อิสรภาพทางการเงิน มีเพียง ธุรกิจขายตรง เท่านั้นหรือ?
------------------------------------------------------------------------------
จริงๆ เป็นเพราะเราอาจจะเคยได้ยินคนพูดกับเราว่า
อยากมีเงินไหลเข้ามาโดยที่ไม่ต้องทำงานอีกเลยไหม ?
WOW!!!! มันมีด้วยเหรอ?
มีค่ะ แต่เราต้องเข้าใจหลักการทำงานทุกอย่าง
เราต้องสร้างเหตุให้เกิด ผลถึงจะตามมา
อยู่ดีๆจะมีผลเลยเป็นไปได้อย่างไร โกหกแล้ววววววค่ะ อิอิ
( แต่ .......... เราจะไม่ทำในสิ่งที่เข้าพิสูจน์มาแล้วว่า ผิดกฎหมาย และ ไม่ดีจริงๆ เช่น ขายยาเสพติด เปิดธุรกรรมเกี่ยวกับการพนัน ไม่ยุ่งค่ะ)
รายได้ของมนุษย์ เขาแบ่งเป็นหัวข้อใหญ่ๆ ว่ามีเพียง 2 ทางเท่านั้นค่ะ (ตามที่ศึกษามานะ)
คือ Active Income และ Passive income
มาทำความเข้าใจถึงคำว่า Active income และ Passive income ดีกว่า
Active คือ เวลา+แรง เปลี่ยนเป็น "เงิน" (ไม่ทำก็ไม่ได้เงิน) เช่นอะไรละ
ลูกจ้าง พนักงานเงินเดือน เจ้าของร้านขนาดเล็กถึงกลาง ธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็กถึงกลาง
Passive คือ เวลา+แรง เปลี่ยนเป็น "ทรัพย์สิน" แล้วจึงเปลี่ยนเป็นเงิน
(ทรัพย์สิน ในที่นี้ คือ เครื่องผลิตเงิน ไม่ทำก็ได้เงิน) ถ้าไม่ Active แล้ว จะ มี Passive ได้งัย ใช่ป่ะค่ะ
Passive เท่าที่เราศึกษามาแบ่งได้ 6 ประเภท คือ
1. ดอกเบี้ย หุ้น กองทุน ( ใช้เงินทำงาน )
2. นักแต่งเพลง นักเขียน (ทรัพย์สินทางปัญญา ค่าลิขสิทธ)
3. เจ้าของเวปไซด์ (ไม่ใช่ขายของในเวปนะครับ แต่เป็นเจ้าของเลย เช่น Google Facebook Amazon ที่มีรายได้จากค่าโฆษณา)
4. เจ้าของ เฟรน์ชาย (ไม่ใช่ซื้อเฟรน์ชายนะค่ะ แต่เป็นเจ้าของเลย เช่น ชายสี่หมี่เกี้ยว ใครอยากขายของแบรน์นี้ ต้องไปติดต่อเจ้าของค่ะ )
5. อสังหาริมทรัพย์ (ให้เช่า ซื้อมาขายไป ที่ดิน นายหน้า)
6. ขายตรง (Network Marketing) <<<< อันนี้แหละที่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบ
ปัจจุบันเราทำบ้านเช่า และ ตึกให้เช่า ทำมาตั้งแต่ปี 40 (ช่วงต้มยำกุ้ง) เรายิ่งศึกษาเห็นได้ว่า มันคือเรื่องจริง เลยลองทำอะไรที่เป็น Passive เพราะชอบมากกว่า Active ค่ะ
1. ดอกเบี้ย หุ้น กองทุนเมื่อปี 55 เลยเอาเงินไปลงทุนในหุ้น ............ เจ๊งค่ะ
เพราะ "เราโลภ" "เราไม่มีความรู้" เป็นบทเรียนเลยว่า
"ธุรกิจจะมีความเสี่ยงก็ต่อเมื่อขาดความรู้และความเข้าใจ"
แต่ถึงมีแล้ว แต่ถูกครอบด้วย ความโลภ ก็เจ๊งอยู่ดี (แต่ไม่ยอมแพ้ค่ะ ศึกษาแล้ว ชอบ Vi มากกว่า รอจังหวะเข้าค่ะ อิอิ)
2. นักแต่งเพลง 55555 ทำไม่เป็นค่ะ
3. เจ้าของเวปไซด์ เคยไปเรียนทำแล้วค่ะ ไม่รุ่ง!!!
