สวัสดีเพื่อนๆชาว Pantip ที่กำลังอ่านกระทู้นี้อยู่นะครับ เป็นกระทู้แรกเลยใน Pantip เพิ่งยืนยันตัวเองสดๆร้อนๆเลย (และกำลังรอเปลี่ยนนามแฝงอะไรอีก) ก็ไม่มีอะไรมากครับ มาเล่าประสบการณ์ของคนๆนึง (ก็ตัวเรานี่แหละ) ที่ไม่ค่อยมีเพื่อนตอนเรียน แต่หลังๆมาเริ่มมีแระ มีในที่ทำงานนี่แหละ จะเล่าว่าทำไมยุคนี้ต้องมีเพื่อนเอาไว้ เพราะเรื่องนี้ สำคัญกับชีวิตประจำวันยุคนี้มาก
สำหรับคนที่มีเพื่อนเยอะ อารมณ์ประมาณว่า ใน LINE มีแต่เพื่อนๆทัก ในเฟสมีแต่คนเม้นคนแชทคนไลค์ ใน IG มีแต่คน Follow เยอะๆ
ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณได้ไปต่อ เฮ้ยไม่ใช่ คุณสามารถอยู่รอดในยุคนี้ได้ แต่ถ้าเป็นคนไม่มีเพื่อนเลยแบบผม (ถ้ามีเพื่อนสนิท ไม่นับ) ลำบากแน่ครับ เพราะเวลาเรามีปัญหาอะไร ไม่มีใครช่วยตัวเองได้นอกจากตัวเอง ถึงแม้จะพึ่งพุทธสุภาษิตที่ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แต่ลำพังแค่ตนเองมันรู้สึกเหนื่อยมาก เพราะไม่มี Connection ท่ี่คอยเชื่อเหลือ
ผมจะเล่าเรื่องตนเองที่ไม่มีเพื่อนแบบย่อๆ เพราะมันไม่ใช่แก่นแท้ของกระทู้ทั้งหมด
คือผมเป็นคนอารมณ์ศิลปิน ชอบฟังเพลง ชอบอยู่เดี่ยวๆคนเดียวตั้งแต่เด็กแล้ว พอมัธยม ผมก็ไม่ค่อยร่วมกิจกรรม มองว่ากิจกรรมเป็นเรื่องไร้สาระ จนกระทั่งมหาวิทยาลัย ผมก็เข้ามาและไม่เข้ารับน้อง ไม่เข้าร่วมกิจกรรมอะไรทั้งนั้น เพราะไม่ชอบรุ่นพี่ว้าก ไม่อยากเจอ (คือตอนนี้คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่อยู่ด้วยไง แต่ตอนนี้เราคิดผิดอย่างมหันต์) เพื่อนชวนกินเลี้ยงก็ไม่ไป เพราะเงินมันใช้เยอะ รู้มั้ยครับ การที่ไม่เข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อนเกิดผลเสียหลายอย่างมาก อย่างแรกคือ
- ไม่ได้ Connection กับเพื่อนดีๆ เวลาเรามีปัญหา เราช่วยเหลือได้แค่ตัวเองเท่านั้น เพื่อนส่วนใหญ่จะไม่ช่วย เพราะไม่ได้สนิทกัน ดูเหมือนจะดีที่เราพึ่งตนเอง ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่มีปัญหากับคนอื่น แต่ผลเสียคือ ถ้าเราไม่รู้สิ่งๆนั้นล่ะ อย่างตอนเรียนจบใหม่ๆ หาที่ทำงาน ถ้าไม่มีเพื่อนที่ทำงาน โอกาสเข้าทำงานมียากมาก
- ไม่รู้ว่า ใครคือพี่รหัส น้องรหัส จะมาย้อนเรียกร้องพี่รหัสน้องรหัสมันสายไปแล้ว (เว้นแต่ว่าไปเรียนมหาวิทยาลัยใหม่ ซึ่งผมคงไม่คิดทำ) ทุกวันนี้นั่งเสียดายอยู่เลย วันใดที่ผมไปเยี่ยมเยียนที่มหาลัย อย่างในวันครบรอบการก่อตั้งมหาวิทยาลัย เราไปแล้วมีคนทักไม่กี่คนเท่านั้น เป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นมากนัก
