เริ่มต้นเราเล่าความหลังก่อนนะคะ
เรารู้จักกับเพื่อนคนนี้ตอนเราเข้ามหาลัยใหม่ๆ ตอนนั้นเราก็รู้จักกันในฐานะนักเรียนใหม่แหละค่ะ เพื่อนเราอายุเท่ากัน วันนั้นเค้านั่งอยู่กับเพื่อนๆเค้าที่เป็นรุ่นพี่แล้วเห็นว่าเราเป็นเด็กใหม่ไม่รู้จักใคร เค้าเลยเข้ามาทำความรู้จักกับเราเอง แล้วก็กลายเป็นเพื่อนกันตั้งแต่วันนั้นแต่ไม่สนิทกันเพราะไม่ได้เรียนห้องเดียวกัน เจอกันเฉพาะเวลาพักกลางวัน
วันนึงเค้าโดนแฟนบอกเลิก เค้าก็นั่งอยู่คนเดียวในโรงอาหาร ระหว่างที่เพื่อนๆเค้านั่งเล่นเกมกัน เราเห็นเค้านั่งคนเดียวเลยเข้าไปถามว่าเป็นอะไร เค้าถึงเล่าว่าโดนแฟนทิ้ง แล้วก็บอกว่าพ่อแม่เค้าจะไม่อยู่บ้านพักใหญ่ เค้าต้องอยู่บ้านคนเดียว มาตรงกับเวลาที่แฟนบอกเลิกพอดี เค้าเลยจะเหงา แล้วก็ต้องอยู่คนเดียวดูแลตัวเองเป็นอาทิตย์
วันนั้นเราเลยกลับบ้านไปแพ็กกับข้าวสำเร็จรูป (บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั้งแพ็ค เวเฟอร์3-4ห่อ กับขนมจุกจิกอื่นๆ) แล้วเอาไปให้เพื่อนวันถัดมา เพราะเพื่อนเราเป็นผู้ชาย ทำอาหารกับข้าวอะไรไม่เป็นเลย แล้วช่วงนั้นเพื่อนเราเรียนไปทำงานไป งานซุปเปอร์เงินเดือนเล็กๆน้อยๆ บวกกับค่ากินข้าวนอกบ้านแล้วจะสิ้นเปลืองมาก แม่เราเลยบอกให้เอาอาหารไปให้เพื่อนเยอะๆ
ตอนเอาของไปให้เพื่อนเค้าก็ขอบคุณเราใหญ่ แล้วก็บอกว่า เรามาเป็นbest friendsกันไหม หลังจากนั้นเพื่อนเราก็เรียกเราว่าบัดดี้ตลอด(เพื่อนซี้ไรงี้)
เราเรียนที่นั่นแค่สองปีก็ย้ายกลับไทยช่วงหลังน้ำท่วมเพราะเป็นห่วงตายายที่ไทย และขาดการติดต่อกับเพื่อนคนนี้ไป เราเองก็ผิดด้วยที่มาไทยแบบไม่บอกเพื่อนแต่เนิ่นๆ บอกเอาก่อนกลับไทยแป๊ปเดียว เพื่อนเราก็ติดต่อเราผ่านเฟสบุ๊ก แต่เราก็ปิดเฟสไปพักนึงเพราะได้ทำโปรเจคงานที่ไทยแล้วชีวิตวุ่นวายขึ้น ไม่ค่อยได้ติดต่อเพื่อนคนนี้อีกเลย มีแค่แว๊บๆไปออนสไกป์แค่แป๊บเดียวแล้วก็ออฟไป
เราอยู่ไทยสองปีค่ะ ทั้งทำงานและเรียน ก่อนพี่สาวจะมาอยู่ไทยดูแลยายแทนเรา แล้วเราก็กลับต่างประเทศมาอยู่กับแม่เมื่อต้นปีนี้ ทำให้เราได้เจอเพื่อนคนนี้อีกครั้ง
