ลองเขียนเล่นๆค่ะ ยังไม่มีชื่อเรื่องเลย

กระทู้คำถาม
“ทำไมบนโลกใบนี้มันถึงได้โหดร้ายกับฉันอย่างนี้นะ” ฉันนั่งบ่นคนเดียวหลังจากที่กลับมาจากเรียนก็ในชีวิตฉันมันไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง เรียนก็ไม่เก่ง หน้าก็ไม่สวย บ้านก็ไม่รวย แฟนก็ไม่มี (ก็หน้าอย่างนี้ใครจะกล้าเอาไปทำแฟน)  ฉันชื่อ น้ำปั่น ที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะบ้านฉันเป็นบ้านตระกูลน้ำค่ะ พ่อชื่อ น้ำเหนือ แม่ชื่อน้ำฝน พี่ชายชื่อน้ำแข็ง ดีนะที่พ่อกับมีลูกแค่2คน ถ้ามีหลายคนนะบ้านฉันคงมีน้ำเขียว น้ำเหลือง น้ำแดง และก็น้ำ บลาๆๆๆ หลายน้ำแน่เลย

บทที่1
“ไอ้ปั่นทำไม่ทำหน้าตาเหงาหงอยอย่างนั่นว่ะ”  กุ้งนางเพื่อนฉันทักเพราะตอนนี้ฉันเหมือนคนหมดอาไรตายอยากกับชีวิตสุดๆ “ แกจะไม่ให้ฉันหงอยได้ไงว่ะแกรู้มั้ยตอนนี้ฉันรู้สึกว่าฉันยิ้มไม่มีอะไรดีเลยในชีวิต  ไปเรียนพิเศษเด็กมัธยมยังเก่งกว่าเลย ชอบผู้ชายผู้ชายก็ไม่ชอบ ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องสักอย่างแล้วอย่างนี้แกยังจะให้ฉันนั่งยิ้มได้หรอว่ะ”  
“ เอาน่าคนเรามันพัฒนากันได้  อย่าคิดมากเลยไปกินข้าวกันดีกว่า”
“ เออดีเหมือนกันกำลังหิวพอดี อ่าวแล้วไอ้แอน กะไอ้โมเมหละ พวกมันเข้าห้องน้ำยุเดี๋ยวก็มา  นั่นไงมาแล้ว ปะไปกันเถอะ”
ฉันกับเพื่อนไปกินก๋วยเตี๋ยวหน้ามอร้านประจำ เพราะว่าไม่ชอบกินข้าวในมอมันไม่อร่อย
“เฮ้ยแกนั่นมันน็อตที่แกชอบนี่หว่าแอนมากินข้าวร้านเดียวกันเราเลยว่ะ” โมเมทักขึ้น  
“ไหนๆๆ นั่นไง เออใช่จริงๆด้วยว่ะ” พอไอ้แอนเห็นผู้ชายที่แอบชอบเท่านั่นไม่เป็นอันกินข้าวนั่งบิดไปบิดมาเชียว      “ เฮ้ยเก็บอาการบ้างก็ได้นะแกเขินยังกะเค้ารู้จักแกงั้นแหละ” ไอ้กุ้งพูดขึ้น
“เออใช่เค้าไม่รุ้จักแกสักหน่อยจะเขินอะไรนักหนาวะ” ฉันเสริมอีกคน
“พวกแกอ่ะไม่รู้อะไรน็อตอ่ะเขามาหาฉันทุกวัน”   ในฝันหละสิ พวกฉัน3คนพูดขึ้นพร้อมกัน หลังจากทนฟังไม่ไหว  “ ฮุ๊ย เกลียดนักอิพวกรู้ทัน”

หลังจากกินข้าวเสร็จพวกเราก็มาเรียนตอนบ่ายกัน “เฮ้ยแกอีกไม่กี่อาทิตย์พวกเราก็ปิดเทอมและพวกแกจะทำอะไรกันว่ะปิดเทอมตั้ง5เดือน”  ฉันถามขึ้น    “ฉันว่าจะไปหางานทำว่ะ”   แอนพูดขึ้น  “ฉันก็เหมือนกัน” กุ้งกับโมเมก็พูดเหมือนกัน แล้วแกอ่ะปั่น “ฉันยังไม่รู้เลยสงสัยน่าจะได้ไปนั่งเรียนพิเศษกับเด็กมัธยมมั้ง แค่พูดถึงยังเซ็งเลย”
