อยากแชร์เรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาให้หลายๆคนได้อ่านกันค่ะ เผื่อจะมีประโยชน์กับหลายคนค่ะ ข้อความอาจจะเยอะไป แต่อย่าเพิ่งเบื่อกันน๊ะ>> อ่านให้จบน๊ะค่ะ อุอิ
เริ่มเลยค่ะ>>>>
ตอนเด็กๆสมัยเป็นเด็กประถมเรียนที่โรงเรียนในหมู่บ้าน ดิฉันมีความฝันอยู่มากมายหลายอย่างฝันอยากจะเป็นนั่นเป็นนี่ความฝัน เด็กๆอาจเป็นความฝันที่ไร้สาระเป็นความฝันที่ไม่ได้อยู่ในโลกของความเป็นจริงเคยพูดกับเพื่อนๆเล่นๆว่าฉันอยากจะบินได้ก็พูดเล่นๆตามประสาเด็กๆไม่ได้คิดอะไรค่ะ แต่พอโตขึ้นมาอีกความคิดของเราก็เปลี่ยนไป สมัยอยู่มัธยมต้นดิฉันเรียนที่ รร.แห่งหนึ่งใกล้ๆบ้าน ตอนแรกก็ไม่อยากจะเรียนที่นั่นหรอกค่ะเพราะว่ามันใกล้บ้านเกินไปก็อยากจะไปเข้าไปเรียนในเมือง รร.ดังๆ แต่ก็ไม่เป็นเหมือนที่คิดไว้เพราะพ่อกับแม่ไม่อนุญาตพ่อกับแม่ให้เรียนใกล้บ้านเพราะพ่อกับแม่จะได้ดูแลอย่างใกล้ชิดและอีกอย่างยังช่วยพ่อแม่ประหยัดค่าใช้จ่าย ดิฉันก็เลยตัดสินใจเรียนที่โรงเรียนเชียงของวิทยาคม ก่อนที่จะเข้าเรียนทางโรงเรียนก็ให้สอบเข้าว่าเรามีความรู้ในด้านไหนตอนนั้นดิฉันก็สอบได้อยู่ห้อง1ห้องนี้จะเน้นในวิชา วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ หรือที่เรียกว่าสายวิทย์คณิต
ดิฉันเริ่มคิดที่จะมีความฝันเป็นของตนเองตอนอยู่ประมาณม.2จะขึ้นม.3 อยากจะเป็นนั่นเป็นนี่สารพัดอย่าง สิ่งที่ฝันอยากจะเป็นก็คือ อยากเป็นนักร้องนักดนตรี เพราะว่าดิฉันชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ ร้องไม่เพราะหรอกค่ะแต่ใจชอบ และฝันอยากจะเป็นเชฟเพราะดิฉันชอบทำอาหาร ตอนนั้นก็ไม่ได้จริงจังกับความฝันอะไรมากนัก ก็เรียนๆไปตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้าง เกรดออกมาดีบ้างไม่ดีบ้าง พอจบ ม.ต้น ก็ได้เรียนต่อม4ที่โรงเรียนเดิม ทางรร.ก็ให้สอบเข้าอีกค่ะ ดิฉันสอบได้ห้องสองค่ะ เป็นสายวิทย์คณิตค่ะ วันประกาศผลสอบดิฉันร้องให้มากค่ะเพราะดิฉันได้แยกห้องกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งซึ่งดิฉันสนิทมาก ดิฉันก็ร้องให้เพราะไม่ได้อยู่กับเพื่อนคนนั้น แต่ทำไงได้ละเมื่อเราทำได้แค่นี้ดิฉันก็ได้แต่ทำใจ คิดว่าคงไม่เป็นไรหรอกก็แค่แยกห้องกัน ถึงจะแยกห้องกันแต่เราก็ยังเจอกันได้นิเพราะเราก็อยู่ห้องติดกัน พอเปิดเทอมใหม่ๆดิฉันก็ได้รู้จักเพื่อนใหม่มีเพื่อนใหม่ๆอยู่ไปก็สนุกดี เพื่อนๆทุกคนนิสัยดี มีไรช่วยเหลือกันเสมอ