วันที่เรากลับมาเมกา เราโทรหาเพื่อนคนนี้ค่ะ เรานิสัยไม่ดีตามเคย คือจะมาก็ไม่บอกล่วงหน้า - -" มาถึงก็โทรไปเซอร์ไพรซ์เพื่อน เพื่อนเราก็ดีใจมาก ส่งข้อความคุยกับเราจนถึงตี4 เพื่อนเราเล่าให้ฟังว่าเลิกคบกับรุ่นพี่หมดแล้วเพราะตอนเพื่อนกลับไปคบแฟนเก่า ทุกคนไม่ชอบแฟนเพื่อน เลยเลิกคบไป (แฟนเพื่อนหยิ่งๆหน่อย ไม่ให้เพื่อนคบคนที่แฟนไม่ชอบ) เหลือเพื่อนคนอื่นแค่ไม่กี่คน รวมถึงเรา เราก็ถามไปว่านี่ฉันหายไปไทยตั้งสองปียังไม่เลิกคบอีกเหรอ เพื่อนก็ตอบว่า"You're my best buddy!" แล้วก็บอกว่าแฟนให้เค้าคบเราได้ - -
วันต่อมาเพื่อนก็ขับรถมาที่บ้านเราแล้วพาไปเลี้ยงข้าว
หลังจากนั้นเพื่อนเราก็พาไปเลี้ยงข้าวบ่อยขึ้นๆ อาทิตย์ละครั้งได้เลย โดยที่เพื่อนมักจะปฎิเสธทุกครั้งที่เราจะจ่ายตังค์ บางทีเราต้องแอบจ่ายตังค์ระหว่างที่เพื่อนเข้าห้องน้ำ ไม่ก็รีบแย่งใบเสร็จ เพื่อนเราเค้าก็ไม่พอใจ พอขึ้นรถกลับเค้าก็เล่าถึงเรื่องที่เราเคยเรียนด้วยกันแล้วเราเอากับข้าวเป็นแพ็คไปให้เค้าตอนที่พ่อแม่เค้าไม่อยู่ เพื่อนบอกว่าตอนนั้นเค้าได้งานที่ดีทำแล้ว เค้าไม่ลำบากเรื่องเงินแล้ว เค้าอยากเป็นฝ่ายเลี้ยงข้าวเราคืนตลอดไปเหมือนที่เราเคยเลี้ยงข้าวเค้าช่วงที่เค้าไม่มีเงิน
เราเถียงอะไรไม่ได้เลยต้องยอมๆไป เราเลี่ยงโดยการให้เพื่อนมากินข้าวบ้านเราแทน แบบนั้นเพื่อนก็ไม่ต้องเสียตังค์ไปกินที่ร้านอาหาร ถ้าจะไปร้านอาหารจริงๆเราก็จะเป็นคนเลือกร้านถูกๆ เพื่อนเลี่ยงไม่ให้เพื่อนเสียเงินให้เราเยอะ ก็โอเคแบบนี้มาเป็นเดือน
แต่เรื่องมันเริ่มชักจะเลยเถิดเมื่อเกือบเดือนก่อนได้ ตอนนั้นแม่เรามีปัญหาเรื่องคอมเราค่ะ แล้วเพื่อนเราเป็นช่างคอมแล้วเค้าบ้าคอมมาก เลยขอมาดูคอมแม่ที่บ้าน เพื่อนบอกว่าคอมใช้ไม่ได้แล้วเพราะมีปัญหาที่ฮาร์ดไดรว์ ต้องเปลี่ยนตัวใหม่ แม่เราเลยตอบว่าเดี๋ยวแม่จะซื้อคอมใหม่ช่วงลดราคา แล้วก็ทำกับข้าวให้เพื่อนเรากินไปก่อนเพื่อนกลับบ้าน
ผ่านมาอาทิตย์นึง เพื่อนเราซื้อคอมใหม่ให้แม่เรา!!! นี่แหละที่เราว่า เห้ย มันเกินไปแล้วนะ แค่เลี้ยงข้าวเราบ่อยๆเราก็รู้สึกแย่พอแล้ว นี่เล่นซื้อคอมให้แม่เรา เราว่ามันชักจะไปกันใหญ่ เราก็ต่อว่าเพื่อนไปว่าทำแบบนี้ไม่สมควรเลย เพื่อนเราก็ได้แต่ตอบกลับมาว่าเค้าเคารพแม่เราอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าเราไม่อยากได้คอมก็ทิ้งไปเลยเพราะเค้าไม่เอาคืน เราเลยเอาคอมกลับบ้านมาให้แม่ ซึ่งแม่ก็อาการเดียวกันกับเราค่ะ คือโวยวายว่าเพื่อนทำเกินไป แล้วแม่ก็บอกว่าจะให้เงินเพื่อนคืน แต่เพื่อนก็ไม่เอา
