่ !!

ขณะนั้น เท้าเหยียบเบรกค้าง แต่มือแกที่สั่น
ค่อยๆเอื้อมไปจับองค์พระประจำรถที่แกเคารพบูชา ,
พร้อมท่องบทสวดนะโม

แต่ท่องไปไม่ทันไร ชายแก่ที่ยืนหยุดนิ่งตรงหน้ารถนั้น
ก็ค่อยๆหันหน้ามา ดวงตาถลุนแดงก่ำ
สีหน้าแค้นเคืองเหมือนโกรธแค้นแกมาก
เสื้อจากที่เป็นสีขาว ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด
แล้วชี้มาที่แก

...พร้อมตะโกน ด้วยน้ำเสียงแหบแห้งน่าขนลุก ว่า

“ ด่า กู ทำ ไม !! !!

ตอนนั้นแกบอก แกไม่คิดอะไรแล้ว ชนก็ชน เพราะคงไม่ใช่คนแน่
เลยเหยียบคันเร่งไปมิด ระหว่างขับไปก็ได้ยินเสียง
เหมือนมีคนเคาะ “โครมโครม”  “ปังปัง”
ทุบบนตัวรถโดยรอบตลอดทาง

จนถึงทางโค้งที่อันตราย เพราะเป็นทางลาดชัน
, ด้วยความที่ขับมาเร็ว แกเกิดเสียหลัก

ล้อหมุนปัด จนแกบังคับพวงมาลัยไม่ได้

ในขณะนั้นแกคิดว่า ต้องชนต้นไม้จังๆแน่ วินาทีสุดท้ายนึกถึง
แต่หน้าผู้มีพระคุณ และขอโทษสรรพสิ่งวิญญาณที่ได้ล่วงเกิน

พลันรถก็เบี่ยงหลบต้นไม้ไปได้เฉียดฉิว
มีแค่กระจกมองข้างหัก และรถถลอกเล็กน้อย

สุดท้ายแกก็ค่อยๆประคับประคองรถต่อไปได้ ,
เลี้ยวหัวกลับ และรีบบึ่งกลับ รพ จนถึงอย่างปลอดภัยในคืนนั้น
ท่ามกลางความตกใจของทุกคนที่รู้ข่าว
...
หลังจากนั้นแกก็เลิกพูดพล่อยๆอีก

และขอไม่ขับรถส่งต่อคนไข้
ในเวรดึกเป็นเวลาหลายเดือน

(โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เพราะแกอาจอ้าง
เรื่องนี้มา เพื่อขี้เกียจขึ้นเวรดึกก็เป็นได้)

---------------------------
ถ้าชอบ ไปตามอ่านต่อได้ที่เพจครับ/มีหลายเรื่อง
ถ้าไม่ชอบไม่ต้องกดจ้า

https://m.facebook.com/docfriend
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่