ตอนอยู่ม.4 ม.5ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เรียนไปเล่นไป ไม่ได้จริงจังอะไร สอบปลายภาคดิฉันไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือเท่าไหร่นักไม่ค่อยจริงจังกับการสอบ ตอนเกรดออกมาดิฉันตกใจค่ะเกรดดิฉันตกมากค่ะ ได้เกรด3 นิดๆ ดิฉันร้องไห้เสียใจ ตอนนั้นดิฉันเริ่มคิดได้แล้วว่าต่อไปนี้ดิฉันต้องตั้งใจเรียนแล้วล่ะต้องจริงจังแล้วล่ะและดิฉันต้องมีความฝันเป็นของตัวเองแล้วล่ะและต้องจริงจังกับความฝันของตัวเองพอขึ้น ม.6ดิฉันก็ตั้งใจเรียนทำทุกๆอย่างเพื่อให้ดีกว่าที่ผ่านมา ตอนอยู่ ม.6ได้เรียนแนะแนว ในคาบแนะแนวอาจารย์ก็จะถามว่า นักเรียนฝันอยากจะเป็นอะไรกัน ในความคิดของดิฉันแปลี่ยนไปจากมอต้นค่ะตอนมอต้นฝันอยากจะเป็นนักร้องนักดนตรีแต่พอมามอหกดิฉันคิดว่าดิฉันอยากจะทำงานช่วยเหลือสังคมและชุมชนอย่างเช่นเป็นหมอเป็นพยาบาล มีหลายๆอาชีพที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือสังคมและชุมชน ตอนนั้นดิฉันก็ได้ฝันอยากจะเป็นนักพัฒนาสังคม อยากจะเป็นนักสาธารณะสุขศาสตร์ดิฉันก็ตั้งใจเรียนทำเกรดออกมาให้ดีและผลที่ออกมาก็เป็นดังที่คิดไว้
พอจบมอหกดิฉันคิดว่าดิฉันจะแอดเข้ามหาลัยไหนก็ได้แต่จะต้องเป็นสาขาวิชาสาธารณะสุขศาสตร์ และดิฉันจะสอบเข้าคณะครุศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงรายนี่เป็นทางเลือกสุดท้ายที่ฉันจะเลือกเพราะดิฉันไม่อยากเป็นครูเลยดิฉันพยายามหนีการเป็นครูอยู่ตลอดตอนสอบเขาก็ให้เลือกวิชาเอกที่จะลงสอบดิฉันก็ได้เลือกวิชาชีววิทยาเพราะเป็นวิชาที่ดิฉันชอบ ดิฉันชอบธรรมชาติชอบสิ่งแวดล้อมแล้ว พอถึงวันประกาศผลสอบก็เปิดดูผลสอบปรากฏว่าดิฉันสอบติดดิฉันไม่ดีใจแม้แต่นิดเดียวค่ะเพราะดิฉันไม่อยากเรียนครูในขณะที่เพื่อนๆดิฉันเสียใจสอบไม่ติด ตรงข้ามกับดิฉันสอบติดแต่กลับร้องไห้ พอพ่อกับแม่รู้ ว่าดิฉันสอบติดที่ราชภัฏเชียงรายพ่อกับแม่พูดแบบเด็ดขาดเลยค่ะว่าไม่ให้ไปเรียนที่อื่นละให้อยู่ที่เชียงรายนี่แหละ
ดิฉันพูดไรไม่ได้ค่ะก้อได้แต่ตอบรับคำที่พ่อแม่บอก พอตอนปิดเทอมเดือนพฤษภาพ่อแม่ก็ได้ส่งดิฉันมาอยู่หอพักย้ายของเข้าหอพัก มาอยู่หอได้สองสามวันมหาลัยเนชั่นที่ดิฉันแอดไว้ก็โทรเรียกดิฉันไปสอบสัมภาษณ์เพื่อเข้าเรียนสาธารณสุขศาสตร์ดีฉันดีใจมากที่เขาโทรเรียกไปสอบสัมภาษณ์แต่ดิฉันต้องปฏิเสธเขาไปเพื่อเลือกเรียนสิ่งที่พ่อแม่อยากให้เรียนอยากให้ท่านทั้งสองได้สบายใจดิฉันก็ได้เรียนมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายมาจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าที่ดิฉันเรียนทุกวันนี้มันไม่ใช่ความฝันของดิฉันแต่อย่างน้อยสิ่งที่ดิฉันทำก็ทำให้พ่อแม่สบายใจและสมหวังดังที่ท่านปราถนาความฝันของดิฉันไม่มีอะไรแน่นอน