- ขาดการติดต่อกับรุ่นพี่และรุ่นน้องในคณะเดียวกัน ลำบากแน่ครับ ถ้าขาดการติดต่อแบบนี้ เพราะเราจะไม่ต่างจาก inFAMOUS เลย มีทางเดียวที่จะกอบกู้ให้เป็นที่รู้จัก คือ เข้างานประกวดและคว้าอันดับต้นๆ เป็นชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย นั่นแหละครับ เพื่อนๆจะเข้ามา
- เล่น Social Network ลำบากสุดๆ เพราะปกติ เวลาเล่นเฟส เราจะคุยกับเพื่อนๆที่รู้จักอยู่แล้ว หากเราแอดคนอื่นที่ไม่รู้จักก่อนหน้านี้ ทั้งๆอยากเป็นเพื่อนกับเค้า เราจะโดนเมินหนี อย่าง ทักแชทแล้วไม่คอบ เม้นแล้วไม่ตอบ แต่เจ้าของโพสตอบให้เพื่อนจริงๆของเค้า คือถ้าหน้าหน้าไม่ดีหรือไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีใครอยากติดตามครับ
- ขาดสีสันชีวิตไปเลย ใช่ครับ ขาดแน่นอน เราจะไม่ได้ยินคำว่า "เฮ้ย มาเที่ยวกัน" หรือ "กินข้าวกัน" หรือ "เจอกันพรุ่งนี้ โชคดีเพื่อน" หรือ "บ๊ายบาย" ผมเพิ่งมาได้ยินคำพวกนี้ครั้งแรกตอนที่ผมได้ทำงานในบริษัทนั่นแหละ เพื่งมามีเพื่อน มี Connection ก็ในบริษัทอ่ะนะ
- ไม่มีโอกาสได้กินเลี้ยงหรือสังสรรค์กับใคร อ้าว ก็ไม่มีเพื่อนนี่ แล้วจะสังสรรค์กับใคร
เมื่อผมรู้ผลเสียมากมายเกี่ยวกับการที่ไม่มีเพื่อน ทำให้ผมเริ่มหาวิธีแก้ให้เพื่อนกลับมามีเหมือนเดิม แต่น่าเสียดายมากที่เพื่อนร่วมห้องผมที่มหาวิทยาลัยลืมผมเรียบร้อยแล้ว (ถ้าคบกันใหม่คงไม่ได้สนิทกัน เนื่องจากไม่ได้เจอหน้ากันบ่อยและแต่ละคนมีแฟนกันหมดแล้ว บางคนแต่งงานและก็มีพยานรักเรียบร้อยแล้วด้วย) มีแต่เพื่อนใหม่ๆที่ไม่ได้รู้จักที่มหาวิทยาลัย ผมเริ่มอ่านหนังสือเกี่ยวกับมนุษยสัมพันธ์ การเข้าหาเพื่อน การทำตัวให้ Friendly ทำอะไรก็แล้วแต่ จนไปถึงอ่านหนังสือจีบสาว ทั้งของไทย (พวกหนังสือดอนฮวน) จนถึงของฝรั่ง (The Game, The Pick up Artist) บางทีไปงาน Event ต่างๆที่จัด ส่วนใหญ่เป็นงานเกม งานญี่ปุ่นๆหน่อย คุยกับพริตตี้ คุยกับคนในบู้ท จนถึงไปผับที่คนรวมอยู่เยอะๆ คุยกับหนุ่มๆสาวๆมากหน้าหลายตา ไม่ค่อยไปเมาเท่าไร จากบทเรียนในหนังสือที่บอก
พูดง่ายๆ เหมือนลง OS ใหม่ในตัวเราเลย
และล่าสุดเมื่อไม่กี่เดือนนี้เอง ผมมานับถือคริสต์ เพราะดูแล้วชีวิตของผมเหมาะที่จะนับถือศาสนาคริสต์มากกว่า คือเจ้านายเป็นคริสต์ แล้วเจ้านายเรียกเราให้มาทำงานเพราะก่อนหน้านั้นเจ้านายอธิษฐานถึงพระเจ้า ว่าอยากได้คนทำงานด้านกราฟิกดีๆเลย แล้วเจ้านายเรียกผมจากเว็บที่ผมสมัครงาน สัมภาษณ์ก็ง่าย เวลาคุยกับเจ้านายแบบส่วนตัวถ้าเป็นคริสต์ด้วยจะสนิทกว่าเก่า เพราะพูดเกี่ยวกับเรื่องพระเจ้า