สวัสดีค่ะ เราตั้งกระทู้นี้เป็นกระทู้เเรกหลังจากที่ได้อ่านกระทู้ของหลายๆคนมามาก วันนี้เราได้อ่านกระทู้ๆนึงทำให้เราคิดถึงตัวเราเองมากที่เราต่างจาก จขกท นั้นคือเรากับ จขกท อยู่ต่างกันคนละสถานะ สถานะมันตรงกันข้ามกัน มาเริ่มกันเลยนะคะ
เรากับแฟนเก่าคบกันมาได้ประมาน 1 ปีค่ะ เค้าเป็นคนที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อนค่ะเราเป็นแฟนเค้าคนเเรกเราก็พยายามทำความเข้าใจเค้านะคะว่าเค้าไม่เคยมีแฟนมาก่อนอาจจะทำตัวไม่ถูกเวลามีแฟน แต่มันก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้สึกสึกว่าเราไม่สำคัญกับเขาเลยด้วยซ้ำ เราพยายามทำหน้าที่แฟนให้ดีที่สุดทั้งโทร ทั้งทักในเฟส ในไลน์ ส่วนใหญ่จะคุยกันในเฟส (แต่โทรนี่น้อยค่ะเราเป็นคนไม่ค่อยชอบคุยโทรศัพท์นาน และก็ได้ตกลงกับแฟนเเล้วตั้งแต่วันเเรกที่คบแฟนเราก็ไม่ชอบคุยนานเหมือนกันเค้าว่ามางั้นนะ) ซึ่งเป็นเราทุกครั้งที่ทักเค้าไปถึงจะได้คุยกัน มีโทรบ้างช่วงแต่โทรนี่เดือนนึงเต็มที่ไม่เกิน 4-5 ครั้งค่ะ ซึ่งการที่เราเป็นฝ่ายทักเค้าตลอดมันทำให้เราน้อยใจมาก ถึงขั้นรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าพอที่เค้าจะทักมาเลยหรอ มีบ้างที่เค้าจะทักมาซึ่งการที่เค้าทักมาเราดีใจมากแต่สิ่งที่เค้าทักมาคือทำนี่ให้พี่หน่อย ซื้อนั่นให้หน่อย เเรกเราไม่รู้สึกไรนะจนมากเข้าเริ่มสังเกตว่าทุกครั้งที่เค้าทักว่าต้องมีเรื่องให้ช่วย ให้ทำ พอมันหนักเข้าเราก็ทนไม่ไหวตัดสินใจคุยกะเค้าไปเลยว่าทำไมเป็นแบบนี้ เค้าก็บอกว่าเค้าไม่ชอบทักใครก่อนอยู่เเล้ว (เราเป็นแฟนเนี่ยนะ คิดในใจ) เค้าก็อยากคุยกับเราอยู่แล้ว เราทักไปเค้าก็คุยไม่เห็นต้องเก็บมาคิดมากเลยเค้าเป็นแบบนี้เรารับได้มั๊ย ถ้ารับไม่ได้ก็คงต้องถอยคนละก้าว (เฮ้ย!!! นี่หรอวิธีแก้ปัญหาของเค้า ทำไมเค้าไม่ปรับอะไรบ้างนี่มีแฟนเเล้วนะ) คำตอบที่ได้จากเค้ามาไม่ได้ชอบให้เราหายน้อยใจกลับทำให้เรากลับรู้สึกแย่ไปอีก มีหลายครั้งที่เราแกล้งเงียบไมาทักไป 2-3 วัน คิดว่าเค้าจะทักบ้างแต่ก็ไม่มีค่ะ สุดท้ายเราก็ทนคิดถึงเค้าไม่ได้ต้องทักไปเองตลอด เรื่องนี้มันเป็นปัญหาระหว่างเราตลอดเวลาที่คบกัน เรากะแฟนไม่ค่อยได้เจอกันค่ะเดือนนึงบ้างทีไม่เจอก็มี เต็มที่เดือนละ 2-3 ครั้ง ขนาดเรียนที่เดียวกันนะแต่คนละสาขาตั้งแต่คบกันมาไม่เคยกินข้าวด้วยกันที่มหาลัยแม้แต่ครั้งเดียว บ้านไม่เคยกลับด้วยกันทั้งๆที่เค้ามีรถและทางกลับบ้านเค้าก็ทางเดียวกับบ้านเรา (ซึ่งเค้าสามารถแวะไปส่งได้ตามความเป็นจริง) ก็เข้าใจอีกค่ะว่าเลิกเรียนไม่ตรงกันแต่วันที่เลิกตรงกันล่ะ??? นานๆจะได้กลับที เล่าให้เพื่อนๆฟังเพื่อนก็บอกนี่มันไม่ใช่แฟนแล้วมั๊งแบบนี้ เวลาเค้านัดเราไปเที่ยวเราดีใจมากตกลงทุกครั้งไม่เคยปฏิเสธ แต่สิ่งที่เราผิดหวังคือแทบทุกครั้งที่เค้านัดเรา เพื่อนเค้าก็จะนัดซ้อนมานัดเค้าทีหลังและเค้าก็เลือกที่จะไปกะเพื่อนมาปฏิเสธเรา ขอโทษเราครั้ง 1 2 เราก็ยังเฉยๆนะ แต่พอมากๆเข้าเราเริ่มทำใจยอมรับไม่ได้ เลยพูดไปกะเค้าว่าถ้าจะนัดจริงๆขอให้ชัวร์ๆก่อนนะค่อยมานัด เค้าเป็น ผช ติดหรู ส่วนเรา ผญ ติดดิน เค้าถูกเลี้ยงมาด้วยเงิน ส่วนเราเลี้ยงมาแบบให้รู้จักใช้เงิน รู้จักเก็บออม เวลาไปไหนด้วยกันชุดเค้าทั้งชุดนี่เบรนดังๆทั้งนั้นไม่ต่ำกว่าหมื่น ชุดเราน่ะหรอเต็มที่พันนึงก็หรูเเล้ว เค้าชอบให้เราแต่ตัวสวยๆ ทาปากแดงๆ ซึ่งเราก็ชอบการแต่งตัวสวยๆ แต่การแต่งหน้าเราไม่ชอบค่ะทาปากแดงเคยลองทานะแต่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวเอง เค้าชอบ ผญ เปรี้ยวเรารู้การที่เค้าแนะนำนั่นนี่ให้เรา แต่เราเป็น ผญ หวานๆ ชอบเเต่งตัวเรียบๆหวานๆ เรารู้สึกว่าเราไม่เป็นตัวของตัวเองซักเท่าไหร่เวลาอยู่กะเค้า เราต้องดูดีเสมอ ซึ่งจิงๆแล้วเราเป็น ผญ โก๊ะๆ ฮาๆ ช่วงปิดเทอมเค้าชวนเราไปเที่ยว ตจว ค่ะ เราก็โอเคนะ เค้าบอกว่าเตรียมเงินไว้เลยประมาณ 15000 เราอึ้งค่ะ ถามว่าเรามีเงินมั๊ย เรามีค่ะแต่คิดย้อนไปว่ามันเป็นเงินเก็บที่ควรจะเอาไปทำไรที่มีประโยชน์มากกว่าเอาเงินไปเที่ยวแค่ 2-3 วัน เค้าวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีส่งโรงแรม 4-5 ดาว มาให้เราเลือกซึ่งแต่ละห้องค่าพักคืนนึงไม่ต่ำกว่า 5000 ค่ะ (ห้องถูกที่สุด) เราพยายามบอกว่าเลือกทีมันสวยรองลงมาแต่ราคาถูกกว่านี้จะดีมั๊ยกลัวเก็บเงินไม่ทัน (แกล้งพูดไปค่ะให้เค้าคิด) เหมือนเค้าจะเชื่อนะเเอบดีใจเบาๆ แต่ไปๆมาๆเค้าก็ไม่ยอมอยู่ดียืนยันจะอยู่โรงแรม 5 ดาวให้ได้ เค้าบอกว่าไปทั้งทีก็ไปดีๆเลย ซึ่งเราก็เข้าใจนะแต่มันแพงเกินเราไปนะยังหาเงินเองไม่ได้เลย เราอึดอัดอยากไปก็อยากแต่มันแพงเกินไปเราเสียดายเงินที่เก็บมา สุดท้ายไม่ได้ไปค่ะพอดีเค้าต้องไปฝึกงานเร็วกว่าที่คิดก็เลยเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่อง ช่วงปิดเทอมเราก็เลยคิดว่าไปหางานทำดีกว่าจะได้มีเงินใช้ดีกว่าอยู่บ้านเฉย ตระเวนหางานอยู่อาทิตย์นึงทั้งเดินหาตามห้าง ทั้งส่งเมลไป สุดท้ายความพยายามก็สำเร็จค่ะได้งานที่สมัครทางเมลเป็นงานที่ทำในห้างค่ะเราเลือกเพราะอยู่ใกล้บ้านเดินทางสะดวก