ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียนหรือ “ซูซูกิคัพ 2014” ใกล้จะเปิดสนามดวลแข้งตั้งแต่ที่ 22 พฤศจิกายนนี้แล้วนะครับ เท่ากับว่าเรื่องเวลาไม่ถึงเดือนแล้ว
โฉมหน้าค่าตาของขุนพล “ช้างศึก” ภายใต้การกุมบังเหียนของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ได้เผยออกมาแล้ว 25 คนที่จะเตรียมทีมสำหรับทัวนาเมนต์ “ชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน”
รายชื่อที่ออกมามีทั้งถูกใจและไม่ถูกใจแฟนบอลแต่ละคน ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาอยู่แล้ว เพราะหากจะให้ถูกใจทุกคนคงต้องเรียกมาเป็นร้อยคน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีการแสดงความคิดเห็นในมุมมองต่างๆ
ทีมชาติไทยเป็นของคนไทยทุกคน แม้ว่า “ซิโก้” จะเป็นโค้ช และเราควรให้เกียรติโค้ชในการเลือกตัวผู้เล่น แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าจะวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นทีมชาติชุดไหน โค้ชไทยหรือต่างชาติ ยามที่มีการเรียกตัวผู้เล่นก็มีการวิพากษ์กันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว อย่างตอนล่าสุด “โค้ชง้วน” สุรชัย จตุรภัทรพงษ์ ต้องมารับเผือกร้อนทำทีมชาติไทยก็เห็นวิจารณ์กันเพียบ
ยุค “โค้ชง้วน” มีทั้งนักเตะที่ถูกใจและไม่ถูกใจเหมือนกัน แต่แปลกที่ตอนนั้นมีคนวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะ แต่พอมาถึงยุค “ซิโก้” กลายเป็นว่าส่วนใหญ่มองไปในมุมว่าต้องให้เกียรติโค้ช
น่าจะเป็นเพราะผลงานในการคว้าอันดับ 4 กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 17 “อินชอนเกมส์” ที่เกาหลีใต้เลยทำให้กระแสศรัทธาในตัว “ซิโก้” อยู่ในระดับติดเพดานบน ทุกคนจึงเชื่อมั่นและเชื่อใจในทุกๆอย่างของกุนซือรายนี้
แต่ก็นั้นละครับไม่มีใครคิดเหมือนกันหมด คนที่มองต่างมุมและไม่ถูกใจในรายชื่อหรือการเลือกตัวของ “ซิโก้” ก็มีไม่น้อย แต่ขอย้ำว่านั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่เชียร์ทีมชาติไทย
ส่วนตัวแล้วยอมรับเหมือนกันว่าอยู่ในฝั่งไม่ถูกใจ ที่ขัดใจที่สุดคือการหลุดโผไปของ “ตี๋” สินทวีชัย หทัยรัตนกุล นายประตูจอมหนึบของทีม “ฉลามชล” ชลบุรี ที่กำลังลุ้นแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก
ที่ขัดใจและคาใจเพราะคิดว่านักเตะที่ไม่เคยปฏิเสธทีมชาติไทยอย่าง สินทวีชัย ควรจะได้รับเกียรติยศในฐานะนักเตะทีมชาติไทยมากกว่านี้
มองในแง่ความรู้สึกนะครับ สินทวีชัย ไม่เคยปฏิเสธทีมชาติไทยเลย แม้กระทั่งเกมล่าสุดที่ใครหลายคนลอยตัวไม่ต้องโดนด่าจากการออกไปโดน จีน ถล่มกลับมา 0-3 แบบที่มีนักเตะไปแค่ 15 คน แต่นายประตูคนนี้ก็ไม่เคยปฏิเสธที่จะไป
นัดนั้นอาจจะเป็นเกมเฉพาะกิจ แต่ก็คุยกันไว้ไม่ใช่หรือว่านี่คือการเตรียมทีม “ซูซูกิคัพ” ด้วย แต่ไฉน “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล” กลายเป็นไม่มีชื่อ สินทวีชัย อยู่ในโผ 25 คนซะอย่างนั้น