ตอนนี้เราเอาคืนโดยการซื้อของที่เพื่อนจะซื้อตัดหน้าค่ะ แล้วก็เอาไปให้เพื่อน ปัญหาคือบ้านเราไม่ได้มีฐานะมากมาย เพื่อนซื้ออะไรให้เราก็ต้องมานั่งจ่ายราคาของเพื่อนใกล้ๆกันคืนให้ คืออยากให้เพื่อนเลิกซื้อของให้เรา เข้าใจว่าเพื่อนมีกำลังซื้อเยอะ แต่เราไม่อยากให้เพื่อนเป็นคนซื้อให้ไง ซื้อเยอะก็ใช้เงินเยอะ เราต้องมานั่งตอบแทนอีก มันเหนื่อย คบกันที่นิสัยอย่างเดียวไม่เห็นต้องมานั่งซิ้อนู่นนี่ให้เราเลย ไม่ต้องทำอะไรใหญ่โตอะ คือมันเกินไปจริงๆ
เราด่าเพื่อนไปยกใหญ่ เพื่อนก็ตอบว่าโอเค จะไม่ทำอะไรแบบนี้อีก แต่มันไม่จบแค่นี้อะสิคะ
วันก่อนเราไปช็อปปิ้งกับเพื่อนคนนี้ แล้วก็เพื่อนสนิทเค้าอีกคนที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน (สมมุติว่าชื่อคริส) เราก็ซื้อสมุดจดธรรมดา ราคาไม่เท่าไหร่เนี่ยแหละ กับปากกาดินสอ รวมๆกันราคาไทยราวๆ300บาทได้มั้ง เราก็เดินไปจ่ายตังค์ อยู่ดีๆเพื่อนเดิมอ้อมหลังเราไปรูดบัตรเครดิท คือฉีกหน้าเรามากกกกก เราก็โวยวายว่าทำแบบนี้ทำไม ถึงขั้นของห้าเหรียญสิบเหรียญอย่างนี้ยังทำอีกเหรอ จะให้เราจ่ายอะไรเองบ้างไหม แล้วเราก็เอามือทุบหลังเพื่อนไป มันก็หัวเราะ
คริสเลยมาคุยกับเรา บอกว่ามันเป็นแบบนี้มานานแล้ว เดือนก่อนวันเกิดแม่คริส จัดงานที่ร้านอาหาร แขก14คน เพื่อนเราคนนี้มันก็เดินไปหลังร้านแอบจ่ายตังค์ค่าอาหารแทนแม่คริส ตอนคริสรู้ก็โมโหแบบเราเนี่ยแหละ แล้วก็บอกว่าเพื่อนทำจนเป็นนิสัยไปแล้ว
เรามีเฟสเพื่อนของเพื่อนอีกสองคน เราเลยเขียนไปถามเค้าเรื่องนิสัยเพื่อนคนนี้ ทั้งคู่ตอบเหมือนกัน คือเพื่อนชอบหาเรื่องซื้อของให้ โดยที่หนึ่งในสองคนนั้นถูกเพื่อนซื้อสมาร์ตโฟนให้ อีกคนเพื่อนก็ซื้อแทบเบล็ตวาดรูปให้ ไม่มีใครห้ามเพื่อนได้ ทุกคนรู้สึกอึดอัดและเกรงใจเวลาเพื่อนทำแบบนี้ บางคนไม่ได้อยู่ในสถานะเงินทองที่จะจ่ายเงินคืนเพื่อนได้ หรือตอบแทนได้อย่างเท่าเทียม จะเอาของคืนเพื่อนก็ไม่ยอมรับคืนแถมบอกว่าไม่เอาก็จะทิ้ง สรุปก็ต้องรับของมา
คือเพื่อนๆทุกคนเหนื่อยกับนิสัยการใช้เงินของเพื่อนคนนี้มาก ชอบซื้อของให้ชาวบ้านแล้วไม่รับเงินคืน บางทีมันก็มากไปจนกลายเป็นความอึดอัด
อยากถามค่ะ ว่าเป็นคุณจะดัดนิสัยคนแบบนี้ยังไงคะ เรารับได้นะกับเรื่องเลี้ยงข้าว แต่ขอเป็นแบบเลี้ยงเรามา เราเลี้ยงกลับ แบบนี้ยังดีว่า ซื้อของแพงๆให้กันแบบนี้เราไม่ชอบเลยจริงๆ
ขอบคุณค่ะ
เพื่อนชอบซื้อของให้จนเกินขอบเขต จะดัดนิสัยเพื่อนยังไงดีคะ?