แต่วันไปสัมภาษณ์ทางบริษัทขอให้เราไปทำสาขาอื่นก่อน 2 อาทิตย์เพราะไม่มีคนมันจำเป็นค่ะ เราก็โอเคไปได้เพราะมีรถไปสะดวกแต่ไกลนิดหน่อยเราจึงต่อรองว่าขอกลับเร็วหน่อยซึ่งทางบริษัทก็โอเค เราไปทำงานวันเเรกไม่รู้จักใคร (อาจจะงงว่าเราบอกไม่มีคนเเล้วคนอื่นเป็นใคร จะขอสรุปง่ายคือว่าเราไปทำงานในแผนกนั้นซึ่งนั้นแผนกนั้นจะมีหลายบริษัท ส่วนบริษัทเราหาคนไปทำสาขานั้นไม่ได้เลยส่งเราไปเพราะสาขาตรงบ้านเราคนเก่ายังไม่ออกแต่กำลังจะออกพอดี) แผนกที่เราอยู่นั้น ผช ค่อนข้างเยอะค่ะเราไปเเรกเป็นเด็กใหม่พวกพี่ๆ ผช ก็เป็นธรรมดาที่จะเข้ามาคุยมาช่วยอำนวยความสะดวกหลายๆอย่างเพราะเรายังไม่รู้ว่าอะไรเป็นยังไง อยู่ตรงไหนบ้าง ส่วนพี่ๆ ผญ ก็คอยชวนเราไปกินข้าว อยู่ในแผนกระหว่างทำงานก็มีหมาหยอกไก่บ้าง แซวบ้างตามประสาพี่ๆ ผช ส่วนตัวเเล้วเราเป็นคนเฟรนลี่ค่ะ เราก็คุยเล่นกะพี่ๆเค้าสนุกสนานกันในแผนกซึ่งเราก็รู้ค่ะว่า ผช เป็นที่รู้กันค่ะว่าพี่ๆ ผช พวกนั้นมีครอบครัว มีแฟนกันหมดแต่ก็ตามประสา ผช อ่ะค่ะ เราก็เด็กกว่าเราก็ต้องโดนหยอกโดนแกล้ง ไปใหม่ๆจะไปทำสัมพันธไมตรีไม่ดีไม่ได้เราไม่ได้อยู่คนเดียวในแผนก มีไรพี่ๆเค้าก็คอยช่วยเราเพราะเรายังใหม่กะการทำงานแบบนี้ มีพี่คนนึงค่ะจีบเราจริงจังทั้งที่ก็รู้ว่าเรามีแฟนเเล้วตัวเขาเองก็มีค่ะ (แฟนโหดด้วย อิอิ) เราทำงานไปได้ประมาณอาทิตย์นึงพี่คนนึงในแผนกเค้าก็บ้านที่ ตจว ทำให้บริษัทขาดคน (บริษัทเค้ามี 3 คนค่ะ) หัวหน้าแผนกไม่ยอมบริษัทพี่เค้าจึงส่งตัวแทนมาซึ่งตัวแทนคนนั้นเป็น ผช มาจากสาขาตรงบ้านเราซึ่งเรากำลังจะได้ไปทำในอีกไม่กีวัน เราได้เจอพี่ตัวแทนครั้งแรกแต่ก็ไม่ได้คุยกันค่ะเราไม่กล้าพี่เค้าก็คงไม่กล้า (ใจเราอยากจะคุยกะเขานะเพราะอยากถามเขาเรื่องสาขาตรงบ้านเราว่าจะรายงานตัวยังไงบ้าง) แต่พอซัก 2 วันไปก็ได้คุยกันพี่เค้าก็รู้ว่าเรากำลังจะย้ายไปทำสาขาเดียวกะเค้า เค้าก็บอกว่ามีอะไรปรึกษาพี่ได้นะ(ต่อไปจะขอเรียกพี่ M นะคะ)เขาก็ให้เราเมมเบอร์ไปทุกอย่างในที่ทำงานเป็นไปได้ดีค่ะ ส่วนพี่คนที่จีบเราก็จีบทุกวันค่ะ เรารู้ว่าเขามีแฟนเเล้วแต่เขาไม่เคยยอมรับค่ะ จนวันนึงเราไปเจอเฟสเขาเราเลยเอามาแฉว่าเรารู้เขานิ่งไปเลยจนด้วยหลักฐานทำเอาฮากันทั้งแผนกซึ่งแน่นอนว่าพี่ M ก็อยู่ด้วย ความจริงกระจ่างพี่เขาก็ยังไม่เลิกจีบค่ะเราก็ชินละปล่อยเขาไปเราไม่ไรด้วยซัอย่าง เรากับ พี่ M ก็สนิทกันมากขึ้น มีอยู่วันนึงค่ะขณะที่เราคุยกะ พี่ M พี่คนนั้นมาจีบเราตามปกติพูดว่าหวานๆหว่านล้อม