พอเรียนเสร็จพวกเราก็มาอยู่ที่หอฉัน “วันนี้เราไปวิ่งอ่อย เอ๊ย ไปวิ่งออกกำลังกายที่หนองดีมั๊ยว่ะ” ฉันชวนเพื่อนๆ “ เออดีเหมือนกันไม่ได้ไปนานและ” กุ้งตอบรับ
พอ5โมงเย็นพวกเราก็ถึงหนองประจักร พอยืดเส้นยืดสายเสร็จพวกเราก็วิ่งไอ้3คนนั้นมันวิ่งไม่ได้รอฉันเลย ฉันวิ่งไม่ทันเพื่อนอันที่จริงจะว่าวิ่งก็ไม่ใช่เพราะฉันเดินเร็วๆเอากลัวขาใหญ่ไม่กล้าวิ่ง ฉันเสียบหูฟังฟังเพลงพร้อมกับเดินไปเรื่อยๆไม่ได้สนใจบรรยากาศรอบข้างสักเท่าไหร่อยู่ๆฉันก็รู้สึกได้ถึงแรกกระแทกจากด้านหน้า “อุ๊ย ขอโทษค่ะ”   ฉันพูดขอโทษหลังจากที่รู้ตัวว่าตัวเองเดินชนคนเข้าฉันเงยหน้าขึ้นมองคู่กรณี  โห หล่ออ่ะ
“ไม่เป็นไรคับแต่ที่หลังช่วยดูตาม้าตาเรือนิดนึงนะ”
แล้วก็เดินจากไป เพร๊ง@#!@@#_-ขอคืนได้มั๊ยคำชมเมื่อกี้ เห็นว่าหล่อแล้วจะพูดอะไรก็ได้หรอยะฉันก็ขอโทษไปแล้วนะจะเอาอะไรอีกก็คนมันมองไม่เห็นนิหว่าฮึย
ฉันเดินได้รอบนึงเหนื่อยเลยมานั่งรอพวกนั้นที่ม้านั่ง สักพัก3คนนั้นก็มานั่งด้วย “โหย เหนื่อยๆๆๆ”            ไอ้กุ้งบ่น
“แหมที่เดินช็อปในห้างเป็นชั่วโมงไม่เห็นบ่นสักคำวิ่งแค่นี้ทำเป็นบ่น”  ฉันแซวขึ้น
“ว่าแต่คนอื่นนะ ที่แกเป็นคนชวนเพื่อนมาแท้ๆดันมาเดิน”  ไอ้แอนพูดขึ้น “ ก็คนกลัวขาใหญ่นิหว่า”
“ เออมื้อกี้ฉันเดินชนผู้ชายคนหนึ่งว่ะหล่อมากแต่ปากจัดชิบ”
“หรอ....ไม่เป็นไรหรอกเพราะความหล่อเราอภัยได้เสมอ”   โมเมพูดขึ้น “อย่าๆๆมาพูดเลยแกไม่เจอกับตัวไม่รู้หลอกว่ามันหน้าแตกแค่ไหนที่โดนผู้ชายด่า” (ถึงจะหล่อก็เถอะ)
พอพูดเสร็จฉันเหลือไปมองเห็นผู้ชายคนนั้นเข้าพอดี “เฮ้ยนั่นไงๆคนที่ฉันเดินชน” ฉันรีบชี้ให้เพื่อนดู
“เฮ้ยนั้นมันยูนี่หว่า” ไอ้แอนทักขึ้น   “ยูไหนว่ะ”  ฉันถามงงๆ  “ก็ยูที่เป็นเดือนคณะเทคโนปีนี้ไง น้องเค้าออกจะดังพวกแกไม่รู้จักได้ไงว่ะ”  “อ้าวก็ฉันไม่ได้สนใจแต่ผู้ชายเหมือนแกนิหว่าวันๆเอาแต่ส่องผู้ชายในเฟซบุ๊ค”
“ก็คนมันชอบนิหว่า เค้าเรียกอาหารทางใจ”   หราาาา พวกฉัน3คนพูดขึ้นพร้อมกัน
“กลับเหอะ”  ฉันชวนเพื่อนๆ  
“ อืม”
“ ปะ”
“ ปะ”
พอกลับมาถึงหอเพื่อนๆก็แยกย้ายกันกลับห้องใครห้องมัน
วันนี้เราไม่กินข้าวค่ะไดเอท พออาบน้ำเสร็จฉันก็เลยมาเช็คเฟซสักหน่อย ยูหรอ ขอดูหน่อยสิดังแค่ไหน
ว่าแล้วฉันก็พิมพ์หาชื่อนายนั้น “น่ารักจังเลย”
“ หล่ออ่ะ”    บลาๆๆๆๆ คอมเม้นใต้รูป โห คนชอบเยอะขนาดนี้เลยหรอ ฉันดูรูปไปเรือยๆ เอ๊ะ ทำไมนายนี่มีรูปคู่กับพี่ยิมสุดหล่อของฉันด้วยแถวโพสว่า ห๊า พี่น้อง