เรารู้จักกับเพื่อนคนนี้ตอนเราเข้ามหาลัยใหม่ๆ ตอนนั้นเราก็รู้จักกันในฐานะนักเรียนใหม่แหละค่ะ เพื่อนเราอายุเท่ากัน วันนั้นเค้านั่งอยู่กับเพื่อนๆเค้าที่เป็นรุ่นพี่แล้วเห็นว่าเราเป็นเด็กใหม่ไม่รู้จักใคร เค้าเลยเข้ามาทำความรู้จักกับเราเอง แล้วก็กลายเป็นเพื่อนกันตั้งแต่วันนั้นแต่ไม่สนิทกันเพราะไม่ได้เรียนห้องเดียวกัน เจอกันเฉพาะเวลาพักกลางวัน
วันนึงเค้าโดนแฟนบอกเลิก เค้าก็นั่งอยู่คนเดียวในโรงอาหาร ระหว่างที่เพื่อนๆเค้านั่งเล่นเกมกัน เราเห็นเค้านั่งคนเดียวเลยเข้าไปถามว่าเป็นอะไร เค้าถึงเล่าว่าโดนแฟนทิ้ง แล้วก็บอกว่าพ่อแม่เค้าจะไม่อยู่บ้านพักใหญ่ เค้าต้องอยู่บ้านคนเดียว มาตรงกับเวลาที่แฟนบอกเลิกพอดี เค้าเลยจะเหงา แล้วก็ต้องอยู่คนเดียวดูแลตัวเองเป็นอาทิตย์
วันนั้นเราเลยกลับบ้านไปแพ็กกับข้าวสำเร็จรูป (บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั้งแพ็ค เวเฟอร์3-4ห่อ กับขนมจุกจิกอื่นๆ) แล้วเอาไปให้เพื่อนวันถัดมา เพราะเพื่อนเราเป็นผู้ชาย ทำอาหารกับข้าวอะไรไม่เป็นเลย แล้วช่วงนั้นเพื่อนเราเรียนไปทำงานไป งานซุปเปอร์เงินเดือนเล็กๆน้อยๆ บวกกับค่ากินข้าวนอกบ้านแล้วจะสิ้นเปลืองมาก แม่เราเลยบอกให้เอาอาหารไปให้เพื่อนเยอะๆ
ตอนเอาของไปให้เพื่อนเค้าก็ขอบคุณเราใหญ่ แล้วก็บอกว่า เรามาเป็นbest friendsกันไหม หลังจากนั้นเพื่อนเราก็เรียกเราว่าบัดดี้ตลอด(เพื่อนซี้ไรงี้)
เราเรียนที่นั่นแค่สองปีก็ย้ายกลับไทยช่วงหลังน้ำท่วมเพราะเป็นห่วงตายายที่ไทย และขาดการติดต่อกับเพื่อนคนนี้ไป เราเองก็ผิดด้วยที่มาไทยแบบไม่บอกเพื่อนแต่เนิ่นๆ บอกเอาก่อนกลับไทยแป๊ปเดียว เพื่อนเราก็ติดต่อเราผ่านเฟสบุ๊ก แต่เราก็ปิดเฟสไปพักนึงเพราะได้ทำโปรเจคงานที่ไทยแล้วชีวิตวุ่นวายขึ้น ไม่ค่อยได้ติดต่อเพื่อนคนนี้อีกเลย มีแค่แว๊บๆไปออนสไกป์แค่แป๊บเดียวแล้วก็ออฟไป
เราอยู่ไทยสองปีค่ะ ทั้งทำงานและเรียน ก่อนพี่สาวจะมาอยู่ไทยดูแลยายแทนเรา แล้วเราก็กลับต่างประเทศมาอยู่กับแม่เมื่อต้นปีนี้ ทำให้เราได้เจอเพื่อนคนนี้อีกครั้ง