อยู่ดีๆ พี่ M ก็จับมือเรา เราอึ้งนะตั้งสติแปบก็เลยอ่อ พี่ M คงหมั่นไส้พี่คนนั้นเลยแกล้ง แล้ว พี่ M ก็พูดว่าคนรักกันเค้าจับมือแบบนี้ พี่คนนั้นหน้าจ๋อยเลย ขำกันทั้งแผนกอีกที่พี่คนนั้นโดนตอกกลับ แต่เขาก็ไม่ละความพยายามค่ะจีบเหมือนเดิม ซึ่งถ้า พี่ M เห็นเขาก็จะทำเหมือนเดิมคือเดินมาจับมือเรา ความรู้สึกเรามันเหมือนเล่นๆกันนะแต่ก็แอบมีความจริงเล็กน้อยแฝงอยู่ พอเราได้มีโอกาสคุยกะ พี่ M จริงจังพี่เขาก็ถามว่าเรามีแฟนยังเราบอกมีเเล้ว เขาก็ถามว่าเวลากลับบ้านแฟนมารับหรอ เราบอกว่าป่าวเขาฝึกงานอีกอย่างเราก็อยู่ไกลกันไม่ค่อยได้เจอ เขาก็ถามไกลเเค่ไหนเราก็บอกไปนะ (แอบอายนิดเพราะจริงๆไม่ได้ไกลกันเลยการเดินทางก็สะดวก) พอบอกไปก็อย่างที่เราคิดเลยค่ะ พี่ M บอกว่าไม่เห็นจะไกล ถ้าใจอยากมาหาแค่นี้ทำไมจะมาไม่ได้ เราเฟลมากได้ยินแบบนั้นมันจริงอย่างเขาว่า เราก็เลยถาม พี่ M ว่าแล้วพี่ล่ะมีแฟนยังเขายอมรับแบบเต็มปากว่ามีแล้วแฟนกำลังท้องจะคลอดอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่ไปคลอดที่ ตจว บ้านพี่ M เดี๋ยวเขาเสร็จงานที่นี่ก็จะไปส่งแฟนที่บ้านรอคลอดส่วนตัวเขาก็จะกลับมาทำงานที่สาขาตรงบ้านเราวันที่เราต้องไปวันเเรกพอดี เราสนิทกับ พี่ M มากขึ้นเขาจะคอยกันพี่คนนั้นตลอดเวลามาจีบเรา เช้าวันนึงขณะที่เรากำลังจะไปทำงานแฟนเราโทรมาหาค่ะตกใจปนดีใจ แต่ค่อนไปทางดีใจมาก จริงๆระหว่างที่เราทำงานก็คุยกันนะแต่น้อยลงเพราะต่างคนต่างทำงาน เหนื่อยด้วยกว่าเราจะถึงบ้านก็ 5 ทุ่ม แฟนเราก็นอนแล้ว ได้คุยระหว่างวันนิดหน่อยเพราะที่ทำงานห้ามใช้โทรศัพท์ขณะทำงานแต่ก็เเอบใช้แหละธรรมดาแอบใช้กันทุกคน เช้าวันนั้นเรารู้สึกดีมากคุยแฟนไปได้ซัก 10 นาทีก็มีสายซ้อนเข้ามาปรากฎว่าเป็น พี่ M เราอึ้งไปใหญ่คิดว่าจะมีไรป่าวนะพอดีกำลังจะออกจากบ้าน+กับแฟนเราเพิ่งตื่นตอนโทรมาเราก็บอกแฟนว่าเดี๋ยวออกจากบ้านก่อนนะให้เค้าไปอาบน้ำล้างหน้าเค้าก็โอเคพอวางสายแฟนเราก็งงๆที่ พี่ M โทรมาแต่ก็ยังไม่ได้โทรกลับนะ เราออกจากบ้านจนไปถึงป้ายรถเมล์ก็เลยโทรกลับไปหา พี่ M ก็ถามว่าพี่มีไรป่าวโทรมา พี่เขาก็บอกว่าไม่มีไรแค่จะถามว่าออกจากบ้านยังเผื่อไปทางเดียวกันพี่ได้เเวะรับ เราก็งงคือเรากับเค้าบ้านคนละทางเลยนะถ้าจะมารับคงต้องย้อนมาไกลอ่ะ เราเลยบอกว่าไม่เป็นไรพี่ ตอนนั้นรอรถเมล์ซึ่งนานมากผิดปกติ พี่ M ก็ถามว่าขึ้นรถยังเราบอกว่ายัง เขาก็ถามอีกว่าให้พี่รอรับตรงไหนมั๊ยเราบอกไปว่าตรงแยกอ่ะพี่จะถึงห้างละพี่ไม่ต้องรอหรอกเดี๋ยวไปเอง สรุปคือ พี่ M ถึงก่อนโทรมาหาเราอีกจะให้รอเข้าแผนกพร้อมกันมั๊ย เราบอกไม่ต้องพี่จะสายเอา