(พี่ยิมเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยที่ฉันแอบชอบตั้งแต่ปี1 แถมเป็นองค์การนักศึกษาด้วย อร้ายพูดแล้วเขิน) นายปากจัดเป็นน้องพี่ยิม ทำไมโลกกลมอย่านี้นะ  อยากเห็นหน้าพ่อกับแม่2คนนี้จัง บ้านนี้ลูกชายมีแต่คนหล่อๆ


บทที่2
วันนี้ที่มหาลัยจัดงานครบรอบ90ปี ฉันก็เลยไปทำพิธีเอากิจกรรมสักหน่อยแน่นอนว่าต้องลาก3ตัวนั้นมาด้วยถึงแม้มันจะเช้าแค่ไหนก็ตาม “ กว่าจะเสร็จฉันดำหมดแล้วเนี๊ย”  แอนบ่น  “ใช่หอประชุมก็มีทำไมไม่ไปจัดในนั้นว่ะมาจัดอะไรกลางสนามก็ไม่รู้” กุ้งเสริมต่อ
“ก็นักศึกษาเยอะจัดในหอประชุมคนก็แน่นสิว่ะ”    ฉันอธิบาย “ ไปเรียนเหอะเดี๋ยวสาย” โมเมพูดขึ้น        พอมาถึงห้องเรียน
“อ่าวเพื่อนๆฟังทางนี้” อิ๋มซึ่งเป็นหัวหน้าห้องเรียนพูดขึ้น
“เพื่อนๆวันนี้เรามีข่าวมาประชาสัมพันธ์ อาทิตย์หน้าจะมีค่ายอาสาไปทำห้องสมุดที่โรงเรียนในถิ่นธุระกันดาร เป็นเวลา2 วัน 1 คืน ใครสนใจมาลงชื่อที่เราได้เลย ขอบอกว่างานนี้พี่ยิมองการสุดหล่อก็ไปด้วย”
พอได้ยินแค่ชื่อพี่ยิมเท่านั้นแหละ ฉันไปลงชื่อทันทีและก็ลงให้3คนนั้นด้วยถึงแม้พวกมันจะไม่เต็มใจก็ตาม
นี้จะเป็นโอกาสที่ฉันจะได้อยู่ใกล้พี่ยิมสุดหล่อ พูดแล้วอยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ
1 อาทิตย์ผ่านไปไวตามใจคนเขียน อิ อิ
“สำหรับใครที่จะไปค่ายอาสาขึ้นรถทางนี้เลยนะครับ”
“ เฮ้ยนั่นไงแกรถจอดอยู่ทางนั้น” ฉันกับเพื่อนๆที่เพิ่งมาถึงมหาลัยได้ยินเสียงพี่เค้าประกาศก็รีบวิ่งไปขึ้นรถ “โอ้ย” ระหว่างที่กำลังจะขึ้นรถฉันไม่ได้มองว่ามีใครกำลังลงมาทำให้เราชนกันอย่างจัง ฉันหันไปมองหน้าคู่กรณี นายยู อีกแล้วหรอ
“นี้เธอไม่ดูตาม้าตาเรือเลยนะคนกำลังลงมาไม่เห็นหรอ”
“ อู้ย แรง” เพื่อนๆฉันพูดขึ้นพร้อมกัน
“ ถ้าเห็นแล้วจะชนหรอ” ฉันตอบกลับด้วยความโมโห
“ไปกันเถอะพวกเรา” พูดแล้วฉันก็รีบขึ้นรถไปทันทีไม่ได้สนใจคนที่ยืนทำหน้ายักษ์อยู่ตรงนั้น
พอไปถึงที่โรงเรียน พวกพี่ๆก็ให้เอาของไปเก็บและลงมารวมตัวกันที่หอประชุมโรงเรียน
“น้องๆมาครบรึยังครับ” พี่ยิมสุดหล่อถาม คนอะไรก็ไม่รู้หล่อเป็นบ้าเลย ถ้ามาครบแล้วพี่จะแบ่งกลุ่มเลยนะครับ เราจะแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่มนะครับแต่ละกลุ่มก็มีหน้าที่แตกต่างกันไป  พอแบ่งกลุ่มเสร็จ พวกเราก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายกันทันที ฉันกับเพื่อนๆได้อยู่ฝ่ายปฏิคม คอยเสริฟน้ำ ทำอาหาร  และเป็นพยาบาลในตอนที่จำเป็น