ตอนนี้ดิฉันได้แต่แต่ฝันอยู่อย่างเดียวว่าอยากจะตอบแทนบุญคุณพ่อกับแม่ให้ได้มากที่สุดและทำทุกอย่างเพื่อให้ท่านสบายใจ
ถ้าดิฉันเรียนจบป.ตรีดิฉันจะเรียนต่อและเลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองอยากเรียนก็ยังไม่สายเกินไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราฝันไว้มันจะเป็นจริงได้เสมอถ้าเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจ ค้นหาความใฝ่ฝันของตนเองให้เจอแล้วเดินตามไปให้ถึงจุดมุ่งหมาย ความใฝ่ฝันจะพาเราไปพบกับความสุขที่แท้จริง คนที่ไม่มีความใฝ่ฝันก็ไม่ต่างกับ คนที่ตายไปแล้วแต่คนที่มีความใฝ่ฝันแล้วไม่ได้ทำตามปรารถนา คือ คนที่ตายทั้งเป็น
ดังนั้น จงรักษาความใฝ่ฝันไว้ให้ดี ปล่อยให้มันนำทางไปสู่หนทางแห่งความสุขที่แท้จริงของเรา อย่าปล่อยให้ความใฝ่ฝันมันตายจากเราไปอย่างน้อย เวลาว่างๆหรือวันหยุดเราควรจะมีเวลาสำหรับความใฝ่ฝันของตัวเอง
#เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังสร้างความฝันให้เป็นจริงอยู่น๊ะค่ะ สู้ๆค่ะ
ลิขิตฝันของฉันเอง
เริ่มเลยค่ะ>>>>
ตอนเด็กๆสมัยเป็นเด็กประถมเรียนที่โรงเรียนในหมู่บ้าน ดิฉันมีความฝันอยู่มากมายหลายอย่างฝันอยากจะเป็นนั่นเป็นนี่ความฝัน เด็กๆอาจเป็นความฝันที่ไร้สาระเป็นความฝันที่ไม่ได้อยู่ในโลกของความเป็นจริงเคยพูดกับเพื่อนๆเล่นๆว่าฉันอยากจะบินได้ก็พูดเล่นๆตามประสาเด็กๆไม่ได้คิดอะไรค่ะ แต่พอโตขึ้นมาอีกความคิดของเราก็เปลี่ยนไป สมัยอยู่มัธยมต้นดิฉันเรียนที่ รร.แห่งหนึ่งใกล้ๆบ้าน ตอนแรกก็ไม่อยากจะเรียนที่นั่นหรอกค่ะเพราะว่ามันใกล้บ้านเกินไปก็อยากจะไปเข้าไปเรียนในเมือง รร.ดังๆ แต่ก็ไม่เป็นเหมือนที่คิดไว้เพราะพ่อกับแม่ไม่อนุญาตพ่อกับแม่ให้เรียนใกล้บ้านเพราะพ่อกับแม่จะได้ดูแลอย่างใกล้ชิดและอีกอย่างยังช่วยพ่อแม่ประหยัดค่าใช้จ่าย ดิฉันก็เลยตัดสินใจเรียนที่โรงเรียนเชียงของวิทยาคม ก่อนที่จะเข้าเรียนทางโรงเรียนก็ให้สอบเข้าว่าเรามีความรู้ในด้านไหนตอนนั้นดิฉันก็สอบได้อยู่ห้อง1ห้องนี้จะเน้นในวิชา วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ หรือที่เรียกว่าสายวิทย์คณิต
