คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
เป็นคนหนึ่งที่มีประสบการ์ณ์เรื่องเปลี่ยนงานบ่อย ก็ไม่ใช่อะไรที่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองเท่าไรค่ะ
แต่โอกาสที่ได้รับแต่ละที่ก็ดีทั้งนั้น แต่ก็มีอันต้องเปลี่ยนแปลง
นิสัยตัวเองสำหรับเรื่องงานเป็นคนที่อยากทำงานที่ตัวเองสามารถทำได้ดี
มีประโยชน์กับองค์กรให้มาก และสุดท้ายก็อยากเจองานที่ตัวเองชอบค่ะ
ตอนนี้มีทัศนคติที่ดีว่า แค่ยอมรับในโอกาสที่ได้รับ เข้าใจและปรับตัว แทนที่จะรู้สึกไม่ชอบและกำลังฝืน
ตอนนี้ชีวิตการทำงานไปได้สวย พอใจและรู้สึกดีแม้ว่าตัวงานจะเหมือนเดิม
แต่โอกาสที่ได้รับแต่ละที่ก็ดีทั้งนั้น แต่ก็มีอันต้องเปลี่ยนแปลง
นิสัยตัวเองสำหรับเรื่องงานเป็นคนที่อยากทำงานที่ตัวเองสามารถทำได้ดี
มีประโยชน์กับองค์กรให้มาก และสุดท้ายก็อยากเจองานที่ตัวเองชอบค่ะ
ตอนนี้มีทัศนคติที่ดีว่า แค่ยอมรับในโอกาสที่ได้รับ เข้าใจและปรับตัว แทนที่จะรู้สึกไม่ชอบและกำลังฝืน
ตอนนี้ชีวิตการทำงานไปได้สวย พอใจและรู้สึกดีแม้ว่าตัวงานจะเหมือนเดิม
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
ผมเริ่มทำงานที่แรกเดือน สิงหาคม 2555 ได้รับเงินเดือน 15,000
เดือน พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมานี้ ผมได้รับเงินเดือน 20,000 (ไม่รวมโอ)
คิดให้ตาย ภายในไม่ถึง 2 ปี จะขึ้นเงินเดือนให้ตัวเอง 5,000 นี่ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยจริงๆ นะ
คิดแล้วเงินเดือนขึ้น 33.3% ถ้าปกติเงินเดือนขึ้น 5% ก็ต้องใช้เวลา 6-7 ปี หรือถ้าเทพๆ ขึ้นเงินเดือนปีละ 10% ก็ใช้เวลา 3 ปีกว่าๆ
ทั้งหมดนี้เพราะง่ายๆ "เปลี่ยนงาน"
และไม่ต้องห่วง ผมไม่ใช่แค่ดูเงินเดือน แต่ดูเลยว่า "ชั่วโมงละเท่าไหร่" อย่างที่แรกที่ผมได้ 15,000 ผมทำงานวันเสาร์ครึ่งวันด้วย ทำงานสัปดาห์ละ 49 ชั่วโมง (ธรรมดาวันละ 9 ชม. รวมพักเที่ยง) คิดคร่าวๆ 49*4 = 196 ชม./เดือน
15,000/196 = 76.5 บาท/ชม.
ที่ถัดมา ผมได้รับเงินเดือน 16,000 แต่ไม่ต้องทำวันเสาร์
16,000/180 = 88.8 บาท/ชม.
