เรื่องนี้ผมอยากเอามาแชร์เพื่อหาหนทางสำหรับคนเป็นหนี้นอกระบบและเป็นอุทธาหรณ์ครับ
1. ตอนนี้ผมทำงานอยู่ในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งครับ ได้เกือบ 1 ปี เงินเดือนโดยรวมทุกอย่างแล้ว ขาดอีกไม่กี่พันก็ถึงแสน โดยฐานเงินเดือนอยู่ที่ 80000 บาท เป็นหนี้นอกระบบ 180000 บาทครับ ต้องเสียดอกเบี้ย ร้อยละ 20 ต่อเดือน ใช่ครับ ผมต้องเสียดอกเบี้ย 36000 บาทต่อเดือน โดยที่ต้นไม่ลด แถมยังต้องผ่อนรถอีกเดือนละ 20000 บาท ค่าห้องอีก 5000 รวมๆแล้วต้องจ่าย 55000 บาทต่อเดือนเป็นอย่างน้อย
แต่ด้วยความที่ผมอยากให้หนี้หมดเร็วๆครับ ผมจ่ายหนี้เดือนละประมาณ 50000 บาท ลดต้นลดดอก โดยเหลือใช้แค่เดือนละ 5000 บาท กับค่าน้ำมันและค่าโทรศัพท์ที่บริษัทให้และ ผมยังต้องใช้รถทำงานทุกวัน เป็นเวลา 4 เดือนครับ และเดือนนี้ครับเดือนสุดท้าย เดือนที่ 5 ผมปิดยอดไปที่ 80000 กว่าบาท ใช่ครับ มันคือเงินเดือนของผมเดือนนี้ โดยที่ผมยังไม่ได้จ่ายค่าผ่อนรถ และค่าห้อง รวมถึงชีวิตของผมในเดือนหน้า
2. ผมติดแบล๊กลิสต์ครับ เมื่อปี 2010 ผมได้ทำการกู้เงินจากธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อลาพักร้อนไปเที่ยวต่างประเทศ 1 อาทิตย์เพื่อไปหาแฟนซึ่งไปเรียนต่อและกำลังจะจบ ป.โท ตอนนั้นผมเป็นพนักงานเงินเดือนแค่ 15000 กู้ได้มาแค่ประมาณ 30000 บาทครับ ผ่อนแค่เดือนละพันกว่าบาท ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรเพราะไม่ต้องเสียค่าห้องและค่ารถไปทำงาน
พอกลับมาจากอังกฤษได้ 3 เดือน ผมได้งานใหม่เงินเดือน 25000 บาทครับ และย้ายที่อยู่ใหม่เป็นห้องเช่า ตอนนั้นก็ยังจ่ายหนี้เป็นปกติ แต่พอทำงานที่ใหม่ได้ประมาณ 6 เดือนครับ บริษัทมีโปรเจ็คที่ต้องไปทำต่างประเทศ ทางบริษัทจึงตัดสินใจส่งผมไปทำงาน เป็นเวลา 1 ปี โดยจะได้เบี้ยเลี้ยงเพิ่ม 30000 บาทต่อเดือน ผมเห็นว่าเป็นโอกาสดีจึงตัดสินใจไปครับ
โดยที่ไม่ได้ชำระเงินที่กู้มากับทางธนาคารเลย แต่ผมยังเช่าห้องไว้ครับไว้เก็บของครับ เนื่องจากเป็นคนต่างจังหวัด และผมก็โอนเงินให้แฟนในขณะนั้นมาจ่ายค่าห้องให้ทุกเดือน โดยที่ช่วงแรกไม่กล้าบอกแฟนเรื่องกู้ครับ จนผมลืมไปเลยว่ากู้เงินมา เป็นเวลา 1 ปีเต็มๆ พอกลับมาในเดือนมกราคม 2012 ผมกลับมาในสภาพห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่นและจดหมายทวงเงินจากทางธนาคารและจดหมายดำเนินคดี