4. เจ้าของ เฟรน์ชาย ต้องทำแบรน์ สร้างให้ดัง ให้มีคนมีซื้อ ลองแล้ว ไม่รุ่งค่ะ!!!!!
5. อสังหาริมทรัพย์ อันนี้งานหลักเลยค่ะ ชอบมากกก รายได้ 90 % ผล มาจากการทำบ้านเช่า บ้านขาย และ ตึกแถวให้เช่า และซื้อที่ดินไว้เก็งกำไร อันนี้ชอบผลนะ แต่ สภาพคล่องต่ำ แต่ไม่มีขาดทุน ข้อเสีย ก็ลงทุนเยอะไปหน่อย (แรกๆเราก็ไม่มีด้มีทุนเยอะนะ แต่เราใช้เทคนิคลงทุน 10% จากหนังสือ ลงทุนอสังหาเริ่มต้น 0 บาท ค่ะ)
6. ขายตรง (Network Marketing) เราเฉยๆนะ พอไปลงไปลองดู ช่วงแรกไปศึกษาดู (ใช้เวลาศึกษาเอง 6 เดือน)
พอลงสนามจริง โห!!!!เป็นบ้าค่ะ โดนฝึก โดนเทรนมา มองเห็นแต่ความสำเร็จ โอกาส รายได้
ชวนแหลกสิค่ะ เพราะเราเห็นว่ามันคือโอกาส เท่านั้นแหละ
ทะเลาะกับญาติ กับ เพื่อน กับ สามี
หงุดหงิด เมื่อไม่มีใครเห็นเหมือนเรา กดดันคนรุ้จักให้มาประชุม (555 ตามรูปแบบเป๊ะ)
มีแต่คนบอกข้อดี ไม่เห็นมีใครบอกข้อเสียเลยอ่ะ (เป็นแบบนี้อยู่ 7 เดือน)
จนเกือบเลิกกับสามี (ทะเลาะกันเกือบทุกวัน โดยที่ก่อนมาทำไม่ค่อยทะเลาะกันเลย)
จุดเปลี่ยนอยุ่ที่วันนั้นระเบิดกับน้องสาวจนน้องร้องไห้ เขาว่าเราเป็นบ้า ไม่สนใจครอบคร้ว ห่วงแต่ความสำเร็จ
เคยถามเขาไหมว่าเขาทำอะไร มีแต่ถาม ชวนคนได้ไหม ไปประชุมกัน ไปชวนคนกัน
เรารู้สึกผิดมากๆเลยค่ะ เราเลยรู้สึกว่ามาผิดทาง สำนึกทันที
เริ่มหาทางใหม่ (พี่บัณฑิต อึ่งรังษี (Idol ค่ะ) บอกว่า ถ้าคุณอยากเจออะไร คุณเริ่มหาก็จะเจอ อันนี้จริง การันตีอีก 1 เสียง)
แล้วเราก็เจอ ......................... สมดุล การทำขายตรง
ย้อยกลับไป ขายตรง คือ การขายสินค้า ไม่ใช่การชวนคน
แต่เรามันโลภ อยากรวยเร็ว เลยหาทางลัด โดยที่หาวิธีลัด จนทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ชอบ
วันนี้เรายังคงทำขายตรง + อสังหา ปกติ แต่วิธีการเปลี่ยนไป
และเราก็ออกเดินทางขอโทษทุกคนที่ผมเคยไปกดดันเขา และ บอกสิ่งที่เราได้เจอ
วันนี้รายได้ขายตรงของเราน้อยมากๆ แต่ก็ยังมีนะ โดยที่ไม่ต้องชวนใคร ไม่ต้องเข้าประชุม และเรามีความสุขกับชีวิตมากๆ
ธุรกิจมันต้องค่อยๆโตไปตามธรรมชาติ ไปเร่งมัน มีแต่ผลเสีย
กลับไปดูธุรกิจส่วนใหญ่ กว่า คุณตันอิชิตัน เถ้าแก่น้อย พี่บัณฑิต กว่าจะสำเร็จเขาใช้เวลากันกี่ปี?