ที่นี่มามองกันในแง่ฝีมือและการเตรียมทีมชาติไทยบ้าง “ซิโก้” ให้เหตุผลว่าทีมชุดนี้ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เป็นมือ 1 อยู่แล้ว จึงเรียก ชนินทร์ แซ่
ะ นายประตูดาวรุ่งมาเป็นมือ 2 เพื่อเตรียมไว้สำหรับ ซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่สิงคโปร์ ในปี 2015
เรื่องมือ 1 น่ะโค้ชชอบใครคงว่ากันไม่ได้ เพราะถ้าว่ากันตามจริงทั้ง กวินทร์ และ สินทวีชัย ต้องอยู่ที่โค้ชเลือกจริงๆว่าจะใช้งานใคร แต่ประเด็นคือไม่คิดว่าจะมีเหตุให้ต้องมีตัวสำรองไว้รอทดแทนบ้างหรือ
กวินทร์ มีปัญหาอาการบาดเจ็บบ่อยครั้ง และนี่คือทัวนาเมนต์ระดับทีมชาติชุดใหญ่ที่เกมหนักไม่เบาเลย หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับมือ 1 แล้วจะทำอย่างไรกับมือ 2 ตรงนี้เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้
ส่วนเหตุผลที่ว่าเตรียม ชนินทร์ ไว้สำหรับซีเกมส์ยิ่งเป็นเหตุผลที่รับไม่ได้ ฟุตบอลไทยจะไปอะไรนักหนากับซีเกมส์ นั้นมันแค่ระดับอายุ 23 ปีแต่ “ซูซูกิคัพ” คือชุดใหญ่ที่ต้องประกาศศักดาเอาตำแหน่งคำว่า “เสืออาเซียน” กลับคืนมา
การให้โอกาสดาวรุ่งเข้ามาอยู่กับทีมเป็นสิ่งที่ดี แต่ควรจะทำให้เหมาะสมหรือเนียนหน่อยมั้ย คำว่า “ชุดใหญ่” ต้องคือชุดใหญ่ บอกตรงๆว่าได้ยินคำว่า“ทีมอนาคต” มาหลายชุดแล้ว แต่ไม่เห็น “ทีมปัจจุบัน” สักที
อันดับโลกใน“ฟีฟ่า” ของเราตกต่ำไปถึงอันดับที่ 165 แล้ว ต่อให้ได้แชมป์ซีเกมส์อีก 10 สมัยอันดับก็ไม่กระเตื้อง เพราะมันไม่ได้มีผลต่อการเก็บคะแนน ดังนั้นเราจำเป็นที่ต้องส่งชุดใหญ่ไปเก็บคะแนนใน “ซูซูกิคัพ”
นี่คือทัวนาเมนต์ที่ฟุตบอลไทยต้องหวัง ไม่ใช่ว่าออกตัวว่าเวลาซ้อมน้อยไม่หวังแชมป์ เน้นดาวรุ่งเพื่ออนาคต ฟุตบอลไทยต้องเน้นทั้งปัจจุบันและอนาคต
อย่ามัวอ้างหรือหลอกแฟนบอลว่าอันดับโลกคือ “ภาพลวงตา” เพราะใครก็รู้ว่าอันดับโลกไม่ได้บอกว่าชาติไหนเก่งกว่า แต่มันคือการแสดงถึงผลงานและพัฒนาการของชาตินั้นๆ และจะส่งผลถึงการเป็นทีมวางในทัวนาเมนต์ต่างๆ รวมถึงคุณสมบัติของนักเตะที่จะไปเล่นอาชีพในลีกบางประเทศด้วย
ดังนั้นปัจจุบันจึงสำคัญไม่แพ้อนาคต และหากจะเน้นที่อนาคตจริงๆควรมองไปที่ “ฟุตบอลอายุไม่เกิน 22 ปีชิงแชมป์เอเชีย” ในปี 2015 ที่จะคัดเลือกไป “โอลิมปิก 2016” ที่บราซิลมากกว่า ไม่ใช่คิดเป็นใหญ่แค่แชมป์ซีเกมส์
กีฬาชนิดอื่นๆในตอนนี้เขามองว่าผลงานในซีเกมส์แค่เป็น “รากบุญ” ให้อ้างกันเท่านั้นละครับ และผมเห็นด้วยกับการมองมุมนี้นะเพราะอยากให้ฟุตบอลไทยหลุดพ้นจากผลงานแค่แชมป์ซีเกมส์เสียที
ฟุตบอลไทยพลาดแชมป์ “ซูซูกิคัพ” มา 12 ปีเต็มแล้ว ถึงเวลาที่ควรจะยึดแชมป์กลับคืนมาให้ได้เสียที แต่กับแนวทางที่เป็นอยู่ตอนนี้ผมไม่เชื่อว่ามันจะทำให้การรอคอยของเราสิ้นสุดลง
ถือว่ามองต่างมุมแล้วกันนะครับ ใครจะเห็นด้วยหรือไม่อย่างไรแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน
“บับเบิ้ล”
เครดิต :
http://ballthaifc.com/view.php?id=9223
มองต่างมุม
โฉมหน้าค่าตาของขุนพล “ช้างศึก” ภายใต้การกุมบังเหียนของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ได้เผยออกมาแล้ว 25 คนที่จะเตรียมทีมสำหรับทัวนาเมนต์ “ชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน”
รายชื่อที่ออกมามีทั้งถูกใจและไม่ถูกใจแฟนบอลแต่ละคน ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาอยู่แล้ว เพราะหากจะให้ถูกใจทุกคนคงต้องเรียกมาเป็นร้อยคน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีการแสดงความคิดเห็นในมุมมองต่างๆ
ทีมชาติไทยเป็นของคนไทยทุกคน แม้ว่า “ซิโก้” จะเป็นโค้ช และเราควรให้เกียรติโค้ชในการเลือกตัวผู้เล่น แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าจะวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นทีมชาติชุดไหน โค้ชไทยหรือต่างชาติ ยามที่มีการเรียกตัวผู้เล่นก็มีการวิพากษ์กันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว อย่างตอนล่าสุด “โค้ชง้วน” สุรชัย จตุรภัทรพงษ์ ต้องมารับเผือกร้อนทำทีมชาติไทยก็เห็นวิจารณ์กันเพียบ
ยุค “โค้ชง้วน” มีทั้งนักเตะที่ถูกใจและไม่ถูกใจเหมือนกัน แต่แปลกที่ตอนนั้นมีคนวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะ แต่พอมาถึงยุค “ซิโก้” กลายเป็นว่าส่วนใหญ่มองไปในมุมว่าต้องให้เกียรติโค้ช
น่าจะเป็นเพราะผลงานในการคว้าอันดับ 4 กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 17 “อินชอนเกมส์” ที่เกาหลีใต้เลยทำให้กระแสศรัทธาในตัว “ซิโก้” อยู่ในระดับติดเพดานบน ทุกคนจึงเชื่อมั่นและเชื่อใจในทุกๆอย่างของกุนซือรายนี้
แต่ก็นั้นละครับไม่มีใครคิดเหมือนกันหมด คนที่มองต่างมุมและไม่ถูกใจในรายชื่อหรือการเลือกตัวของ “ซิโก้” ก็มีไม่น้อย แต่ขอย้ำว่านั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่เชียร์ทีมชาติไทย
ส่วนตัวแล้วยอมรับเหมือนกันว่าอยู่ในฝั่งไม่ถูกใจ ที่ขัดใจที่สุดคือการหลุดโผไปของ “ตี๋” สินทวีชัย หทัยรัตนกุล นายประตูจอมหนึบของทีม “ฉลามชล” ชลบุรี ที่กำลังลุ้นแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก
ที่ขัดใจและคาใจเพราะคิดว่านักเตะที่ไม่เคยปฏิเสธทีมชาติไทยอย่าง สินทวีชัย ควรจะได้รับเกียรติยศในฐานะนักเตะทีมชาติไทยมากกว่านี้
มองในแง่ความรู้สึกนะครับ สินทวีชัย ไม่เคยปฏิเสธทีมชาติไทยเลย แม้กระทั่งเกมล่าสุดที่ใครหลายคนลอยตัวไม่ต้องโดนด่าจากการออกไปโดน จีน ถล่มกลับมา 0-3 แบบที่มีนักเตะไปแค่ 15 คน แต่นายประตูคนนี้ก็ไม่เคยปฏิเสธที่จะไป
นัดนั้นอาจจะเป็นเกมเฉพาะกิจ แต่ก็คุยกันไว้ไม่ใช่หรือว่านี่คือการเตรียมทีม “ซูซูกิคัพ” ด้วย แต่ไฉน “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล” กลายเป็นไม่มีชื่อ สินทวีชัย อยู่ในโผ 25 คนซะอย่างนั้น