ผมนำเงินไปปิดหนี้ทั้งหมดทันที ซึ่งเหตุนี้ทำให้ผมติดแบล๊กลิสต์จนถึง มกราคมปี 2015 ครับ ใน 1 ปีที่ผมอยู่ต่างประเทศ แฟนผมไม่เคยเปิดห้องเข้ามาดูเลยทั้งที่ผมให้กุญแจห้องไว้ ผมเข้าใจครับว่ามันก็ไม่ใช่ความผิดของเค้า เป็นความผิดของผมเอง และเรื่องนี้ รวมถึงความห่างไกล และอะไรอีกหลายอย่าง เป็นชนวนเหตุให้เราต้องเลิกกัน
3. ผมมีกิจการที่เจ๊งไปแล้วและทำให้ผมเป็นหนี้ดังกล่าวครับ หลังจากที่ผมกลับมาจากต่างประเทศ ผมมีเงินเก็บประมาณ 300000 บาท ก็เอาไปลงทุนเล่นหุ้นเรื่อยเปื่อย และผมทำงานที่เดิม ได้ขึ้นเงินเดือนเปน 30000 บาทแต่ไม่ได้ไปต่างประเทศแล้ว ผมอยู่ต่ออีกปี ผมก็เปลี่ยนงานอีกครั้งครับ โดยครั้งนี้เงินเดือนอยู่ที่ 60000 บาท แต่เป็น contract ระยะสัญญาจ้าง 6 เดือน
เงื่อนไขคือผ่านระยะสัญญาจ้าง 6 เดือนจะได้บรรจุเป็นพนักงานประจำ เดือนที่ 5 บริษัทจะจ้างผมเป็นพนักงานประจำที่เงินเดือน 50000 บาทครับ และได้สวัสดิการต่างๆ แต่ผมกลับปฏิเสธ และออกมาหาช่องทางทำธุรกิจของตัวเองด้วยเงินทุน 500000 บาท ส่วนหนึ่งก็อยู่ในหุ้น และ ผมร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิดบาร์แห่งหนึ่ง ซึ่งขาดทุนทุกเดือนครับ ทั้งๆที่ก็พอมีคนอยู่บ้าง
ผมทำอยู่ได้เกือบครึ่งปีเงินก็เริ่มจะหมดครับ เนื่องจากใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และเที่ยวซะเป็นส่วนใหญ่ ผมตัดสินใจหางานอีกครั้งช่วงปลายปีที่แล้ว ก็ได้งานเงินเดือน 55000 บาทครับ โดยที่ให้เพื่อนของผมเป็นคนดูแลร้าน ส่วนผมมาทำงานประจำ ทำอยู่ได้ไม่กี่เดือนครับ ก็ออกรถใหม่ ถึงแม้ว่าผมจะติดแบล๊กลิสต์มันเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ผมได้งานใหม่ และงานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน
และแล้วหนี้ก้อนโตก็เกิดครับ ในใจผมตอนนั้นอยากเลิกทำร้าน มาทำงานประจำอย่างเดียวครับ แต่ด้วยความที่กลัวขายหน้า พอเพื่อนบอกจะลงทุนเพิ่ม เพื่อโฆษณาและขยายร้าน ทำหลายอย่างบลาๆๆ แถมเพื่อนก็มีเงินลงทุนกันทุกคน สุดท้ายมีผมคนต้องไปกู้เงินมา 250000 บาท เพื่อมาลงหุ้นใหม่ครับ ซึ่งดอกเบี้ยก็มหาโหดครับ ร้อยละ 20 ใครที่ทำกิจการคงรู้ดี และเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้นครับ เจ๊ง ไม่มีคน