วันที่เรากลับมาเมกา เราโทรหาเพื่อนคนนี้ค่ะ เรานิสัยไม่ดีตามเคย คือจะมาก็ไม่บอกล่วงหน้า - -" มาถึงก็โทรไปเซอร์ไพรซ์เพื่อน เพื่อนเราก็ดีใจมาก ส่งข้อความคุยกับเราจนถึงตี4 เพื่อนเราเล่าให้ฟังว่าเลิกคบกับรุ่นพี่หมดแล้วเพราะตอนเพื่อนกลับไปคบแฟนเก่า ทุกคนไม่ชอบแฟนเพื่อน เลยเลิกคบไป (แฟนเพื่อนหยิ่งๆหน่อย ไม่ให้เพื่อนคบคนที่แฟนไม่ชอบ) เหลือเพื่อนคนอื่นแค่ไม่กี่คน รวมถึงเรา เราก็ถามไปว่านี่ฉันหายไปไทยตั้งสองปียังไม่เลิกคบอีกเหรอ เพื่อนก็ตอบว่า"You're my best buddy!" แล้วก็บอกว่าแฟนให้เค้าคบเราได้ - -
วันต่อมาเพื่อนก็ขับรถมาที่บ้านเราแล้วพาไปเลี้ยงข้าว
หลังจากนั้นเพื่อนเราก็พาไปเลี้ยงข้าวบ่อยขึ้นๆ อาทิตย์ละครั้งได้เลย โดยที่เพื่อนมักจะปฎิเสธทุกครั้งที่เราจะจ่ายตังค์ บางทีเราต้องแอบจ่ายตังค์ระหว่างที่เพื่อนเข้าห้องน้ำ ไม่ก็รีบแย่งใบเสร็จ เพื่อนเราเค้าก็ไม่พอใจ พอขึ้นรถกลับเค้าก็เล่าถึงเรื่องที่เราเคยเรียนด้วยกันแล้วเราเอากับข้าวเป็นแพ็คไปให้เค้าตอนที่พ่อแม่เค้าไม่อยู่ เพื่อนบอกว่าตอนนั้นเค้าได้งานที่ดีทำแล้ว เค้าไม่ลำบากเรื่องเงินแล้ว เค้าอยากเป็นฝ่ายเลี้ยงข้าวเราคืนตลอดไปเหมือนที่เราเคยเลี้ยงข้าวเค้าช่วงที่เค้าไม่มีเงิน
เราเถียงอะไรไม่ได้เลยต้องยอมๆไป เราเลี่ยงโดยการให้เพื่อนมากินข้าวบ้านเราแทน แบบนั้นเพื่อนก็ไม่ต้องเสียตังค์ไปกินที่ร้านอาหาร ถ้าจะไปร้านอาหารจริงๆเราก็จะเป็นคนเลือกร้านถูกๆ เพื่อนเลี่ยงไม่ให้เพื่อนเสียเงินให้เราเยอะ ก็โอเคแบบนี้มาเป็นเดือน
แต่เรื่องมันเริ่มชักจะเลยเถิดเมื่อเกือบเดือนก่อนได้ ตอนนั้นแม่เรามีปัญหาเรื่องคอมเราค่ะ แล้วเพื่อนเราเป็นช่างคอมแล้วเค้าบ้าคอมมาก เลยขอมาดูคอมแม่ที่บ้าน เพื่อนบอกว่าคอมใช้ไม่ได้แล้วเพราะมีปัญหาที่ฮาร์ดไดรว์ ต้องเปลี่ยนตัวใหม่ แม่เราเลยตอบว่าเดี๋ยวแม่จะซื้อคอมใหม่ช่วงลดราคา แล้วก็ทำกับข้าวให้เพื่อนเรากินไปก่อนเพื่อนกลับบ้าน
ผ่านมาอาทิตย์นึง เพื่อนเราซื้อคอมใหม่ให้แม่เรา!!! นี่แหละที่เราว่า เห้ย มันเกินไปแล้วนะ แค่เลี้ยงข้าวเราบ่อยๆเราก็รู้สึกแย่พอแล้ว นี่เล่นซื้อคอมให้แม่เรา เราว่ามันชักจะไปกันใหญ่ เราก็ต่อว่าเพื่อนไปว่าทำแบบนี้ไม่สมควรเลย เพื่อนเราก็ได้แต่ตอบกลับมาว่าเค้าเคารพแม่เราอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าเราไม่อยากได้คอมก็ทิ้งไปเลยเพราะเค้าไม่เอาคืน เราเลยเอาคอมกลับบ้านมาให้แม่ ซึ่งแม่ก็อาการเดียวกันกับเราค่ะ คือโวยวายว่าเพื่อนทำเกินไป แล้วแม่ก็บอกว่าจะให้เงินเพื่อนคืน แต่เพื่อนก็ไม่เอา