ดิฉันเริ่มคิดที่จะมีความฝันเป็นของตนเองตอนอยู่ประมาณม.2จะขึ้นม.3 อยากจะเป็นนั่นเป็นนี่สารพัดอย่าง สิ่งที่ฝันอยากจะเป็นก็คือ อยากเป็นนักร้องนักดนตรี เพราะว่าดิฉันชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ ร้องไม่เพราะหรอกค่ะแต่ใจชอบ และฝันอยากจะเป็นเชฟเพราะดิฉันชอบทำอาหาร ตอนนั้นก็ไม่ได้จริงจังกับความฝันอะไรมากนัก ก็เรียนๆไปตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้าง เกรดออกมาดีบ้างไม่ดีบ้าง พอจบ ม.ต้น ก็ได้เรียนต่อม4ที่โรงเรียนเดิม ทางรร.ก็ให้สอบเข้าอีกค่ะ ดิฉันสอบได้ห้องสองค่ะ เป็นสายวิทย์คณิตค่ะ วันประกาศผลสอบดิฉันร้องให้มากค่ะเพราะดิฉันได้แยกห้องกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งซึ่งดิฉันสนิทมาก ดิฉันก็ร้องให้เพราะไม่ได้อยู่กับเพื่อนคนนั้น แต่ทำไงได้ละเมื่อเราทำได้แค่นี้ดิฉันก็ได้แต่ทำใจ คิดว่าคงไม่เป็นไรหรอกก็แค่แยกห้องกัน ถึงจะแยกห้องกันแต่เราก็ยังเจอกันได้นิเพราะเราก็อยู่ห้องติดกัน พอเปิดเทอมใหม่ๆดิฉันก็ได้รู้จักเพื่อนใหม่มีเพื่อนใหม่ๆอยู่ไปก็สนุกดี เพื่อนๆทุกคนนิสัยดี มีไรช่วยเหลือกันเสมอ
ตอนอยู่ม.4 ม.5ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เรียนไปเล่นไป ไม่ได้จริงจังอะไร สอบปลายภาคดิฉันไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือเท่าไหร่นักไม่ค่อยจริงจังกับการสอบ ตอนเกรดออกมาดิฉันตกใจค่ะเกรดดิฉันตกมากค่ะ ได้เกรด3 นิดๆ ดิฉันร้องไห้เสียใจ ตอนนั้นดิฉันเริ่มคิดได้แล้วว่าต่อไปนี้ดิฉันต้องตั้งใจเรียนแล้วล่ะต้องจริงจังแล้วล่ะและดิฉันต้องมีความฝันเป็นของตัวเองแล้วล่ะและต้องจริงจังกับความฝันของตัวเองพอขึ้น ม.6ดิฉันก็ตั้งใจเรียนทำทุกๆอย่างเพื่อให้ดีกว่าที่ผ่านมา ตอนอยู่ ม.6ได้เรียนแนะแนว ในคาบแนะแนวอาจารย์ก็จะถามว่า นักเรียนฝันอยากจะเป็นอะไรกัน ในความคิดของดิฉันแปลี่ยนไปจากมอต้นค่ะตอนมอต้นฝันอยากจะเป็นนักร้องนักดนตรีแต่พอมามอหกดิฉันคิดว่าดิฉันอยากจะทำงานช่วยเหลือสังคมและชุมชนอย่างเช่นเป็นหมอเป็นพยาบาล มีหลายๆอาชีพที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือสังคมและชุมชน ตอนนั้นดิฉันก็ได้ฝันอยากจะเป็นนักพัฒนาสังคม อยากจะเป็นนักสาธารณะสุขศาสตร์ดิฉันก็ตั้งใจเรียนทำเกรดออกมาให้ดีและผลที่ออกมาก็เป็นดังที่คิดไว้