นั่นล่ะครับ เงินเดือนขึ้น 1 พันบาท มีเวลาพักมากขึ้นสัปดาห์ละ 4 ชม. เดือนละ 16 ชั่วโมง
ที่ปัจจุบัน รับอยู่ชั่วโมงละ 111 บาท ครับ กับ 20,000 บาทจาก 180 ชั่วโมง
แต่ก็แน่นอน เงินไม่ใช่ทุกอย่าง มันมีสภาพแวดล้อมหลายอย่าง
เช่นว่า ที่ทำงานที่แรก ที่รับ 15,000 เค้าจะมี "วัฒนธรรม" ในการทำโอฟรี คือ เวลาตามสัญญามันถึง 17.00 แต่ทำกันถึงขั้นต่ำ 18.00 และถึง 19.00-20.00 กันเป็นปกติ
เราก็กระอักกระอ่วน อึดอัด เพราะจะเถรตรงก็ไม่ได้ แต่ทำไปก็รู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ
นั่นแหละ ชั่วโมงเหล่านี้เดือนๆ นึงผมทำฟรีไปเท่าไหร่ ลืมเอาไปคำณวนข้างบนด้วยน่ะนั่น
ส่วนที่ที่ 2 เงินเดือน 16,000 จริงๆ ทุกอย่างดีเกือบหมด แต่ยอมรับว่าปรับตัวไม่ทัน รู้สึกเป็นครั้งแรกว่า "เก่งไม่พอ" ตำแหน่งฝ่ายประสานงานต่างประเทศ ผมไม่เคยกลัวเรื่องภาษาเลย แต่พวกรายละเอียด มันเยอะแยะและยิบย่อยมาก ต้องจัดระบบ ใส่แฟ้ม คนโน้นเซ็น ส่งให้คนนั้น ใส่ระบบ คีย์ข้อมูล จดตัวเลขใส่แฟ้ม ฯลฯ คือ ทุกอย่างมันประดังประเดมาหมด
ผมก็เคยโดนด่าแรงๆ จากคนที่เค้าทำมาก่อน
ถึงขนาดกลับห้องมาร้องไห้เลย คือแบบ ชีวิตไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนี้
ที่ผ่านมาสมัยเรียน ถึงเกรดไม่ท็อป แต่ผมเป็นพวกกลับหัวดีแต่ขี้เกียจ เอาตัวรอดยามคับขัน ต้องใช้หัวสมองได้หมด แต่พอมาทำงานนี้กลับเป็นไอโง่ทำอะไรไม่เป็น เฟลสุดๆ
ก็นั่นล่ะครับ เรื่องทุกอย่างมันก็ผ่านมาแล้ว
งานปัจจุบันผมก็ไม่ใช่ว่าไม่มีข้อเสีย เดิมทีที่ปัจจุบันเคยติดต่อผมมาก่อนหน้าตั้งเป็นปีแล้ว แต่ผมปฏิเสธไป เพราะ มันทำงานเป็นกะครับ
แต่ที่ฮาเอาเข้าจริง ผมกลับโอเคกับการเข้ากะกว่าที่คิด คือ ก็ไม่ถึงกับลงล็อค โคตรแฮปปี้ อะไรขนาดนั้น แต่เดิมทีก่อนหน้านั้นคิดว่าตายแน่ เละ ไม่ไหวแน่ๆ แต่ด้วยเงินเดือนล่อใจ พอลองแล้ว โอเคเลย ;)
เงินเดือนเดือนที่แล้ว ออกมา 22,XXX ก็คือรวมโอ
โอมี 3 แบบ
1. โอบังคับ (ระบบจะจัดมาให้ อาจจะเดือนละ 2-3 วัน)
2. โอที่เจ้านายขอให้ทำในวันทำงาน (ทำเพิ่ม 1 ชม. หรือมาเข้างานก่อน 1 ชม.)
3. โอปริมาณงาน จะมีมาตรฐาน KPI อยู่ ทำไม่ถึงไม่ว่า แต่ถ้าทำเกิน ก็รับ Incentive ไป
ผมนี่ขี้เกียจสุด เพราะถือว่าใช้เงินซื้อเวลาไม่ได้ ขอทำพอดีๆ พักผ่อน ไม่หักโหมจนกรอบ แค่ทำงานเป็นกะนี่ก็สงสารร่างกายจะแย่แล้ว ก็อย่างที่บอก โอยังออกมา 2,000-3,000 กดเงินมาผมยังงง
พวกขาโหดทำโอเป็นอาชีพ เงินเดือนก็น่าจะมากกว่า Specialist, Supervisor ก็แล้วกัน 555555 น่าจะเฉียดๆ 30K
Commitment เป็นสิ่งสำคัญ ผมอยู่หอ เปลี่ยนที่ทำงานทีก็ควักเงินหมื่น ย้ายหอใหม่ ขนของ มัดจำห้อง ขาดทุนทุกที แต่เพราะทุกครั้งเราก็หวังจะฝากชีวิตฝากอนาคตไว้กับที่ทำงาน มันก็คงคล้ายๆ แฟน ไม่มีใครคบแล้วอยากเลิกหรอก
แต่ถ้าไม่ใช่ แล้วฝืนไปแค่เพราะจะคุยว่า "อยู่ทน" แบบนั้นเรียก "ทนอยู่" มากกว่ามั้ง
อาชีพ คือการเป็นฟันเฟืองทำรายได้ให้องค์กร ให้นายจ้าง เขาเองก็ยังอยากได้ผลกำไร คำณวนออกมาเป็นบาทๆ
แล้วกับคน เราจะไม่ต้องคำณวนบางหรือว่าอะไรดีที่สุดกับตัวเราเอง?
อะไร ดีที่สุดกับตัวคุณ?