แล้วเจ้าของที่ทำงานก็เป็นคริสต์อีก พูดง่ายๆ ที่ๆผมทำงานเป็นนิเวศน์ของพระเจ้า (มีคนในที่ทำงานพูดมาอย่างนี้) เอาง่ายๆ Coffee Shop หรือห้องสปา จะมีหนังสือ "พระวจนะแห่งความจริง" และพระคริสตธรรมคัมภีร์วางเอาไว้ให้อ่านเล่นๆ โดยแนวทางของคริสต์ถือว่าดีนะ แต่เหนื่อยหน่อยที่ต้องไปโบสถ์ที่รูปร่างหน้าตาโบสถ์ไม่เหมือนในหนังฝรั่งหลายๆเรื่องทุกๆวันอาทิตย์ ถ้าไม่ไป MP ไม่เพิ่ม MP จะลดทุกๆวัน
แต่เรื่องที่ผมปฏิวัติตัวเองเป็นคน Friendly เริ่มก่อนที่ผมเป็นคริสต์นะครับ ซึ่งดีเรื่อยๆเลย พอเป็นคริสต์ได้นี่ เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ
เอาล่ะ มาถึงวิธีเป็นคน Friendly ในแบบฉบับของเรานะครับ เอาแบบ Basicๆเลย เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยกล้ามีเพื่อนใหม่ๆ
== ในโลกความจริง ==
1. ปล่อยวางตัวเองลง คือไม่ต้องติดว่าเราเป็นใหญ่ เรา Control เพื่อนได้ มันไม่เหมือนเกม Starcraft ที่เรามีอำนาจ Control Unit ขนาดนั้น และไม่ต้อง Control ตัวเอง ไม่ต้องพึ่งตนเองมากเกินไป ไม่ต้องยึดติด ไม่ต้องมีจุดยืนแข็งๆที่ไม่อ่อน จงทำตัวสบายๆ ผ่อนคลาย ถ้าไม่ผ่อนคลาย ฟังเพลงชิลๆบรรเทาความเกร็งออกจากจิตใจไป ให้ใจมันโล่งๆเข้าไว้ และอย่าให้สิ่งรอบข้างมากระทบกระเทือนจิตใจเรา ย้ำว่า ผ่อนคลาย ชิลๆ
2. มีบุคลิกที่ผ่อนคลาย ต่อเนื่องจากข้อ 1 ที่ให้ปล่อยวางตัวเองลง คือเราลองเดินช้าลง พูดช้าลง (แต่อย่าพูดช้าเกินจนเหมือนคนสติไม่ดี) ค่อยๆทำ ฟังเพลงชิลๆ เบาๆ อย่าให้สิ่งรอบข้างมากระทบใจเรา
3. จงเป็นคนคุยก่อน จากหนังสือจีบสาวหลายๆเล่มบอกให้เห็นว่า คนคุยก่อนได้เปรียบ ถ้าคิดไรไม่ออก ยิ้มให้ก่อน ถ้าคนๆนั้นไม่ยิ้มกลับไม่เป็นไร คนๆนั้นอาจยิ้มไม่มั่นใจก็ได้ แต่อย่างน้อย เธอคนนั้นก็มอง ให้บอก "หวัดดี" ไปเลย ไม่เสียหาย จากนั้นก็ชมเธอตรงส่วนต่างๆ (ยกเว้นหน้าและจุดที่ไม่ควรชม) เช่น ทรงผมดึงดูดจังนะ ไปทำที่ไหนมา นั่นแหละ ได้เรื่องคุยแล้ว
3.5 ถ้า Advanceๆหน่อย เวลาเปิดประเด็นคุย ก็หวัดดีแล้วชวนคุยเรื่องที่เราสนใจไปเลย อย่างเช่น เรื่องร้านกล้วยๆ ก็พูดไปว่า "หวัดดี เคยไปกินร้านกล้วยกล้วยมั้ย" ถ้าเค้างงๆหรือไม่ตอบ ให้คุยต่อ โดยเอาส่วนดีของคนๆนั้นเข้าไปในบทพูดด้วยว่า "หน้าของเธอเหมือนคนที่เคยไปกินร้านกล้วยกล้วยเลยอ่ะ คุ้นๆนะ แต่ช่างเหอะ ถ้างานปาร์ตี้วันนี้มีขนมที่ทำมาจากกล้วยคงฟินไม่น้อย" อย่าลืม พูดไปยิ้มไปให้เป็นธรรมชาติ ทำตัวสบายๆ