ผมแทบไม่อยากเชื่อและไม่อยากคุยกับเพื่อนทุกคน เข้าใจว่าทุกคนก็เสียเงินไปเหมือนกัน และคงมีหนี้เหมือนกับผม จะให้ใครช่วยล่ะครับทีนี้ ผมเป็นหนี้ 180000 บาท ซึ่งผมพยายามหากู้ธนาคารเพื่อมาโปะแล้ว แต่ก็กู้ไม่ผ่านเพราะติดเบล๊กลิสต์ และมีหนี้อื่นๆ ที่หยิบยืมจากเพื่อนในช่วงเดือน มาประมาณ 30000 บาท ซึ่ง 20000 เพื่อนบอกว่าให้มีแล้วค่อยจ่ายครับ แต่อีก 10000 ต้องคืนให้สิ้นเดือนครับ
4. รบกวนแนะนำหรือหาช่องทางให้ผมหน่อยครับ ตอนนี้เหลือเงินอยู่ 1000 บาท หากมีวิธี หรือ ใครใจดีปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ inbox มาหาผมก็ได้ครับ จะเป็นพระคุณมาก ผมนอนไม่หลับ คิดมาก เลยมาตั้งกระทู้ครับ พรุ่งนี้ก็เป็นวันทำงานอีกวันหนึ่ง อยากกู้ซัก 50000 บาทครับ ผมจะจ่ายคืนภายใน 2 เดือน และสิ้นปีผมมีโบนัสอีก 1 เดือนครับ ซึ่งน่าจะได้ประมาณ 60000 บาท
ปล. หลายคนอาจจะบ้าผมบ้า ทำไมถึงจ่ายไปทีเดียวหมดในเดือนนี้ คือผมโดนใช้คำพูดที่รุนแรงจากคนปล่อยกู้ครับ ไม่อยากเจอหน้าเค้าอีก ไม่อยากโทรไปรายงานชีวิตประจำวัน ไม่ๆๆ หลายอย่าง ที่ทำผมเครียดจนจะเป็นบ้า รวมถึงไม่อยากกู้เงินกับคนนี้อีกครับ ส่วนที่บ้านผมก็พึ่งอะไรไม่ได้ครับ ตอนช่วงมีเงินก็ส่งให้ที่บ้านทุกเดือน แต่ตอนนี้ไม่ได้ส่งแล้ว คงต้องปลดหนี้ก่อน
พนักงานบริษัท เงินเดือนเกือบแสน มีกิจการส่วนตัว แต่เป็นหนี้นอกระบบ ชีวิตลำเค็ญ
1. ตอนนี้ผมทำงานอยู่ในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งครับ ได้เกือบ 1 ปี เงินเดือนโดยรวมทุกอย่างแล้ว ขาดอีกไม่กี่พันก็ถึงแสน โดยฐานเงินเดือนอยู่ที่ 80000 บาท เป็นหนี้นอกระบบ 180000 บาทครับ ต้องเสียดอกเบี้ย ร้อยละ 20 ต่อเดือน ใช่ครับ ผมต้องเสียดอกเบี้ย 36000 บาทต่อเดือน โดยที่ต้นไม่ลด แถมยังต้องผ่อนรถอีกเดือนละ 20000 บาท ค่าห้องอีก 5000 รวมๆแล้วต้องจ่าย 55000 บาทต่อเดือนเป็นอย่างน้อย
แต่ด้วยความที่ผมอยากให้หนี้หมดเร็วๆครับ ผมจ่ายหนี้เดือนละประมาณ 50000 บาท ลดต้นลดดอก โดยเหลือใช้แค่เดือนละ 5000 บาท กับค่าน้ำมันและค่าโทรศัพท์ที่บริษัทให้และ ผมยังต้องใช้รถทำงานทุกวัน เป็นเวลา 4 เดือนครับ และเดือนนี้ครับเดือนสุดท้าย เดือนที่ 5 ผมปิดยอดไปที่ 80000 กว่าบาท ใช่ครับ มันคือเงินเดือนของผมเดือนนี้ โดยที่ผมยังไม่ได้จ่ายค่าผ่อนรถ และค่าห้อง รวมถึงชีวิตของผมในเดือนหน้า
