รู้สึกรักผู้ชายอายุ60 ทำไมใจเป็นแบบนี้

กระทู้คำถาม
ดิฉันมีสามีและลูกแล้ว แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เหงามากทะเลาะกับสามีเพราะมีชาวบ้านพุดว่าสามีไปมีผู้หญิงอื่น ทำให้รู้สึกเสียใจมากในตอนนั้น แต่ก็ยังอยู่ด้วยกันนอนอยู่ด้วยกันทุกคืน ก็ยังคิดว่าสามีจะไปมีคนอืนได้ไง แต่เราไม่ค่อยมีอะไรกัน เดือนละครั้ง บ้างทีก็3เดือนครั้ง เราทำงานทั้งคู่ ชีวิตครอบครัวเราสร้างมาค่อนข้างอบอุ่น แต่ช่วงที่เสียใจ เล่นเฟสบุ๊คเจอผู้ชายคนหนึ่งเขาแชทคุยด้วย มีความรู้สึกผูกพันกับเขามากทั้งที่เขาอายุ60ปีแล้ว อยากอยู่กับใกล้ๆอยากร้องให้อยากกอดเขา ช่วงที่คุยเราเสียใจเขาได้แต่ปลอบใจเรา จนเรารู้สึกเข็มแข็งขึ้นมา ทำให้รู้ว่าเวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้าเป็นความจริงสักวันความจริงต้องปรากฎออกมาเอง ผู้ชายคนนี้ทำให้เราเข็มแข็งต่อสู้ทำให้เรามีกำลังใจทำงานต่อไปได้จนถึงทุกวันนี้ ผู้ชายคนนี้ เลิกกับภรรยาแล้ว แต่ไปมีเมียอีกคน  แต่แยกกันอยู่ได้ ปีกว่าๆมีปัญหากับญาตเมีย เขาบอกต้องอยู่กับผู้หญิงคนนี้เพราะเขามีหนี้สินกันอยู่ เขาหน้าตาดีไม่เหมือนคนแก่อายุ60 เหมือนประมาณ50 ตอนนี้ไม่ได้คุยกับเขาแล้ว เขาบอกเมียเขาว่ารู้สึกรักเราจริงๆ ไม่ต้องมาง้อคืนดีแล้ว เขาจะรอเรา พอเมียเขารู้ว่ามีเราคุยด้วยในเฟสเมียเขาก็พยามทุกอย่างที่จะเอาเขากลับไปอยู่บ้านเหมือนเดิม แล้วก็บีบเค้าเรื่องเงินที่เป็นหนี้สินกันอยู่ จนตอนนี้เขายอมที่จะกลับไปอยู่กับเมียเขาชดใช้หนี้ เมียเขาจะโพสเยอะเย้ยเราตลอดว่าเค้าดีกันแล้วเอารูปมาลงให้เราดู เราก็เสียใจแต่ในใจก็ยังมีแต่ความรู้สึกดีๆที่มีให้กัน ไม่คิดแย่งแข่งขันกับใคร ตอนนี้ในใจเรากลับมีแต่ผู้ชายคนนี้อยู่เต็มหัวใจทั้งๆที่ไม่เคยเจอตัวจริงมีแต่ภาพ ในใจเราเวลานอนไม่มีสามีเหลืออยู่เลย มีแต่ความรู้สึกคิดถึงผูกพันกับผู้ชายคนนี้ที่อายุ60
ใครเป็นแบบนี้บ้างช่วยแนะนำให้เราเป็นปกติที่เถิด
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
การหลงรักทางเน็ตเกิดขึ้นได้อย่างไร
ทำไมคุยกับบางคนรู้สึกดีกว่าคนที่คบกันแบบเจอตัวจริงเสียอีก?