ตอนนี้เราเอาคืนโดยการซื้อของที่เพื่อนจะซื้อตัดหน้าค่ะ แล้วก็เอาไปให้เพื่อน ปัญหาคือบ้านเราไม่ได้มีฐานะมากมาย เพื่อนซื้ออะไรให้เราก็ต้องมานั่งจ่ายราคาของเพื่อนใกล้ๆกันคืนให้ คืออยากให้เพื่อนเลิกซื้อของให้เรา เข้าใจว่าเพื่อนมีกำลังซื้อเยอะ แต่เราไม่อยากให้เพื่อนเป็นคนซื้อให้ไง ซื้อเยอะก็ใช้เงินเยอะ เราต้องมานั่งตอบแทนอีก มันเหนื่อย คบกันที่นิสัยอย่างเดียวไม่เห็นต้องมานั่งซิ้อนู่นนี่ให้เราเลย ไม่ต้องทำอะไรใหญ่โตอะ คือมันเกินไปจริงๆ
เราด่าเพื่อนไปยกใหญ่ เพื่อนก็ตอบว่าโอเค จะไม่ทำอะไรแบบนี้อีก แต่มันไม่จบแค่นี้อะสิคะ
วันก่อนเราไปช็อปปิ้งกับเพื่อนคนนี้ แล้วก็เพื่อนสนิทเค้าอีกคนที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน (สมมุติว่าชื่อคริส) เราก็ซื้อสมุดจดธรรมดา ราคาไม่เท่าไหร่เนี่ยแหละ กับปากกาดินสอ รวมๆกันราคาไทยราวๆ300บาทได้มั้ง เราก็เดินไปจ่ายตังค์ อยู่ดีๆเพื่อนเดิมอ้อมหลังเราไปรูดบัตรเครดิท คือฉีกหน้าเรามากกกกก เราก็โวยวายว่าทำแบบนี้ทำไม ถึงขั้นของห้าเหรียญสิบเหรียญอย่างนี้ยังทำอีกเหรอ จะให้เราจ่ายอะไรเองบ้างไหม แล้วเราก็เอามือทุบหลังเพื่อนไป มันก็หัวเราะ
คริสเลยมาคุยกับเรา บอกว่ามันเป็นแบบนี้มานานแล้ว เดือนก่อนวันเกิดแม่คริส จัดงานที่ร้านอาหาร แขก14คน เพื่อนเราคนนี้มันก็เดินไปหลังร้านแอบจ่ายตังค์ค่าอาหารแทนแม่คริส ตอนคริสรู้ก็โมโหแบบเราเนี่ยแหละ แล้วก็บอกว่าเพื่อนทำจนเป็นนิสัยไปแล้ว
เรามีเฟสเพื่อนของเพื่อนอีกสองคน เราเลยเขียนไปถามเค้าเรื่องนิสัยเพื่อนคนนี้ ทั้งคู่ตอบเหมือนกัน คือเพื่อนชอบหาเรื่องซื้อของให้ โดยที่หนึ่งในสองคนนั้นถูกเพื่อนซื้อสมาร์ตโฟนให้ อีกคนเพื่อนก็ซื้อแทบเบล็ตวาดรูปให้ ไม่มีใครห้ามเพื่อนได้ ทุกคนรู้สึกอึดอัดและเกรงใจเวลาเพื่อนทำแบบนี้ บางคนไม่ได้อยู่ในสถานะเงินทองที่จะจ่ายเงินคืนเพื่อนได้ หรือตอบแทนได้อย่างเท่าเทียม จะเอาของคืนเพื่อนก็ไม่ยอมรับคืนแถมบอกว่าไม่เอาก็จะทิ้ง สรุปก็ต้องรับของมา
คือเพื่อนๆทุกคนเหนื่อยกับนิสัยการใช้เงินของเพื่อนคนนี้มาก ชอบซื้อของให้ชาวบ้านแล้วไม่รับเงินคืน บางทีมันก็มากไปจนกลายเป็นความอึดอัด
อยากถามค่ะ ว่าเป็นคุณจะดัดนิสัยคนแบบนี้ยังไงคะ เรารับได้นะกับเรื่องเลี้ยงข้าว แต่ขอเป็นแบบเลี้ยงเรามา เราเลี้ยงกลับ แบบนี้ยังดีว่า ซื้อของแพงๆให้กันแบบนี้เราไม่ชอบเลยจริงๆ
ขอบคุณค่ะ