จะบอกให้นะว่าฉันถนัดนักเรื่องทำอาหาร555 ถ้าใครได้ชิมฝีมือไอ้ปั่นคนนี้หละก็จะติดใจจนลืมไม่ลงเลย
(ไม่ได้หลงตัวเองนะแค่พูดความจริง อิ อิ ) แน่นอนว่ากลุ่มแรกที่พวกฉันจะไปบริการถึงที่คือกลุ่มของพี่ยิมที่กำลังเลื่อยได้กันอยู่
“พี่ยิมคะ น้ำค่ะ” ฉันเอาน้ำไปให้พี่ยิม ส่วนคนอื่นๆก็ไปกินเองเพราะฉันหิ้วกระติกน้ำมาให้แล้ว (ไม่ได้2มาตรฐานเลยนะ)
  “ขอบคุณครับ”
“ เหนื่อยมั้ยค่ะ”
“ ไม่เหนื่อยครับ” คนอะไรยิ่งเหงื่อออกยิ่งมีเสน่ห์
ตาคม คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ริมฝีปากสีชมพู  ผิวเนียนสุดๆที่สำคัญล้ำมากกกกกกกกก เอ่อ หน้าพี่มีอะไรติดหรอครับ  
“พี่ยิมทักขึ้นเพราะเห็นฉันยืนมองหน้าอยู่นาน”
“ ออ อ๋อ ไม่มีไรค่ะ”
“ งั้นขอบคุณนะครับสำหรับน้ำ”
“ ค่ะ”
ในเมื่อกลุ่มพี่ยิมเป็นกลุ่มแรกที่ฉันเอาน้ำไปให้ก็คงไม่ต้องพูดว่าใครเป็นกลุ่มสุดท้าย คงหนีไม่พ้นนายยู
“นี่ทุกคนน้ำอยู่นี่นะใครหิวก็เชิญเลย”
  “โอ๊ย” ฮึ เสียงใครเป็นอะไร ฉันพูดหลังได้ยินเสียงคนร้อง
“ ปั่นๆมาดูยูหน่อยมันตอกกะปูพลาดโดนมือ”  ฉันรีบเดินไปดูพร้อมกับอุปกรณ์ปฐมพยาบาล
“ไหนๆดูสิเป็นไรมากรึป่าว”
“โอ๊ย” นี่เธอจับเบาๆหน่อยสิเจ็บนะ
“เจ็บแล้วยังปากดีอีกนะนายนี่ มีเลือดออกด้วยอ่ะ ไปตอกอีท่าไหนให้โดนมือตัวเองเนี๊ยฮะไม่รู้จักระวัง”   ฉันบ่น  
“มาจะทำแผลให้”
“ โอ๊ยๆๆ แสบ”
“ ทนหน่อยสิรู้แล้วว่าเจ็บ อยู่เฉยๆเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”

ยู
ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้มือหนักเป็นบ้าเลย ผมมานั่งบ่นคนเดียวหลังจากที่ไม่ได้ทำงานแล้วเพราะมือเจ็บ
เซ่อจริงๆเลยเรา ตอกตะปูแค่นี้ก็พลาด ไหนๆก็ไม่มีไรทำและไปเดินดูคนอื่นๆทำงานดีกว่า
ผมเดินมาจนถึงกลุ่มพี่ยู ก็เห็นยัยน้ำปั่นอะไรนั่นเอาอกเอาใจพี่ยูใหญ่เลย ที่ผมหละมีแต่ด่าไม่เห็นเอาใจแบบนั้นเลย ขนาดมือเจ็บยังโดนด่า
“อ่าวยูได้ข่าวว่ามือเจ็บหรอ” พี่ยิมถามด้วยความเป็นห่วง
“ครับ นิดหน่อยนะพี่”
“นิดหน่อยแต่ร้องซะลั่นเลย ฮึๆ”
“ นี่เธอไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้นะ” ผมแขวะยัยเตี้ยที่ แขวะผมก่อน  