เดี๋ยวมาต่อนะคะยาวมากแล้ว
ผิดที่ใคร? ใครที่ผิด?
เรากับแฟนเก่าคบกันมาได้ประมาน 1 ปีค่ะ เค้าเป็นคนที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อนค่ะเราเป็นแฟนเค้าคนเเรกเราก็พยายามทำความเข้าใจเค้านะคะว่าเค้าไม่เคยมีแฟนมาก่อนอาจจะทำตัวไม่ถูกเวลามีแฟน แต่มันก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้สึกสึกว่าเราไม่สำคัญกับเขาเลยด้วยซ้ำ เราพยายามทำหน้าที่แฟนให้ดีที่สุดทั้งโทร ทั้งทักในเฟส ในไลน์ ส่วนใหญ่จะคุยกันในเฟส (แต่โทรนี่น้อยค่ะเราเป็นคนไม่ค่อยชอบคุยโทรศัพท์นาน และก็ได้ตกลงกับแฟนเเล้วตั้งแต่วันเเรกที่คบแฟนเราก็ไม่ชอบคุยนานเหมือนกันเค้าว่ามางั้นนะ) ซึ่งเป็นเราทุกครั้งที่ทักเค้าไปถึงจะได้คุยกัน มีโทรบ้างช่วงแต่โทรนี่เดือนนึงเต็มที่ไม่เกิน 4-5 ครั้งค่ะ ซึ่งการที่เราเป็นฝ่ายทักเค้าตลอดมันทำให้เราน้อยใจมาก ถึงขั้นรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าพอที่เค้าจะทักมาเลยหรอ มีบ้างที่เค้าจะทักมาซึ่งการที่เค้าทักมาเราดีใจมากแต่สิ่งที่เค้าทักมาคือทำนี่ให้พี่หน่อย ซื้อนั่นให้หน่อย เเรกเราไม่รู้สึกไรนะจนมากเข้าเริ่มสังเกตว่าทุกครั้งที่เค้าทักว่าต้องมีเรื่องให้ช่วย ให้ทำ พอมันหนักเข้าเราก็ทนไม่ไหวตัดสินใจคุยกะเค้าไปเลยว่าทำไมเป็นแบบนี้ เค้าก็บอกว่าเค้าไม่ชอบทักใครก่อนอยู่เเล้ว (เราเป็นแฟนเนี่ยนะ คิดในใจ) เค้าก็อยากคุยกับเราอยู่แล้ว เราทักไปเค้าก็คุยไม่เห็นต้องเก็บมาคิดมากเลยเค้าเป็นแบบนี้เรารับได้มั๊ย ถ้ารับไม่ได้ก็คงต้องถอยคนละก้าว (เฮ้ย!!! นี่หรอวิธีแก้ปัญหาของเค้า ทำไมเค้าไม่ปรับอะไรบ้างนี่มีแฟนเเล้วนะ) คำตอบที่ได้จากเค้ามาไม่ได้ชอบให้เราหายน้อยใจกลับทำให้เรากลับรู้สึกแย่ไปอีก มีหลายครั้งที่เราแกล้งเงียบไมาทักไป 2-3 วัน คิดว่าเค้าจะทักบ้างแต่ก็ไม่มีค่ะ สุดท้ายเราก็ทนคิดถึงเค้าไม่ได้ต้องทักไปเองตลอด เรื่องนี้มันเป็นปัญหาระหว่างเราตลอดเวลาที่คบกัน เรากะแฟนไม่ค่อยได้เจอกันค่ะเดือนนึงบ้างทีไม่เจอก็มี เต็มที่เดือนละ 2-3 ครั้ง ขนาดเรียนที่เดียวกันนะแต่คนละสาขาตั้งแต่คบกันมาไม่เคยกินข้าวด้วยกันที่มหาลัยแม้แต่ครั้งเดียว บ้านไม่เคยกลับด้วยกันทั้งๆที่เค้ามีรถและทางกลับบ้านเค้าก็ทางเดียวกับบ้านเรา (ซึ่งเค้าสามารถแวะไปส่งได้ตามความเป็นจริง) ก็เข้าใจอีกค่ะว่าเลิกเรียนไม่ตรงกันแต่วันที่เลิกตรงกันล่ะ??? นานๆจะได้กลับที เล่าให้เพื่อนๆฟังเพื่อนก็บอกนี่มันไม่ใช่แฟนแล้วมั๊งแบบนี้ เวลาเค้านัดเราไปเที่ยวเราดีใจมากตกลงทุกครั้งไม่เคยปฏิเสธ แต่สิ่งที่เราผิดหวังคือแทบทุกครั้งที่เค้านัดเรา เพื่อนเค้าก็จะนัดซ้อนมานัดเค้าทีหลังและเค้าก็เลือกที่จะไปกะเพื่อนมาปฏิเสธเรา ขอโทษเราครั้ง 1 2 เราก็ยังเฉยๆนะ แต่พอมากๆเข้าเราเริ่มทำใจยอมรับไม่ได้ เลยพูดไปกะเค้าว่าถ้าจะนัดจริงๆขอให้ชัวร์ๆก่อนนะค่อยมานัด เค้าเป็น ผช ติดหรู ส่วนเรา ผญ ติดดิน เค้าถูกเลี้ยงมาด้วยเงิน ส่วนเราเลี้ยงมาแบบให้รู้จักใช้เงิน รู้จักเก็บออม เวลาไปไหนด้วยกันชุดเค้าทั้งชุดนี่เบรนดังๆทั้งนั้นไม่ต่ำกว่าหมื่น ชุดเราน่ะหรอเต็มที่พันนึงก็หรูเเล้ว เค้าชอบให้เราแต่ตัวสวยๆ ทาปากแดงๆ ซึ่งเราก็ชอบการแต่งตัวสวยๆ แต่การแต่งหน้าเราไม่ชอบค่ะทาปากแดงเคยลองทานะแต่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวเอง เค้าชอบ ผญ เปรี้ยวเรารู้การที่เค้าแนะนำนั่นนี่ให้เรา แต่เราเป็น ผญ หวานๆ ชอบเเต่งตัวเรียบๆหวานๆ เรารู้สึกว่าเราไม่เป็นตัวของตัวเองซักเท่าไหร่เวลาอยู่กะเค้า เราต้องดูดีเสมอ ซึ่งจิงๆแล้วเราเป็น ผญ โก๊ะๆ ฮาๆ ช่วงปิดเทอมเค้าชวนเราไปเที่ยว ตจว ค่ะ เราก็โอเคนะ เค้าบอกว่าเตรียมเงินไว้เลยประมาณ 15000 เราอึ้งค่ะ ถามว่าเรามีเงินมั๊ย เรามีค่ะแต่คิดย้อนไปว่ามันเป็นเงินเก็บที่ควรจะเอาไปทำไรที่มีประโยชน์มากกว่าเอาเงินไปเที่ยวแค่ 2-3 วัน เค้าวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีส่งโรงแรม 4-5 ดาว มาให้เราเลือกซึ่งแต่ละห้องค่าพักคืนนึงไม่ต่ำกว่า 5000 ค่ะ (ห้องถูกที่สุด) เราพยายามบอกว่าเลือกทีมันสวยรองลงมาแต่ราคาถูกกว่านี้จะดีมั๊ยกลัวเก็บเงินไม่ทัน (แกล้งพูดไปค่ะให้เค้าคิด) เหมือนเค้าจะเชื่อนะเเอบดีใจเบาๆ แต่ไปๆมาๆเค้าก็ไม่ยอมอยู่ดียืนยันจะอยู่โรงแรม 5 ดาวให้ได้ เค้าบอกว่าไปทั้งทีก็ไปดีๆเลย ซึ่งเราก็เข้าใจนะแต่มันแพงเกินเราไปนะยังหาเงินเองไม่ได้เลย เราอึดอัดอยากไปก็อยากแต่มันแพงเกินไปเราเสียดายเงินที่เก็บมา สุดท้ายไม่ได้ไปค่ะพอดีเค้าต้องไปฝึกงานเร็วกว่าที่คิดก็เลยเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่อง ช่วงปิดเทอมเราก็เลยคิดว่าไปหางานทำดีกว่าจะได้มีเงินใช้ดีกว่าอยู่บ้านเฉย ตระเวนหางานอยู่อาทิตย์นึงทั้งเดินหาตามห้าง ทั้งส่งเมลไป สุดท้ายความพยายามก็สำเร็จค่ะได้งานที่สมัครทางเมลเป็นงานที่ทำในห้างค่ะเราเลือกเพราะอยู่ใกล้บ้านเดินทางสะดวก แต่วันไปสัมภาษณ์ทางบริษัทขอให้เราไปทำสาขาอื่นก่อน 2 อาทิตย์เพราะไม่มีคนมันจำเป็นค่ะ เราก็โอเคไปได้เพราะมีรถไปสะดวกแต่ไกลนิดหน่อยเราจึงต่อรองว่าขอกลับเร็วหน่อยซึ่งทางบริษัทก็โอเค เราไปทำงานวันเเรกไม่รู้จักใคร (อาจจะงงว่าเราบอกไม่มีคนเเล้วคนอื่นเป็นใคร จะขอสรุปง่ายคือว่าเราไปทำงานในแผนกนั้นซึ่งนั้นแผนกนั้นจะมีหลายบริษัท ส่วนบริษัทเราหาคนไปทำสาขานั้นไม่ได้เลยส่งเราไปเพราะสาขาตรงบ้านเราคนเก่ายังไม่ออกแต่กำลังจะออกพอดี) แผนกที่เราอยู่นั้น ผช ค่อนข้างเยอะค่ะเราไปเเรกเป็นเด็กใหม่พวกพี่ๆ ผช ก็เป็นธรรมดาที่จะเข้ามาคุยมาช่วยอำนวยความสะดวกหลายๆอย่างเพราะเรายังไม่รู้ว่าอะไรเป็นยังไง อยู่ตรงไหนบ้าง ส่วนพี่ๆ ผญ ก็คอยชวนเราไปกินข้าว อยู่ในแผนกระหว่างทำงานก็มีหมาหยอกไก่บ้าง แซวบ้างตามประสาพี่ๆ ผช ส่วนตัวเเล้วเราเป็นคนเฟรนลี่ค่ะ เราก็คุยเล่นกะพี่ๆเค้าสนุกสนานกันในแผนกซึ่งเราก็รู้ค่ะว่า ผช เป็นที่รู้กันค่ะว่าพี่ๆ ผช พวกนั้นมีครอบครัว มีแฟนกันหมดแต่ก็ตามประสา ผช อ่ะค่ะ เราก็เด็กกว่าเราก็ต้องโดนหยอกโดนแกล้ง ไปใหม่ๆจะไปทำสัมพันธไมตรีไม่ดีไม่ได้เราไม่ได้อยู่คนเดียวในแผนก มีไรพี่ๆเค้าก็คอยช่วยเราเพราะเรายังใหม่กะการทำงานแบบนี้ มีพี่คนนึงค่ะจีบเราจริงจังทั้งที่ก็รู้ว่าเรามีแฟนเเล้วตัวเขาเองก็มีค่ะ (แฟนโหดด้วย อิอิ) เราทำงานไปได้ประมาณอาทิตย์นึงพี่คนนึงในแผนกเค้าก็บ้านที่ ตจว ทำให้บริษัทขาดคน (บริษัทเค้ามี 3 คนค่ะ) หัวหน้าแผนกไม่ยอมบริษัทพี่เค้าจึงส่งตัวแทนมาซึ่งตัวแทนคนนั้นเป็น ผช มาจากสาขาตรงบ้านเราซึ่งเรากำลังจะได้ไปทำในอีกไม่กีวัน เราได้เจอพี่ตัวแทนครั้งแรกแต่ก็ไม่ได้คุยกันค่ะเราไม่กล้าพี่เค้าก็คงไม่กล้า (ใจเราอยากจะคุยกะเขานะเพราะอยากถามเขาเรื่องสาขาตรงบ้านเราว่าจะรายงานตัวยังไงบ้าง) แต่พอซัก 2 วันไปก็ได้คุยกันพี่เค้าก็รู้ว่าเรากำลังจะย้ายไปทำสาขาเดียวกะเค้า เค้าก็บอกว่ามีอะไรปรึกษาพี่ได้นะ(ต่อไปจะขอเรียกพี่ M นะคะ)เขาก็ให้เราเมมเบอร์ไปทุกอย่างในที่ทำงานเป็นไปได้ดีค่ะ ส่วนพี่คนที่จีบเราก็จีบทุกวันค่ะ เรารู้ว่าเขามีแฟนเเล้วแต่เขาไม่เคยยอมรับค่ะ จนวันนึงเราไปเจอเฟสเขาเราเลยเอามาแฉว่าเรารู้เขานิ่งไปเลยจนด้วยหลักฐานทำเอาฮากันทั้งแผนกซึ่งแน่นอนว่าพี่ M ก็อยู่ด้วย ความจริงกระจ่างพี่เขาก็ยังไม่เลิกจีบค่ะเราก็ชินละปล่อยเขาไปเราไม่ไรด้วยซัอย่าง เรากับ พี่ M ก็สนิทกันมากขึ้น มีอยู่วันนึงค่ะขณะที่เราคุยกะ พี่ M พี่คนนั้นมาจีบเราตามปกติพูดว่าหวานๆหว่านล้อม อยู่ดีๆ พี่ M ก็จับมือเรา เราอึ้งนะตั้งสติแปบก็เลยอ่อ พี่ M คงหมั่นไส้พี่คนนั้นเลยแกล้ง แล้ว พี่ M