ที่นี่มามองกันในแง่ฝีมือและการเตรียมทีมชาติไทยบ้าง “ซิโก้” ให้เหตุผลว่าทีมชุดนี้ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เป็นมือ 1 อยู่แล้ว จึงเรียก ชนินทร์ แซ่ะ นายประตูดาวรุ่งมาเป็นมือ 2 เพื่อเตรียมไว้สำหรับ ซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่สิงคโปร์ ในปี 2015
เรื่องมือ 1 น่ะโค้ชชอบใครคงว่ากันไม่ได้ เพราะถ้าว่ากันตามจริงทั้ง กวินทร์ และ สินทวีชัย ต้องอยู่ที่โค้ชเลือกจริงๆว่าจะใช้งานใคร แต่ประเด็นคือไม่คิดว่าจะมีเหตุให้ต้องมีตัวสำรองไว้รอทดแทนบ้างหรือ
กวินทร์ มีปัญหาอาการบาดเจ็บบ่อยครั้ง และนี่คือทัวนาเมนต์ระดับทีมชาติชุดใหญ่ที่เกมหนักไม่เบาเลย หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับมือ 1 แล้วจะทำอย่างไรกับมือ 2 ตรงนี้เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้
ส่วนเหตุผลที่ว่าเตรียม ชนินทร์ ไว้สำหรับซีเกมส์ยิ่งเป็นเหตุผลที่รับไม่ได้ ฟุตบอลไทยจะไปอะไรนักหนากับซีเกมส์ นั้นมันแค่ระดับอายุ 23 ปีแต่ “ซูซูกิคัพ” คือชุดใหญ่ที่ต้องประกาศศักดาเอาตำแหน่งคำว่า “เสืออาเซียน” กลับคืนมา
การให้โอกาสดาวรุ่งเข้ามาอยู่กับทีมเป็นสิ่งที่ดี แต่ควรจะทำให้เหมาะสมหรือเนียนหน่อยมั้ย คำว่า “ชุดใหญ่” ต้องคือชุดใหญ่ บอกตรงๆว่าได้ยินคำว่า“ทีมอนาคต” มาหลายชุดแล้ว แต่ไม่เห็น “ทีมปัจจุบัน” สักที
อันดับโลกใน“ฟีฟ่า” ของเราตกต่ำไปถึงอันดับที่ 165 แล้ว ต่อให้ได้แชมป์ซีเกมส์อีก 10 สมัยอันดับก็ไม่กระเตื้อง เพราะมันไม่ได้มีผลต่อการเก็บคะแนน ดังนั้นเราจำเป็นที่ต้องส่งชุดใหญ่ไปเก็บคะแนนใน “ซูซูกิคัพ”
นี่คือทัวนาเมนต์ที่ฟุตบอลไทยต้องหวัง ไม่ใช่ว่าออกตัวว่าเวลาซ้อมน้อยไม่หวังแชมป์ เน้นดาวรุ่งเพื่ออนาคต ฟุตบอลไทยต้องเน้นทั้งปัจจุบันและอนาคต
อย่ามัวอ้างหรือหลอกแฟนบอลว่าอันดับโลกคือ “ภาพลวงตา” เพราะใครก็รู้ว่าอันดับโลกไม่ได้บอกว่าชาติไหนเก่งกว่า แต่มันคือการแสดงถึงผลงานและพัฒนาการของชาตินั้นๆ และจะส่งผลถึงการเป็นทีมวางในทัวนาเมนต์ต่างๆ รวมถึงคุณสมบัติของนักเตะที่จะไปเล่นอาชีพในลีกบางประเทศด้วย
ดังนั้นปัจจุบันจึงสำคัญไม่แพ้อนาคต และหากจะเน้นที่อนาคตจริงๆควรมองไปที่ “ฟุตบอลอายุไม่เกิน 22 ปีชิงแชมป์เอเชีย” ในปี 2015 ที่จะคัดเลือกไป “โอลิมปิก 2016” ที่บราซิลมากกว่า ไม่ใช่คิดเป็นใหญ่แค่แชมป์ซีเกมส์
กีฬาชนิดอื่นๆในตอนนี้เขามองว่าผลงานในซีเกมส์แค่เป็น “รากบุญ” ให้อ้างกันเท่านั้นละครับ และผมเห็นด้วยกับการมองมุมนี้นะเพราะอยากให้ฟุตบอลไทยหลุดพ้นจากผลงานแค่แชมป์ซีเกมส์เสียที
ฟุตบอลไทยพลาดแชมป์ “ซูซูกิคัพ” มา 12 ปีเต็มแล้ว ถึงเวลาที่ควรจะยึดแชมป์กลับคืนมาให้ได้เสียที แต่กับแนวทางที่เป็นอยู่ตอนนี้ผมไม่เชื่อว่ามันจะทำให้การรอคอยของเราสิ้นสุดลง
ถือว่ามองต่างมุมแล้วกันนะครับ ใครจะเห็นด้วยหรือไม่อย่างไรแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน
“บับเบิ้ล”
เครดิต : http://ballthaifc.com/view.php?id=9223