“นี่นาย”   “ เอาหละๆ พี่ว่าเราแยกย้ายกันไปทำงานดีกว่านะ” พี่ยิมที่เห็นท่าไม่ดีรีบห้ามทัพ  
“ค่ะ งั้น ปั่นไปทำอาหารดีกว่านี้ก็ใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว” พอพูดเสร็จยัยนั่นก็หันมาค้อนใส่ผมแล้วก็เดินไปทำอาหารอย่างที่พูด  คนอะไรก็ไม่รู้น่ารำคาญชิบ



น้ำปั่น
“อ้าวทุกคนได้เวลาอาหารเย็นแล้วนะคะ” ฉันเรียกทุกคนมากินข้าวหลังจากที่ ฉันกับเพื่อนทำอาหารเสร็จ
มื้อนี้มี แกงจืด ผัดเปรี้ยวหวานแล้วก็ไข่เจียวนะคะ  แหม
“กลิ่มหอมน่ากินจัง” พี่ๆที่กำลังเดินมาชมมาแต่ไกล
“ก็ฝีมือพวกเราสาวเอกอิ้งนี่คะ” ยัยแอนพูดขึ้น
“ กลิ่มก็หอมดีนะแต่ไม่รู้รสชาติจะกินได้หรือเปล่า” นายยูที่เดินตามหลังมาติดๆพูดขึ้น
“นี่นายระดับฉันอร่อยทุกอย่างยะ ชิ” ฉันสะบัดบ๊อบใส่นายนั้น  
“พี่ยิมคะมาปั่นตักข้าวให้”
“ขอบคุณครับ”
“แหมเอาใจจังนะ” โมเมแซว
“ขอนิดนึงน่านานๆจะได้ใกล้ชิดสักที”
“เออๆเต็มที่ๆฉันไม่แซวและ”  หลังจากกินข้าวเสร็จก็เป็นเวลา6โมงเย็นพอดีฉันเห็นแสงสวยดีเลยไปถ่ายรูปเล่นสักหน่อย ชวนเพื่อนก็ไม่มีใครไปด้วยสักคน ไปคนเดียวก็ได้ว่ะ  ฉันเดินถ่ายวิวรอบๆพอมมองฟ้าอีกทีก็ใกล้มืดแล้ว กลับดีกว่า
ขณะที่กำลังจะเดินกลับฉันก็ได้ยินเสียงคนร้อง  
“โอ๊ย” ฮึเสียงใคร พอเดิมตามเสียงไปก็เห็นนายยูนั่งทำหน้าไม่สู้ดีนักอยู่ที่พื้น
“นี้นายเป็นอะไรอีกหละ”
“ล้ม”
“ ฮะอะไรนะ”
“ สะดุดเครือไม้ล้ม”  นายนั้นพูดเสียงดัง
“555555”  หัวเราะอะไร
“ก็หัวเราะนายนะสิคนอะไรซุ่มซ่ามจริงๆ มาๆลุกขึ้น”
“ จะไปไหนก็ไปเลยไม่ต้องมาหัวเราะเยาะฉัน”
“ นี่ฉันอุตส่าห์จะช่วยนายนะ เออไปก็ได้ว่ะ”
ฉันรีบเดินหนีทันทีคนอะไรก็ไม่รู้คนเขาอุตส่าห์มีน้ำจะช่วยแท้ๆ  
“โอ๊ย” ฉันหันกลับไปมองนายนั้นที่พยามยามลุกด้วยตัวเองแต่ไม่เป็นผล สุดท้ายฉันก็ต้องกลับไปช่วยเหมือนเดิม  
“ล้มแรงหรอถึงขั้นลุกไม่ได้เลยหรอ”
“อืม”
“ ไหนดูหน่อย โหนี้ขานายบวมด้วยอ่ะ มาๆฉันช่วย” สุดท้ายนายยูก็ยอมให้ฉันช่วยแต่โดยดี
“คนอะไรตัวหนักเป็นบ้า” อย่าบ่นไปหน่อยเลยน่า
“วันนี้ซวยชิบ มือก็เจ็บขาก็เจ็บ” นายนั้นบ่น  “อะๆระวังๆเดินดีๆ” พอมาถึงที่พักเพื่อนก็มาช่วยกันพยุงนายยูไปที่ห้องพัก กุ้งแกไปเอายานวดมาให้ฉันหน่อยนะเดี๋ยวจะได้เอาไปให้นายนั้น  
อมยิ้ม02อมยิ้ม02เดี๋ยวมาต่อนะคะอมยิ้ม03
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งนิยาย
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่