4. ทำตัวสบายๆ คุยไปเรื่อยๆ คิดอะไรออกก็คุยเลย อย่างในหัวผมคิดเรื่อง PS4 ได้ ก็พูดเกี่ยวกับ PS4 ไปเลยว่า "อย่างเธอน่าลองเล่นเกม PS4 นะ" ถ้าเธอถามว่า "อะไรคือ PS4" ก็บอกไปว่า "เป็นเครื่องเล่นเกมสำหรับผู้ชาย ก็ออร่าของเธอเป็นผู้ชายซะอย่างนั่นน่ะ" (เป็นคำแซวสาวสวยที่มีออร่าสวยจัดๆ มั่นใจตัวเองจัดๆเหมือนผู้ชาย)
5. ย่ำ! ว่าทำตัวสบายๆ อย่าลืมว่า ขอเบอร์เพื่อน (หรือสาวที่กำลังสนใจ) โดยชมไปว่า โอ๊ย พูดดีจัง คุยสนุกนะเนี่ย (ชมแหละ) ขอเบอร์หน่อยสิ เดี๋ยวคุยกันวันหลัง ถ้าไม่ให้ก็ขอ LINE ขอเฟสก็ได้ แค่นี้ก็ได้ Connection แล้ว
6. คล้อยตามสังคม แต่อย่าสูญเสียความเป็นตัวเอง อาจยากหน่อยคือ ดูด้วยว่า จุดประสงค์ของสังคมที่นั่นมันดีมั้ย ถ้าดีก็เข้า ไม่ดีก็หลีกเลี่ยง ร่วมกิจกรรมไปเหอะ เล่นเกมกิจกกรมก็ว่ากันไป ได้ไม่ได้ ไม่เป็นไร แต่ได้ความกล้า
7. ถ้าต้องเจอคนที่มี EXP ด้านสังคมแบบจัดๆ จนเราสัมผัสได้ว่า คนนี้นี่ Celeb แน่ๆ ให้ถ่อมตัว ถ่อมใจครับ ก็ทำตัวให้สบายๆ บอกหวัดดี แล้วชวนคุย (ทำเหมือนเดิมแหละ)
== ในโลก Social ==
1. จงเข้าไปทักเม้น ทักแชทก่อนเสมอ คุยเรื่องอะไรก็ได้ที่อยากคุย จำไว้ว่า เหมือนการโทรศัพท์ คือไม่ใช่คุยกับคนๆนั้นนานเกิน คุยกับคนอื่นบ้างไรบ้าง
2. ทักด้วยความจริงใจ จินตนาการว่าคนๆนั้นเค้าคุยกับเราจริงๆอยู่ เราก็เม้นหรือแชทคามความรู้สึกเหล่านั้น
3. สถานะ อย่าเวินเวิ่อ อย่าโพสต์เรื่องที่ไม่ควรโพสต์ สามารถโพสต์เรื่องตัวเองได้ ว่าไปที่ไหน ทำอะไร แต่อย่าตลอดเวลา ถ้าเป็นไปได้
ควรโพสต์เรื่องที่เพื่อนมีส่วนร่วมได้ โดยการแท็กให้เพื่อนรับรู้และเป็นไปตามความจริง แบบนั้นจะดีที่สุด หากโพสต์อื่นๆ ก็เป็นโพสต์จากแหล่งข้อความอื่นๆที่มีสาระ มีมูล หรือมีความบันเทิง
4. รูปประจำตัว ควรเป็นรูปเดี่ยวของเราเท่านั้น เดี๋ยวนี้กล้องหน้าเลนส์ Wide หมดแล้ว ได้เปรียบมาก เวลาถ่ายก็หรี่ตาหน่อย ยิ้มๆ เสน่ห์พุ่งกระฉูดเลย อ่านต่อที่
http://men.mthai.com/men-around/57912.html ไม่ควรเป็นรูปถ่ายกับคนอื่น ยิ่งรูปคู่กับแฟนหรือคู่กับคนอื่นหรือพวกรูปถ่ายหมู่ ไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะเราจะไม่รู้ว่า เป็นใคร อย่าลืมว่า เราคือเจ้าของ Social ไม่ใช่แฟน ไม่ใช่เพื่อนและคนอื่นๆเป็นเจ้าของ Social
5. เราจะเช็คได้ว่าคนไหนสนใจเราให้อัพรูป selfie ของตัวเองครับ ทำตามคำแนะนำในข้อ 4 ถ้ามีคนมากดไลค์ แสดงว่า คนๆนั้น สนใจเรา คุยกับคนๆนั้นซะ
ง่ายๆ แค่นี้เองครับ ลองทำดู อย่าลืมว่า ทำความรู้จักก่อน ได้เปรียบ ไม่ต้องคิดว่าตัวเองคือผู้ยิ่งใหญ่ ต้องมีคนนับถือ ต้องมีคนชอบ
เริ่มที่ตัวเองก่อน ทำตัวผ่อนคลาย ยิ้มให้ ทักก่อน ชวนคุย ขอ Connection และก็คุยๆๆๆ
ควรแบ่งเวลาให้ตรงส่วนติดต่อกับเพื่อนด้วยนะครับ เหมือนเราแบ่งเวลาเล่นเกม เพื่อมิตรภาพที่ยั่งยืน บ้างาน ได้ แต่อย่าลืมเพื่อน
ยุคนี้ถ้าไม่มีเพื่อน อยู่รอดไม่ได้
สำหรับคนที่มีเพื่อนเยอะ อารมณ์ประมาณว่า ใน LINE มีแต่เพื่อนๆทัก ในเฟสมีแต่คนเม้นคนแชทคนไลค์ ใน IG มีแต่คน Follow เยอะๆ
ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณได้ไปต่อเฮ้ยไม่ใช่ คุณสามารถอยู่รอดในยุคนี้ได้ แต่ถ้าเป็นคนไม่มีเพื่อนเลยแบบผม (ถ้ามีเพื่อนสนิท ไม่นับ) ลำบากแน่ครับ เพราะเวลาเรามีปัญหาอะไร ไม่มีใครช่วยตัวเองได้นอกจากตัวเอง ถึงแม้จะพึ่งพุทธสุภาษิตที่ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แต่ลำพังแค่ตนเองมันรู้สึกเหนื่อยมาก เพราะไม่มี Connection ท่ี่คอยเชื่อเหลือผมจะเล่าเรื่องตนเองที่ไม่มีเพื่อนแบบย่อๆ เพราะมันไม่ใช่แก่นแท้ของกระทู้ทั้งหมด
คือผมเป็นคนอารมณ์ศิลปิน ชอบฟังเพลง ชอบอยู่เดี่ยวๆคนเดียวตั้งแต่เด็กแล้ว พอมัธยม ผมก็ไม่ค่อยร่วมกิจกรรม มองว่ากิจกรรมเป็นเรื่องไร้สาระ จนกระทั่งมหาวิทยาลัย ผมก็เข้ามาและไม่เข้ารับน้อง ไม่เข้าร่วมกิจกรรมอะไรทั้งนั้น เพราะไม่ชอบรุ่นพี่ว้าก ไม่อยากเจอ (คือตอนนี้คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่อยู่ด้วยไง แต่ตอนนี้เราคิดผิดอย่างมหันต์) เพื่อนชวนกินเลี้ยงก็ไม่ไป เพราะเงินมันใช้เยอะ รู้มั้ยครับ การที่ไม่เข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อนเกิดผลเสียหลายอย่างมาก อย่างแรกคือ
- ไม่ได้ Connection กับเพื่อนดีๆ เวลาเรามีปัญหา เราช่วยเหลือได้แค่ตัวเองเท่านั้น เพื่อนส่วนใหญ่จะไม่ช่วย เพราะไม่ได้สนิทกัน ดูเหมือนจะดีที่เราพึ่งตนเอง ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่มีปัญหากับคนอื่น แต่ผลเสียคือ ถ้าเราไม่รู้สิ่งๆนั้นล่ะ อย่างตอนเรียนจบใหม่ๆ หาที่ทำงาน ถ้าไม่มีเพื่อนที่ทำงาน โอกาสเข้าทำงานมียากมาก
- ไม่รู้ว่า ใครคือพี่รหัส น้องรหัส จะมาย้อนเรียกร้องพี่รหัสน้องรหัสมันสายไปแล้ว (เว้นแต่ว่าไปเรียนมหาวิทยาลัยใหม่ ซึ่งผมคงไม่คิดทำ) ทุกวันนี้นั่งเสียดายอยู่เลย วันใดที่ผมไปเยี่ยมเยียนที่มหาลัย อย่างในวันครบรอบการก่อตั้งมหาวิทยาลัย เราไปแล้วมีคนทักไม่กี่คนเท่านั้น เป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นมากนัก
- ขาดการติดต่อกับรุ่นพี่และรุ่นน้องในคณะเดียวกัน ลำบากแน่ครับ ถ้าขาดการติดต่อแบบนี้ เพราะเราจะไม่ต่างจาก inFAMOUS เลย มีทางเดียวที่จะกอบกู้ให้เป็นที่รู้จัก คือ เข้างานประกวดและคว้าอันดับต้นๆ เป็นชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย นั่นแหละครับ เพื่อนๆจะเข้ามา