ที่เป็นเช่นนั้น เพราะการคุยทางเน็ต
กระตุ้นให้ใช้จินตนาการ
ส่วนการคุยแบบเห็นหน้า
กระตุ้นให้อยู่กับความจริง

จินตนาการเป็นความอบอุ่นใจที่ดูสมบูรณ์แบบ
จินตนาการไม่มีอ้วนไปหรือผอมไป
จินตนาการไม่มีเสียงตะคอกระคายโสต
จินตนาการไม่มีกลิ่นตัวกลิ่นปาก
จินตนาการไม่มีอะไรก็ตามที่คุณไม่ชอบ
เพราะใจคุณกรองสิ่งที่ไม่ชอบออกไปหมดแล้ว
ตอนอยากหลบหนีจากโลกความจริงไปไกลๆ

จะคุยกับใครก็ตาม
ขอเพียงเขาหรือเธอจุดชนวนอารมณ์อยากพูดคุย
ยิ่งคุยบ่อย คุยนานขึ้นเท่าใด
คุณจะยิ่งเข้าไปอยู่ในโลกจินตนาการมากขึ้นเท่านั้น

เบื้องหลังคำพูดที่ก่อให้เกิดจินตนาการ คือบุคคลจริงๆ
ฉะนั้น ไม่ว่าจินตนาการจะก่อให้เกิดสุขหรือเกิดทุกข์เพียงใด
คุณจะทึกทักว่านั่นเป็นสุขเป็นทุกข์จริงๆจังๆเสมอ
แม้จะถูกหลอกอยู่ก็ไม่รู้ตัว
ตัวอย่างที่มีมานานและจะมีไปตลอด ก็เช่น
ถ้าไม่เคยพบตัวจริง บางทีก็เอารูปใครมาหลอก
หรือบางทีก็บอกว่า
ใช้รถยี่ห้อหรู เล่นหุ้นได้ปีละเป็นล้าน
ชอบอะไรอย่างนั้น ทำงานอย่างนี้
ทั้งที่ตัวจริงไม่ได้ใกล้เคียงเลยแม้แต่น้อย
แต่ฝ่ายถูกหลอกเมื่อหลงเชื่อไปแล้ว
ก็จะรู้สึกว่า เขาเป็นอย่างนั้น เธอเป็นอย่างนี้แน่นอน

แม้เขาหรือเธอไม่บอกอะไร
ถ้าคุณสนใจอยากพูดคุยด้วยนานๆเสียอย่าง
แค่อาศัยร่องรอยจากการสนทนาบางจุด
คุณก็อาจเข้าใจผิดไปเองว่า
เขาหรือเธอเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
ต่อให้เขาหรือเธอแก้ว่าไม่ใช่
ความยึดมั่นในจินตนาการก็มีสิทธิ์ทำให้คุณไม่เชื่ออยู่ดี

การหลงรักทางเน็ตเป็นตัวอย่างว่า
หลายครั้งเจ้าตัวไม่ได้ทำอะไร
แต่จินตนาการของคุณจัดการให้เอง
คุณถูกร้อยรัดมัดแน่นด้วยอารมณ์ฝันไกลของตัวเอง
หลายคนได้บทเรียนจากจินตนาการ
ผ่านการเผชิญหน้าความจริง
แต่หลายคนก็ติดหลง วนเวียนอยู่กับความฝันไปเรื่อยๆ
แล้วอยากหนีหายจากโลกความจริงไปเลย
อันนี้เป็นเหตุให้เกิดความหักเห
ในทางลาดลงต่ำเสียมากกว่าจะไต่ขึ้นสูง
เช่น นำไปสู่โรคติดเน็ตแบบถอนตัวไม่ขึ้นบ้าง
โรคกลัวสังคม เกรงการเผชิญหน้าความจริงบ้าง
หรือกระทั่งความคิดอยากฆ่าตัวตายหวังสวรรค์บ้าง

ระหว่างโดนคนหลอก
กับโดนจินตนาการของตัวเองหลอก
การโดนจินตนาการของตัวเองหลอกน่ากลัวกว่า
เพราะพอรู้ตัวว่าโดนใครหลอก คุณจะเลิกไว้ใจเขาทันที
ขณะที่ถ้าโดนจินตนาการตัวเองหลอก
คุณจะยังคงรู้สึกอบอุ่นใจกับมันอยู่
และไม่นึกโทษ ไม่เห็นเป็นความผิดแต่อย่างใดด้วย

Cr;dungtrin
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่