2. ผมติดแบล๊กลิสต์ครับ เมื่อปี 2010 ผมได้ทำการกู้เงินจากธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อลาพักร้อนไปเที่ยวต่างประเทศ 1 อาทิตย์เพื่อไปหาแฟนซึ่งไปเรียนต่อและกำลังจะจบ ป.โท ตอนนั้นผมเป็นพนักงานเงินเดือนแค่ 15000 กู้ได้มาแค่ประมาณ 30000 บาทครับ ผ่อนแค่เดือนละพันกว่าบาท ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรเพราะไม่ต้องเสียค่าห้องและค่ารถไปทำงาน
พอกลับมาจากอังกฤษได้ 3 เดือน ผมได้งานใหม่เงินเดือน 25000 บาทครับ และย้ายที่อยู่ใหม่เป็นห้องเช่า ตอนนั้นก็ยังจ่ายหนี้เป็นปกติ แต่พอทำงานที่ใหม่ได้ประมาณ 6 เดือนครับ บริษัทมีโปรเจ็คที่ต้องไปทำต่างประเทศ ทางบริษัทจึงตัดสินใจส่งผมไปทำงาน เป็นเวลา 1 ปี โดยจะได้เบี้ยเลี้ยงเพิ่ม 30000 บาทต่อเดือน ผมเห็นว่าเป็นโอกาสดีจึงตัดสินใจไปครับ
โดยที่ไม่ได้ชำระเงินที่กู้มากับทางธนาคารเลย แต่ผมยังเช่าห้องไว้ครับไว้เก็บของครับ เนื่องจากเป็นคนต่างจังหวัด และผมก็โอนเงินให้แฟนในขณะนั้นมาจ่ายค่าห้องให้ทุกเดือน โดยที่ช่วงแรกไม่กล้าบอกแฟนเรื่องกู้ครับ จนผมลืมไปเลยว่ากู้เงินมา เป็นเวลา 1 ปีเต็มๆ พอกลับมาในเดือนมกราคม 2012 ผมกลับมาในสภาพห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่นและจดหมายทวงเงินจากทางธนาคารและจดหมายดำเนินคดี
ผมนำเงินไปปิดหนี้ทั้งหมดทันที ซึ่งเหตุนี้ทำให้ผมติดแบล๊กลิสต์จนถึง มกราคมปี 2015 ครับ ใน 1 ปีที่ผมอยู่ต่างประเทศ แฟนผมไม่เคยเปิดห้องเข้ามาดูเลยทั้งที่ผมให้กุญแจห้องไว้ ผมเข้าใจครับว่ามันก็ไม่ใช่ความผิดของเค้า เป็นความผิดของผมเอง และเรื่องนี้ รวมถึงความห่างไกล และอะไรอีกหลายอย่าง เป็นชนวนเหตุให้เราต้องเลิกกัน
3. ผมมีกิจการที่เจ๊งไปแล้วและทำให้ผมเป็นหนี้ดังกล่าวครับ หลังจากที่ผมกลับมาจากต่างประเทศ ผมมีเงินเก็บประมาณ 300000 บาท ก็เอาไปลงทุนเล่นหุ้นเรื่อยเปื่อย และผมทำงานที่เดิม ได้ขึ้นเงินเดือนเปน 30000 บาทแต่ไม่ได้ไปต่างประเทศแล้ว ผมอยู่ต่ออีกปี ผมก็เปลี่ยนงานอีกครั้งครับ โดยครั้งนี้เงินเดือนอยู่ที่ 60000 บาท แต่เป็น contract ระยะสัญญาจ้าง 6 เดือน
เงื่อนไขคือผ่านระยะสัญญาจ้าง 6 เดือนจะได้บรรจุเป็นพนักงานประจำ เดือนที่ 5 บริษัทจะจ้างผมเป็นพนักงานประจำที่เงินเดือน 50000 บาทครับ และได้สวัสดิการต่างๆ แต่ผมกลับปฏิเสธ และออกมาหาช่องทางทำธุรกิจของตัวเองด้วยเงินทุน 500000 บาท ส่วนหนึ่งก็อยู่ในหุ้น และ ผมร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิดบาร์แห่งหนึ่ง ซึ่งขาดทุนทุกเดือนครับ ทั้งๆที่ก็พอมีคนอยู่บ้าง