- เล่น Social Network ลำบากสุดๆ เพราะปกติ เวลาเล่นเฟส เราจะคุยกับเพื่อนๆที่รู้จักอยู่แล้ว หากเราแอดคนอื่นที่ไม่รู้จักก่อนหน้านี้ ทั้งๆอยากเป็นเพื่อนกับเค้า เราจะโดนเมินหนี อย่าง ทักแชทแล้วไม่คอบ เม้นแล้วไม่ตอบ แต่เจ้าของโพสตอบให้เพื่อนจริงๆของเค้า คือถ้าหน้าหน้าไม่ดีหรือไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีใครอยากติดตามครับ
- ขาดสีสันชีวิตไปเลย ใช่ครับ ขาดแน่นอน เราจะไม่ได้ยินคำว่า "เฮ้ย มาเที่ยวกัน" หรือ "กินข้าวกัน" หรือ "เจอกันพรุ่งนี้ โชคดีเพื่อน" หรือ "บ๊ายบาย" ผมเพิ่งมาได้ยินคำพวกนี้ครั้งแรกตอนที่ผมได้ทำงานในบริษัทนั่นแหละ เพื่งมามีเพื่อน มี Connection ก็ในบริษัทอ่ะนะ
- ไม่มีโอกาสได้กินเลี้ยงหรือสังสรรค์กับใคร อ้าว ก็ไม่มีเพื่อนนี่ แล้วจะสังสรรค์กับใคร
เมื่อผมรู้ผลเสียมากมายเกี่ยวกับการที่ไม่มีเพื่อน ทำให้ผมเริ่มหาวิธีแก้ให้เพื่อนกลับมามีเหมือนเดิม แต่น่าเสียดายมากที่เพื่อนร่วมห้องผมที่มหาวิทยาลัยลืมผมเรียบร้อยแล้ว (ถ้าคบกันใหม่คงไม่ได้สนิทกัน เนื่องจากไม่ได้เจอหน้ากันบ่อยและแต่ละคนมีแฟนกันหมดแล้ว บางคนแต่งงานและก็มีพยานรักเรียบร้อยแล้วด้วย) มีแต่เพื่อนใหม่ๆที่ไม่ได้รู้จักที่มหาวิทยาลัย ผมเริ่มอ่านหนังสือเกี่ยวกับมนุษยสัมพันธ์ การเข้าหาเพื่อน การทำตัวให้ Friendly ทำอะไรก็แล้วแต่ จนไปถึงอ่านหนังสือจีบสาว ทั้งของไทย (พวกหนังสือดอนฮวน) จนถึงของฝรั่ง (The Game, The Pick up Artist) บางทีไปงาน Event ต่างๆที่จัด ส่วนใหญ่เป็นงานเกม งานญี่ปุ่นๆหน่อย คุยกับพริตตี้ คุยกับคนในบู้ท จนถึงไปผับที่คนรวมอยู่เยอะๆ คุยกับหนุ่มๆสาวๆมากหน้าหลายตา ไม่ค่อยไปเมาเท่าไร จากบทเรียนในหนังสือที่บอก
พูดง่ายๆ เหมือนลง OS ใหม่ในตัวเราเลย
และล่าสุดเมื่อไม่กี่เดือนนี้เอง ผมมานับถือคริสต์ เพราะดูแล้วชีวิตของผมเหมาะที่จะนับถือศาสนาคริสต์มากกว่า คือเจ้านายเป็นคริสต์ แล้วเจ้านายเรียกเราให้มาทำงานเพราะก่อนหน้านั้นเจ้านายอธิษฐานถึงพระเจ้า ว่าอยากได้คนทำงานด้านกราฟิกดีๆเลย แล้วเจ้านายเรียกผมจากเว็บที่ผมสมัครงาน สัมภาษณ์ก็ง่าย เวลาคุยกับเจ้านายแบบส่วนตัวถ้าเป็นคริสต์ด้วยจะสนิทกว่าเก่า เพราะพูดเกี่ยวกับเรื่องพระเจ้า แล้วเจ้าของที่ทำงานก็เป็นคริสต์อีก พูดง่ายๆ ที่ๆผมทำงานเป็นนิเวศน์ของพระเจ้า (มีคนในที่ทำงานพูดมาอย่างนี้) เอาง่ายๆ Coffee Shop หรือห้องสปา จะมีหนังสือ "พระวจนะแห่งความจริง" และพระคริสตธรรมคัมภีร์วางเอาไว้ให้อ่านเล่นๆ โดยแนวทางของคริสต์ถือว่าดีนะ แต่เหนื่อยหน่อยที่ต้องไปโบสถ์ที่รูปร่างหน้าตาโบสถ์ไม่เหมือนในหนังฝรั่งหลายๆเรื่องทุกๆวันอาทิตย์ ถ้าไม่ไป MP ไม่เพิ่ม MP จะลดทุกๆวัน