พอจบมอหกดิฉันคิดว่าดิฉันจะแอดเข้ามหาลัยไหนก็ได้แต่จะต้องเป็นสาขาวิชาสาธารณะสุขศาสตร์ และดิฉันจะสอบเข้าคณะครุศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงรายนี่เป็นทางเลือกสุดท้ายที่ฉันจะเลือกเพราะดิฉันไม่อยากเป็นครูเลยดิฉันพยายามหนีการเป็นครูอยู่ตลอดตอนสอบเขาก็ให้เลือกวิชาเอกที่จะลงสอบดิฉันก็ได้เลือกวิชาชีววิทยาเพราะเป็นวิชาที่ดิฉันชอบ ดิฉันชอบธรรมชาติชอบสิ่งแวดล้อมแล้ว พอถึงวันประกาศผลสอบก็เปิดดูผลสอบปรากฏว่าดิฉันสอบติดดิฉันไม่ดีใจแม้แต่นิดเดียวค่ะเพราะดิฉันไม่อยากเรียนครูในขณะที่เพื่อนๆดิฉันเสียใจสอบไม่ติด ตรงข้ามกับดิฉันสอบติดแต่กลับร้องไห้ พอพ่อกับแม่รู้ ว่าดิฉันสอบติดที่ราชภัฏเชียงรายพ่อกับแม่พูดแบบเด็ดขาดเลยค่ะว่าไม่ให้ไปเรียนที่อื่นละให้อยู่ที่เชียงรายนี่แหละ
ดิฉันพูดไรไม่ได้ค่ะก้อได้แต่ตอบรับคำที่พ่อแม่บอก พอตอนปิดเทอมเดือนพฤษภาพ่อแม่ก็ได้ส่งดิฉันมาอยู่หอพักย้ายของเข้าหอพัก มาอยู่หอได้สองสามวันมหาลัยเนชั่นที่ดิฉันแอดไว้ก็โทรเรียกดิฉันไปสอบสัมภาษณ์เพื่อเข้าเรียนสาธารณสุขศาสตร์ดีฉันดีใจมากที่เขาโทรเรียกไปสอบสัมภาษณ์แต่ดิฉันต้องปฏิเสธเขาไปเพื่อเลือกเรียนสิ่งที่พ่อแม่อยากให้เรียนอยากให้ท่านทั้งสองได้สบายใจดิฉันก็ได้เรียนมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายมาจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าที่ดิฉันเรียนทุกวันนี้มันไม่ใช่ความฝันของดิฉันแต่อย่างน้อยสิ่งที่ดิฉันทำก็ทำให้พ่อแม่สบายใจและสมหวังดังที่ท่านปราถนาความฝันของดิฉันไม่มีอะไรแน่นอน ตอนนี้ดิฉันได้แต่แต่ฝันอยู่อย่างเดียวว่าอยากจะตอบแทนบุญคุณพ่อกับแม่ให้ได้มากที่สุดและทำทุกอย่างเพื่อให้ท่านสบายใจ
ถ้าดิฉันเรียนจบป.ตรีดิฉันจะเรียนต่อและเลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองอยากเรียนก็ยังไม่สายเกินไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราฝันไว้มันจะเป็นจริงได้เสมอถ้าเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจ ค้นหาความใฝ่ฝันของตนเองให้เจอแล้วเดินตามไปให้ถึงจุดมุ่งหมาย ความใฝ่ฝันจะพาเราไปพบกับความสุขที่แท้จริง คนที่ไม่มีความใฝ่ฝันก็ไม่ต่างกับ คนที่ตายไปแล้วแต่คนที่มีความใฝ่ฝันแล้วไม่ได้ทำตามปรารถนา คือ คนที่ตายทั้งเป็น
ดังนั้น จงรักษาความใฝ่ฝันไว้ให้ดี ปล่อยให้มันนำทางไปสู่หนทางแห่งความสุขที่แท้จริงของเรา อย่าปล่อยให้ความใฝ่ฝันมันตายจากเราไปอย่างน้อย เวลาว่างๆหรือวันหยุดเราควรจะมีเวลาสำหรับความใฝ่ฝันของตัวเอง
#เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังสร้างความฝันให้เป็นจริงอยู่น๊ะค่ะ สู้ๆค่ะ