ผมทำงานแลกเงินครับ และทุกที่ที่ทำงาน มีการ "ทดสอบ" มีการสอบเข้าทั้งนั้น ไม่ใช่ว่ายื่นใบสมัครสั่วๆ จบตรีก็รับเลย บางคนเข้าได้ บางคนก็ไม่ได้ บางคนเข้าพร้อมผมแต่ได้เงินเดือนน้อยกว่าผมก็มี
ในระยะยาว โดยเฉพาะคน "ขาลอย" ไม่มีบ้านพ่อแม่ไว้ให้เกาะ ต้องหาเงินจ่ายทุกๆ สัดส่วนของชีวิต ข้าวทุกมื้อ น้ำทุกแก้ว ที่ซุกหัวนอน ต้องจ่ายเองหมด ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่ ไม่ได้มีคนหุงข้าวให้กิน ผมต้องพยายามหาเงินให้ได้มากที่สุด
เงิน เงิน เงิน
กับกิจการ คุณเป็นมืออาชีพ ทำเพื่อผลกำไรและข้อเสนอที่ดีที่สุด
คนทำงาน ก็ย่อมต้องการผลตอบแทนและความมั่นคงของชีวิตที่ดีที่สุดเหมือนกัน แค่นั้นล่ะครับ
เดือน พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมานี้ ผมได้รับเงินเดือน 20,000 (ไม่รวมโอ)
คิดให้ตาย ภายในไม่ถึง 2 ปี จะขึ้นเงินเดือนให้ตัวเอง 5,000 นี่ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยจริงๆ นะ
คิดแล้วเงินเดือนขึ้น 33.3% ถ้าปกติเงินเดือนขึ้น 5% ก็ต้องใช้เวลา 6-7 ปี หรือถ้าเทพๆ ขึ้นเงินเดือนปีละ 10% ก็ใช้เวลา 3 ปีกว่าๆ
ทั้งหมดนี้เพราะง่ายๆ "เปลี่ยนงาน"
และไม่ต้องห่วง ผมไม่ใช่แค่ดูเงินเดือน แต่ดูเลยว่า "ชั่วโมงละเท่าไหร่" อย่างที่แรกที่ผมได้ 15,000 ผมทำงานวันเสาร์ครึ่งวันด้วย ทำงานสัปดาห์ละ 49 ชั่วโมง (ธรรมดาวันละ 9 ชม. รวมพักเที่ยง) คิดคร่าวๆ 49*4 = 196 ชม./เดือน
15,000/196 = 76.5 บาท/ชม.
ที่ถัดมา ผมได้รับเงินเดือน 16,000 แต่ไม่ต้องทำวันเสาร์
16,000/180 = 88.8 บาท/ชม.
นั่นล่ะครับ เงินเดือนขึ้น 1 พันบาท มีเวลาพักมากขึ้นสัปดาห์ละ 4 ชม. เดือนละ 16 ชั่วโมง
ที่ปัจจุบัน รับอยู่ชั่วโมงละ 111 บาท ครับ กับ 20,000 บาทจาก 180 ชั่วโมง
แต่ก็แน่นอน เงินไม่ใช่ทุกอย่าง มันมีสภาพแวดล้อมหลายอย่าง
เช่นว่า ที่ทำงานที่แรก ที่รับ 15,000 เค้าจะมี "วัฒนธรรม" ในการทำโอฟรี คือ เวลาตามสัญญามันถึง 17.00 แต่ทำกันถึงขั้นต่ำ 18.00 และถึง 19.00-20.00 กันเป็นปกติ
เราก็กระอักกระอ่วน อึดอัด เพราะจะเถรตรงก็ไม่ได้ แต่ทำไปก็รู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ
นั่นแหละ ชั่วโมงเหล่านี้เดือนๆ นึงผมทำฟรีไปเท่าไหร่ ลืมเอาไปคำณวนข้างบนด้วยน่ะนั่น
ส่วนที่ที่ 2 เงินเดือน 16,000 จริงๆ ทุกอย่างดีเกือบหมด แต่ยอมรับว่าปรับตัวไม่ทัน รู้สึกเป็นครั้งแรกว่า "เก่งไม่พอ" ตำแหน่งฝ่ายประสานงานต่างประเทศ ผมไม่เคยกลัวเรื่องภาษาเลย แต่พวกรายละเอียด มันเยอะแยะและยิบย่อยมาก ต้องจัดระบบ ใส่แฟ้ม คนโน้นเซ็น ส่งให้คนนั้น ใส่ระบบ คีย์ข้อมูล จดตัวเลขใส่แฟ้ม ฯลฯ คือ ทุกอย่างมันประดังประเดมาหมด
ผมก็เคยโดนด่าแรงๆ จากคนที่เค้าทำมาก่อน
ถึงขนาดกลับห้องมาร้องไห้เลย คือแบบ ชีวิตไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนี้
ที่ผ่านมาสมัยเรียน ถึงเกรดไม่ท็อป แต่ผมเป็นพวกกลับหัวดีแต่ขี้เกียจ เอาตัวรอดยามคับขัน ต้องใช้หัวสมองได้หมด แต่พอมาทำงานนี้กลับเป็นไอโง่ทำอะไรไม่เป็น เฟลสุดๆ
ก็นั่นล่ะครับ เรื่องทุกอย่างมันก็ผ่านมาแล้ว
งานปัจจุบันผมก็ไม่ใช่ว่าไม่มีข้อเสีย เดิมทีที่ปัจจุบันเคยติดต่อผมมาก่อนหน้าตั้งเป็นปีแล้ว แต่ผมปฏิเสธไป เพราะ มันทำงานเป็นกะครับ
แต่ที่ฮาเอาเข้าจริง ผมกลับโอเคกับการเข้ากะกว่าที่คิด คือ ก็ไม่ถึงกับลงล็อค โคตรแฮปปี้ อะไรขนาดนั้น แต่เดิมทีก่อนหน้านั้นคิดว่าตายแน่ เละ ไม่ไหวแน่ๆ แต่ด้วยเงินเดือนล่อใจ พอลองแล้ว โอเคเลย ;)
เงินเดือนเดือนที่แล้ว ออกมา 22,XXX ก็คือรวมโอ
โอมี 3 แบบ
1. โอบังคับ (ระบบจะจัดมาให้ อาจจะเดือนละ 2-3 วัน)
2. โอที่เจ้านายขอให้ทำในวันทำงาน (ทำเพิ่ม 1 ชม. หรือมาเข้างานก่อน 1 ชม.)