แต่เรื่องที่ผมปฏิวัติตัวเองเป็นคน Friendly เริ่มก่อนที่ผมเป็นคริสต์นะครับ ซึ่งดีเรื่อยๆเลย พอเป็นคริสต์ได้นี่ เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ
เอาล่ะ มาถึงวิธีเป็นคน Friendly ในแบบฉบับของเรานะครับ เอาแบบ Basicๆเลย เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยกล้ามีเพื่อนใหม่ๆ
== ในโลกความจริง ==
1. ปล่อยวางตัวเองลง คือไม่ต้องติดว่าเราเป็นใหญ่ เรา Control เพื่อนได้ มันไม่เหมือนเกม Starcraft ที่เรามีอำนาจ Control Unit ขนาดนั้น และไม่ต้อง Control ตัวเอง ไม่ต้องพึ่งตนเองมากเกินไป ไม่ต้องยึดติด ไม่ต้องมีจุดยืนแข็งๆที่ไม่อ่อน จงทำตัวสบายๆ ผ่อนคลาย ถ้าไม่ผ่อนคลาย ฟังเพลงชิลๆบรรเทาความเกร็งออกจากจิตใจไป ให้ใจมันโล่งๆเข้าไว้ และอย่าให้สิ่งรอบข้างมากระทบกระเทือนจิตใจเรา ย้ำว่า ผ่อนคลาย ชิลๆ
2. มีบุคลิกที่ผ่อนคลาย ต่อเนื่องจากข้อ 1 ที่ให้ปล่อยวางตัวเองลง คือเราลองเดินช้าลง พูดช้าลง (แต่อย่าพูดช้าเกินจนเหมือนคนสติไม่ดี) ค่อยๆทำ ฟังเพลงชิลๆ เบาๆ อย่าให้สิ่งรอบข้างมากระทบใจเรา
3. จงเป็นคนคุยก่อน จากหนังสือจีบสาวหลายๆเล่มบอกให้เห็นว่า คนคุยก่อนได้เปรียบ ถ้าคิดไรไม่ออก ยิ้มให้ก่อน ถ้าคนๆนั้นไม่ยิ้มกลับไม่เป็นไร คนๆนั้นอาจยิ้มไม่มั่นใจก็ได้ แต่อย่างน้อย เธอคนนั้นก็มอง ให้บอก "หวัดดี" ไปเลย ไม่เสียหาย จากนั้นก็ชมเธอตรงส่วนต่างๆ (ยกเว้นหน้าและจุดที่ไม่ควรชม) เช่น ทรงผมดึงดูดจังนะ ไปทำที่ไหนมา นั่นแหละ ได้เรื่องคุยแล้ว
3.5 ถ้า Advanceๆหน่อย เวลาเปิดประเด็นคุย ก็หวัดดีแล้วชวนคุยเรื่องที่เราสนใจไปเลย อย่างเช่น เรื่องร้านกล้วยๆ ก็พูดไปว่า "หวัดดี เคยไปกินร้านกล้วยกล้วยมั้ย" ถ้าเค้างงๆหรือไม่ตอบ ให้คุยต่อ โดยเอาส่วนดีของคนๆนั้นเข้าไปในบทพูดด้วยว่า "หน้าของเธอเหมือนคนที่เคยไปกินร้านกล้วยกล้วยเลยอ่ะ คุ้นๆนะ แต่ช่างเหอะ ถ้างานปาร์ตี้วันนี้มีขนมที่ทำมาจากกล้วยคงฟินไม่น้อย" อย่าลืม พูดไปยิ้มไปให้เป็นธรรมชาติ ทำตัวสบายๆ
4. ทำตัวสบายๆ คุยไปเรื่อยๆ คิดอะไรออกก็คุยเลย อย่างในหัวผมคิดเรื่อง PS4 ได้ ก็พูดเกี่ยวกับ PS4 ไปเลยว่า "อย่างเธอน่าลองเล่นเกม PS4 นะ" ถ้าเธอถามว่า "อะไรคือ PS4" ก็บอกไปว่า "เป็นเครื่องเล่นเกมสำหรับผู้ชาย ก็ออร่าของเธอเป็นผู้ชายซะอย่างนั่นน่ะ" (เป็นคำแซวสาวสวยที่มีออร่าสวยจัดๆ มั่นใจตัวเองจัดๆเหมือนผู้ชาย)