กลับมาดูข้างๆตัว ร้านขายวัสดุก่อสร้าง กว่าจะมีลูกค้าเยอะขนาดนี้ กี่ปี?
มาดูตัวเรา กว่าจะมีรายได้จากอสังหา ต้องใช้เวลา 15 ปี
แล้วจะร่ำรวยทันที เป็นไปได้...........แต่น้อย
เราขอเลือก เป็นไปได้แต่เยอะดีกว่า ใจเย็นๆ ทำทุกอย่างตามกฏธรรมชาติ
เพราะยังไงก็ไม่มีใครชนะกฏธรรมชาติได้ ขอให้เข้าใจธรรมชาติและเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติดีกว่า
ณ. ที่นี้ต้องขอบคุณ หนังสือของ Bundit Ungrangsee บัณฑิต อึ้งรังษี ที่ทำให้เราและครอบครัวพบความสุขในการใช้ชีวิตค่ะ
ปล.หนังสือของพี่เขาบอกว่า "ทำยังไงถึงสำเร็จ" ไม่ใช่ "ทำอะไรถึงสำเร็จ" นะค่ะ
ประสบการณ์ตรง จาก ธุรกิจขายตรง ครอบครัวเกือบพัง เปลี่ยนแนวคิด ทำขายตรงให้กลายเป็นงานที่มีความสุข
------------------------------------------------------------------------------
จริงๆ เป็นเพราะเราอาจจะเคยได้ยินคนพูดกับเราว่า
อยากมีเงินไหลเข้ามาโดยที่ไม่ต้องทำงานอีกเลยไหม ?
WOW!!!! มันมีด้วยเหรอ?
มีค่ะ แต่เราต้องเข้าใจหลักการทำงานทุกอย่าง
เราต้องสร้างเหตุให้เกิด ผลถึงจะตามมา
อยู่ดีๆจะมีผลเลยเป็นไปได้อย่างไร โกหกแล้ววววววค่ะ อิอิ
( แต่ .......... เราจะไม่ทำในสิ่งที่เข้าพิสูจน์มาแล้วว่า ผิดกฎหมาย และ ไม่ดีจริงๆ เช่น ขายยาเสพติด เปิดธุรกรรมเกี่ยวกับการพนัน ไม่ยุ่งค่ะ)
รายได้ของมนุษย์ เขาแบ่งเป็นหัวข้อใหญ่ๆ ว่ามีเพียง 2 ทางเท่านั้นค่ะ (ตามที่ศึกษามานะ)
คือ Active Income และ Passive income
มาทำความเข้าใจถึงคำว่า Active income และ Passive income ดีกว่า
Active คือ เวลา+แรง เปลี่ยนเป็น "เงิน" (ไม่ทำก็ไม่ได้เงิน) เช่นอะไรละ