ก็พูดว่าคนรักกันเค้าจับมือแบบนี้ พี่คนนั้นหน้าจ๋อยเลย ขำกันทั้งแผนกอีกที่พี่คนนั้นโดนตอกกลับ แต่เขาก็ไม่ละความพยายามค่ะจีบเหมือนเดิม ซึ่งถ้า พี่ M เห็นเขาก็จะทำเหมือนเดิมคือเดินมาจับมือเรา ความรู้สึกเรามันเหมือนเล่นๆกันนะแต่ก็แอบมีความจริงเล็กน้อยแฝงอยู่ พอเราได้มีโอกาสคุยกะ พี่ M จริงจังพี่เขาก็ถามว่าเรามีแฟนยังเราบอกมีเเล้ว เขาก็ถามว่าเวลากลับบ้านแฟนมารับหรอ เราบอกว่าป่าวเขาฝึกงานอีกอย่างเราก็อยู่ไกลกันไม่ค่อยได้เจอ เขาก็ถามไกลเเค่ไหนเราก็บอกไปนะ (แอบอายนิดเพราะจริงๆไม่ได้ไกลกันเลยการเดินทางก็สะดวก) พอบอกไปก็อย่างที่เราคิดเลยค่ะ พี่ M บอกว่าไม่เห็นจะไกล ถ้าใจอยากมาหาแค่นี้ทำไมจะมาไม่ได้ เราเฟลมากได้ยินแบบนั้นมันจริงอย่างเขาว่า เราก็เลยถาม พี่ M ว่าแล้วพี่ล่ะมีแฟนยังเขายอมรับแบบเต็มปากว่ามีแล้วแฟนกำลังท้องจะคลอดอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่ไปคลอดที่ ตจว บ้านพี่ M เดี๋ยวเขาเสร็จงานที่นี่ก็จะไปส่งแฟนที่บ้านรอคลอดส่วนตัวเขาก็จะกลับมาทำงานที่สาขาตรงบ้านเราวันที่เราต้องไปวันเเรกพอดี เราสนิทกับ พี่ M มากขึ้นเขาจะคอยกันพี่คนนั้นตลอดเวลามาจีบเรา เช้าวันนึงขณะที่เรากำลังจะไปทำงานแฟนเราโทรมาหาค่ะตกใจปนดีใจ แต่ค่อนไปทางดีใจมาก จริงๆระหว่างที่เราทำงานก็คุยกันนะแต่น้อยลงเพราะต่างคนต่างทำงาน เหนื่อยด้วยกว่าเราจะถึงบ้านก็ 5 ทุ่ม แฟนเราก็นอนแล้ว ได้คุยระหว่างวันนิดหน่อยเพราะที่ทำงานห้ามใช้โทรศัพท์ขณะทำงานแต่ก็เเอบใช้แหละธรรมดาแอบใช้กันทุกคน เช้าวันนั้นเรารู้สึกดีมากคุยแฟนไปได้ซัก 10 นาทีก็มีสายซ้อนเข้ามาปรากฎว่าเป็น พี่ M เราอึ้งไปใหญ่คิดว่าจะมีไรป่าวนะพอดีกำลังจะออกจากบ้าน+กับแฟนเราเพิ่งตื่นตอนโทรมาเราก็บอกแฟนว่าเดี๋ยวออกจากบ้านก่อนนะให้เค้าไปอาบน้ำล้างหน้าเค้าก็โอเคพอวางสายแฟนเราก็งงๆที่ พี่ M โทรมาแต่ก็ยังไม่ได้โทรกลับนะ เราออกจากบ้านจนไปถึงป้ายรถเมล์ก็เลยโทรกลับไปหา พี่ M ก็ถามว่าพี่มีไรป่าวโทรมา พี่เขาก็บอกว่าไม่มีไรแค่จะถามว่าออกจากบ้านยังเผื่อไปทางเดียวกันพี่ได้เเวะรับ เราก็งงคือเรากับเค้าบ้านคนละทางเลยนะถ้าจะมารับคงต้องย้อนมาไกลอ่ะ เราเลยบอกว่าไม่เป็นไรพี่ ตอนนั้นรอรถเมล์ซึ่งนานมากผิดปกติ พี่ M ก็ถามว่าขึ้นรถยังเราบอกว่ายัง เขาก็ถามอีกว่าให้พี่รอรับตรงไหนมั๊ยเราบอกไปว่าตรงแยกอ่ะพี่จะถึงห้างละพี่ไม่ต้องรอหรอกเดี๋ยวไปเอง สรุปคือ พี่ M ถึงก่อนโทรมาหาเราอีกจะให้รอเข้าแผนกพร้อมกันมั๊ย เราบอกไม่ต้องพี่จะสายเอา
เดี๋ยวมาต่อนะคะยาวมากแล้ว