ผมทำอยู่ได้เกือบครึ่งปีเงินก็เริ่มจะหมดครับ เนื่องจากใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และเที่ยวซะเป็นส่วนใหญ่ ผมตัดสินใจหางานอีกครั้งช่วงปลายปีที่แล้ว ก็ได้งานเงินเดือน 55000 บาทครับ โดยที่ให้เพื่อนของผมเป็นคนดูแลร้าน ส่วนผมมาทำงานประจำ ทำอยู่ได้ไม่กี่เดือนครับ ก็ออกรถใหม่ ถึงแม้ว่าผมจะติดแบล๊กลิสต์มันเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ผมได้งานใหม่ และงานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน
และแล้วหนี้ก้อนโตก็เกิดครับ ในใจผมตอนนั้นอยากเลิกทำร้าน มาทำงานประจำอย่างเดียวครับ แต่ด้วยความที่กลัวขายหน้า พอเพื่อนบอกจะลงทุนเพิ่ม เพื่อโฆษณาและขยายร้าน ทำหลายอย่างบลาๆๆ แถมเพื่อนก็มีเงินลงทุนกันทุกคน สุดท้ายมีผมคนต้องไปกู้เงินมา 250000 บาท เพื่อมาลงหุ้นใหม่ครับ ซึ่งดอกเบี้ยก็มหาโหดครับ ร้อยละ 20 ใครที่ทำกิจการคงรู้ดี และเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้นครับ เจ๊ง ไม่มีคน
ผมแทบไม่อยากเชื่อและไม่อยากคุยกับเพื่อนทุกคน เข้าใจว่าทุกคนก็เสียเงินไปเหมือนกัน และคงมีหนี้เหมือนกับผม จะให้ใครช่วยล่ะครับทีนี้ ผมเป็นหนี้ 180000 บาท ซึ่งผมพยายามหากู้ธนาคารเพื่อมาโปะแล้ว แต่ก็กู้ไม่ผ่านเพราะติดเบล๊กลิสต์ และมีหนี้อื่นๆ ที่หยิบยืมจากเพื่อนในช่วงเดือน มาประมาณ 30000 บาท ซึ่ง 20000 เพื่อนบอกว่าให้มีแล้วค่อยจ่ายครับ แต่อีก 10000 ต้องคืนให้สิ้นเดือนครับ
4. รบกวนแนะนำหรือหาช่องทางให้ผมหน่อยครับ ตอนนี้เหลือเงินอยู่ 1000 บาท หากมีวิธี หรือ ใครใจดีปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ inbox มาหาผมก็ได้ครับ จะเป็นพระคุณมาก ผมนอนไม่หลับ คิดมาก เลยมาตั้งกระทู้ครับ พรุ่งนี้ก็เป็นวันทำงานอีกวันหนึ่ง อยากกู้ซัก 50000 บาทครับ ผมจะจ่ายคืนภายใน 2 เดือน และสิ้นปีผมมีโบนัสอีก 1 เดือนครับ ซึ่งน่าจะได้ประมาณ 60000 บาท
ปล. หลายคนอาจจะบ้าผมบ้า ทำไมถึงจ่ายไปทีเดียวหมดในเดือนนี้ คือผมโดนใช้คำพูดที่รุนแรงจากคนปล่อยกู้ครับ ไม่อยากเจอหน้าเค้าอีก ไม่อยากโทรไปรายงานชีวิตประจำวัน ไม่ๆๆ หลายอย่าง ที่ทำผมเครียดจนจะเป็นบ้า รวมถึงไม่อยากกู้เงินกับคนนี้อีกครับ ส่วนที่บ้านผมก็พึ่งอะไรไม่ได้ครับ ตอนช่วงมีเงินก็ส่งให้ที่บ้านทุกเดือน แต่ตอนนี้ไม่ได้ส่งแล้ว คงต้องปลดหนี้ก่อน