ลูกจ้าง พนักงานเงินเดือน เจ้าของร้านขนาดเล็กถึงกลาง ธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็กถึงกลาง
Passive คือ เวลา+แรง เปลี่ยนเป็น "ทรัพย์สิน" แล้วจึงเปลี่ยนเป็นเงิน
(ทรัพย์สิน ในที่นี้ คือ เครื่องผลิตเงิน ไม่ทำก็ได้เงิน) ถ้าไม่ Active แล้ว จะ มี Passive ได้งัย ใช่ป่ะค่ะ
Passive เท่าที่เราศึกษามาแบ่งได้ 6 ประเภท คือ
1. ดอกเบี้ย หุ้น กองทุน ( ใช้เงินทำงาน )
2. นักแต่งเพลง นักเขียน (ทรัพย์สินทางปัญญา ค่าลิขสิทธ)
3. เจ้าของเวปไซด์ (ไม่ใช่ขายของในเวปนะครับ แต่เป็นเจ้าของเลย เช่น Google Facebook Amazon ที่มีรายได้จากค่าโฆษณา)
4. เจ้าของ เฟรน์ชาย (ไม่ใช่ซื้อเฟรน์ชายนะค่ะ แต่เป็นเจ้าของเลย เช่น ชายสี่หมี่เกี้ยว ใครอยากขายของแบรน์นี้ ต้องไปติดต่อเจ้าของค่ะ )
5. อสังหาริมทรัพย์ (ให้เช่า ซื้อมาขายไป ที่ดิน นายหน้า)
6. ขายตรง (Network Marketing) <<<< อันนี้แหละที่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบ
ปัจจุบันเราทำบ้านเช่า และ ตึกให้เช่า ทำมาตั้งแต่ปี 40 (ช่วงต้มยำกุ้ง) เรายิ่งศึกษาเห็นได้ว่า มันคือเรื่องจริง เลยลองทำอะไรที่เป็น Passive เพราะชอบมากกว่า Active ค่ะ
1. ดอกเบี้ย หุ้น กองทุนเมื่อปี 55 เลยเอาเงินไปลงทุนในหุ้น ............ เจ๊งค่ะ
เพราะ "เราโลภ" "เราไม่มีความรู้" เป็นบทเรียนเลยว่า
"ธุรกิจจะมีความเสี่ยงก็ต่อเมื่อขาดความรู้และความเข้าใจ"
แต่ถึงมีแล้ว แต่ถูกครอบด้วย ความโลภ ก็เจ๊งอยู่ดี (แต่ไม่ยอมแพ้ค่ะ ศึกษาแล้ว ชอบ Vi มากกว่า รอจังหวะเข้าค่ะ อิอิ)
2. นักแต่งเพลง 55555 ทำไม่เป็นค่ะ
3. เจ้าของเวปไซด์ เคยไปเรียนทำแล้วค่ะ ไม่รุ่ง!!!
4. เจ้าของ เฟรน์ชาย ต้องทำแบรน์ สร้างให้ดัง ให้มีคนมีซื้อ ลองแล้ว ไม่รุ่งค่ะ!!!!!