5. ย่ำ! ว่าทำตัวสบายๆ อย่าลืมว่า ขอเบอร์เพื่อน (หรือสาวที่กำลังสนใจ) โดยชมไปว่า โอ๊ย พูดดีจัง คุยสนุกนะเนี่ย (ชมแหละ) ขอเบอร์หน่อยสิ เดี๋ยวคุยกันวันหลัง ถ้าไม่ให้ก็ขอ LINE ขอเฟสก็ได้ แค่นี้ก็ได้ Connection แล้ว
6. คล้อยตามสังคม แต่อย่าสูญเสียความเป็นตัวเอง อาจยากหน่อยคือ ดูด้วยว่า จุดประสงค์ของสังคมที่นั่นมันดีมั้ย ถ้าดีก็เข้า ไม่ดีก็หลีกเลี่ยง ร่วมกิจกรรมไปเหอะ เล่นเกมกิจกกรมก็ว่ากันไป ได้ไม่ได้ ไม่เป็นไร แต่ได้ความกล้า
7. ถ้าต้องเจอคนที่มี EXP ด้านสังคมแบบจัดๆ จนเราสัมผัสได้ว่า คนนี้นี่ Celeb แน่ๆ ให้ถ่อมตัว ถ่อมใจครับ ก็ทำตัวให้สบายๆ บอกหวัดดี แล้วชวนคุย (ทำเหมือนเดิมแหละ)
== ในโลก Social ==
1. จงเข้าไปทักเม้น ทักแชทก่อนเสมอ คุยเรื่องอะไรก็ได้ที่อยากคุย จำไว้ว่า เหมือนการโทรศัพท์ คือไม่ใช่คุยกับคนๆนั้นนานเกิน คุยกับคนอื่นบ้างไรบ้าง
2. ทักด้วยความจริงใจ จินตนาการว่าคนๆนั้นเค้าคุยกับเราจริงๆอยู่ เราก็เม้นหรือแชทคามความรู้สึกเหล่านั้น
3. สถานะ อย่าเวินเวิ่อ อย่าโพสต์เรื่องที่ไม่ควรโพสต์ สามารถโพสต์เรื่องตัวเองได้ ว่าไปที่ไหน ทำอะไร แต่อย่าตลอดเวลา ถ้าเป็นไปได้ ควรโพสต์เรื่องที่เพื่อนมีส่วนร่วมได้ โดยการแท็กให้เพื่อนรับรู้และเป็นไปตามความจริง แบบนั้นจะดีที่สุด หากโพสต์อื่นๆ ก็เป็นโพสต์จากแหล่งข้อความอื่นๆที่มีสาระ มีมูล หรือมีความบันเทิง
4. รูปประจำตัว ควรเป็นรูปเดี่ยวของเราเท่านั้น เดี๋ยวนี้กล้องหน้าเลนส์ Wide หมดแล้ว ได้เปรียบมาก เวลาถ่ายก็หรี่ตาหน่อย ยิ้มๆ เสน่ห์พุ่งกระฉูดเลย อ่านต่อที่ http://men.mthai.com/men-around/57912.html ไม่ควรเป็นรูปถ่ายกับคนอื่น ยิ่งรูปคู่กับแฟนหรือคู่กับคนอื่นหรือพวกรูปถ่ายหมู่ ไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะเราจะไม่รู้ว่า เป็นใคร อย่าลืมว่า เราคือเจ้าของ Social ไม่ใช่แฟน ไม่ใช่เพื่อนและคนอื่นๆเป็นเจ้าของ Social
5. เราจะเช็คได้ว่าคนไหนสนใจเราให้อัพรูป selfie ของตัวเองครับ ทำตามคำแนะนำในข้อ 4 ถ้ามีคนมากดไลค์ แสดงว่า คนๆนั้น สนใจเรา คุยกับคนๆนั้นซะ
ง่ายๆ แค่นี้เองครับ ลองทำดู อย่าลืมว่า ทำความรู้จักก่อน ได้เปรียบ ไม่ต้องคิดว่าตัวเองคือผู้ยิ่งใหญ่ ต้องมีคนนับถือ ต้องมีคนชอบ
เริ่มที่ตัวเองก่อน ทำตัวผ่อนคลาย ยิ้มให้ ทักก่อน ชวนคุย ขอ Connection และก็คุยๆๆๆ
ควรแบ่งเวลาให้ตรงส่วนติดต่อกับเพื่อนด้วยนะครับ เหมือนเราแบ่งเวลาเล่นเกม เพื่อมิตรภาพที่ยั่งยืน บ้างาน ได้ แต่อย่าลืมเพื่อน