3. โอปริมาณงาน จะมีมาตรฐาน KPI อยู่ ทำไม่ถึงไม่ว่า แต่ถ้าทำเกิน ก็รับ Incentive ไป
ผมนี่ขี้เกียจสุด เพราะถือว่าใช้เงินซื้อเวลาไม่ได้ ขอทำพอดีๆ พักผ่อน ไม่หักโหมจนกรอบ แค่ทำงานเป็นกะนี่ก็สงสารร่างกายจะแย่แล้ว ก็อย่างที่บอก โอยังออกมา 2,000-3,000 กดเงินมาผมยังงง
พวกขาโหดทำโอเป็นอาชีพ เงินเดือนก็น่าจะมากกว่า Specialist, Supervisor ก็แล้วกัน 555555 น่าจะเฉียดๆ 30K
Commitment เป็นสิ่งสำคัญ ผมอยู่หอ เปลี่ยนที่ทำงานทีก็ควักเงินหมื่น ย้ายหอใหม่ ขนของ มัดจำห้อง ขาดทุนทุกที แต่เพราะทุกครั้งเราก็หวังจะฝากชีวิตฝากอนาคตไว้กับที่ทำงาน มันก็คงคล้ายๆ แฟน ไม่มีใครคบแล้วอยากเลิกหรอก
แต่ถ้าไม่ใช่ แล้วฝืนไปแค่เพราะจะคุยว่า "อยู่ทน" แบบนั้นเรียก "ทนอยู่" มากกว่ามั้ง
อาชีพ คือการเป็นฟันเฟืองทำรายได้ให้องค์กร ให้นายจ้าง เขาเองก็ยังอยากได้ผลกำไร คำณวนออกมาเป็นบาทๆ
แล้วกับคน เราจะไม่ต้องคำณวนบางหรือว่าอะไรดีที่สุดกับตัวเราเอง?
อะไร ดีที่สุดกับตัวคุณ?
ผมทำงานแลกเงินครับ และทุกที่ที่ทำงาน มีการ "ทดสอบ" มีการสอบเข้าทั้งนั้น ไม่ใช่ว่ายื่นใบสมัครสั่วๆ จบตรีก็รับเลย บางคนเข้าได้ บางคนก็ไม่ได้ บางคนเข้าพร้อมผมแต่ได้เงินเดือนน้อยกว่าผมก็มี
ในระยะยาว โดยเฉพาะคน "ขาลอย" ไม่มีบ้านพ่อแม่ไว้ให้เกาะ ต้องหาเงินจ่ายทุกๆ สัดส่วนของชีวิต ข้าวทุกมื้อ น้ำทุกแก้ว ที่ซุกหัวนอน ต้องจ่ายเองหมด ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่ ไม่ได้มีคนหุงข้าวให้กิน ผมต้องพยายามหาเงินให้ได้มากที่สุด
เงิน เงิน เงิน
กับกิจการ คุณเป็นมืออาชีพ ทำเพื่อผลกำไรและข้อเสนอที่ดีที่สุด
คนทำงาน ก็ย่อมต้องการผลตอบแทนและความมั่นคงของชีวิตที่ดีที่สุดเหมือนกัน แค่นั้นล่ะครับ
แสดงความคิดเห็น
คุณคิดว่าคนที่เค้าเปลี่ยนงานบ่อยๆมีนิสัยอย่างไร