5. อสังหาริมทรัพย์ อันนี้งานหลักเลยค่ะ ชอบมากกก รายได้ 90 % ผล มาจากการทำบ้านเช่า บ้านขาย และ ตึกแถวให้เช่า และซื้อที่ดินไว้เก็งกำไร อันนี้ชอบผลนะ แต่ สภาพคล่องต่ำ แต่ไม่มีขาดทุน ข้อเสีย ก็ลงทุนเยอะไปหน่อย (แรกๆเราก็ไม่มีด้มีทุนเยอะนะ แต่เราใช้เทคนิคลงทุน 10% จากหนังสือ ลงทุนอสังหาเริ่มต้น 0 บาท ค่ะ)
6. ขายตรง (Network Marketing) เราเฉยๆนะ พอไปลงไปลองดู ช่วงแรกไปศึกษาดู (ใช้เวลาศึกษาเอง 6 เดือน)
พอลงสนามจริง โห!!!!เป็นบ้าค่ะ โดนฝึก โดนเทรนมา มองเห็นแต่ความสำเร็จ โอกาส รายได้
ชวนแหลกสิค่ะ เพราะเราเห็นว่ามันคือโอกาส เท่านั้นแหละ
ทะเลาะกับญาติ กับ เพื่อน กับ สามี
หงุดหงิด เมื่อไม่มีใครเห็นเหมือนเรา กดดันคนรุ้จักให้มาประชุม (555 ตามรูปแบบเป๊ะ)
มีแต่คนบอกข้อดี ไม่เห็นมีใครบอกข้อเสียเลยอ่ะ (เป็นแบบนี้อยู่ 7 เดือน)
จนเกือบเลิกกับสามี (ทะเลาะกันเกือบทุกวัน โดยที่ก่อนมาทำไม่ค่อยทะเลาะกันเลย)
จุดเปลี่ยนอยุ่ที่วันนั้นระเบิดกับน้องสาวจนน้องร้องไห้ เขาว่าเราเป็นบ้า ไม่สนใจครอบคร้ว ห่วงแต่ความสำเร็จ
เคยถามเขาไหมว่าเขาทำอะไร มีแต่ถาม ชวนคนได้ไหม ไปประชุมกัน ไปชวนคนกัน
เรารู้สึกผิดมากๆเลยค่ะ เราเลยรู้สึกว่ามาผิดทาง สำนึกทันที
เริ่มหาทางใหม่ (พี่บัณฑิต อึ่งรังษี (Idol ค่ะ) บอกว่า ถ้าคุณอยากเจออะไร คุณเริ่มหาก็จะเจอ อันนี้จริง การันตีอีก 1 เสียง)
แล้วเราก็เจอ ......................... สมดุล การทำขายตรง
ย้อยกลับไป ขายตรง คือ การขายสินค้า ไม่ใช่การชวนคน
แต่เรามันโลภ อยากรวยเร็ว เลยหาทางลัด โดยที่หาวิธีลัด จนทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ชอบ
วันนี้เรายังคงทำขายตรง + อสังหา ปกติ แต่วิธีการเปลี่ยนไป
และเราก็ออกเดินทางขอโทษทุกคนที่ผมเคยไปกดดันเขา และ บอกสิ่งที่เราได้เจอ
วันนี้รายได้ขายตรงของเราน้อยมากๆ แต่ก็ยังมีนะ โดยที่ไม่ต้องชวนใคร ไม่ต้องเข้าประชุม และเรามีความสุขกับชีวิตมากๆ
ธุรกิจมันต้องค่อยๆโตไปตามธรรมชาติ ไปเร่งมัน มีแต่ผลเสีย
กลับไปดูธุรกิจส่วนใหญ่ กว่า คุณตันอิชิตัน เถ้าแก่น้อย พี่บัณฑิต กว่าจะสำเร็จเขาใช้เวลากันกี่ปี?
กลับมาดูข้างๆตัว ร้านขายวัสดุก่อสร้าง กว่าจะมีลูกค้าเยอะขนาดนี้ กี่ปี?
มาดูตัวเรา กว่าจะมีรายได้จากอสังหา ต้องใช้เวลา 15 ปี
แล้วจะร่ำรวยทันที เป็นไปได้...........แต่น้อย
เราขอเลือก เป็นไปได้แต่เยอะดีกว่า ใจเย็นๆ ทำทุกอย่างตามกฏธรรมชาติ
เพราะยังไงก็ไม่มีใครชนะกฏธรรมชาติได้ ขอให้เข้าใจธรรมชาติและเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติดีกว่า
ณ. ที่นี้ต้องขอบคุณ หนังสือของ Bundit Ungrangsee บัณฑิต อึ้งรังษี ที่ทำให้เราและครอบครัวพบความสุขในการใช้ชีวิตค่ะ
ปล.หนังสือของพี่เขาบอกว่า "ทำยังไงถึงสำเร็จ" ไม่ใช่ "ทำอะไรถึงสำเร็จ" นะค่ะ