สวัสดีค่ะ มะเหมี่ยว ไอรินทร์ จากเพจ pretty me up คร่า
กลับมาอีกแล้ว วันนี้มากับ how to ภาคต่อหลังจากที่ลง how to การล้างหน้าไปแล้ว
วันนี้เราก็จะมาต่อที่การทาครีมค่ะขั้นตอนบำรุงผิวหน้าก่อนนอน เพื่อให้ได้ผิวสวยใส พร้อมลุยในเช้าวันต่อไป
ซึ่งเชื่อว่าก็คงมีบางคนยังงงกับการลงครีมบำรุงว่าควรลงอะไรก่อนหลัง แล้วแต่ละอย่างเนี่ยมันต่างกันยังไง
ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันค่ะ
ใครชอบวีดีโอ กดไปดูเลยคร่า
ใครชอบแบบอ่านก็ตามลงมา ^^
skincare ที่ใช้ และเลเยอร์ที่ลงตามด้านล่างเลยค่ะ
LAYER
1. SKINFOOD PREMIUM LETTUCE & CUCUMBER WATERY TONER
2. SKINFOOD PREMIUM LETTUCE & CUCUMBER WATERY ESSENCE
3. SKINFOOD SALMON BRIGHTEN EYE CREAM
4. SKINFOOD PREMIUM LETTUCE & CUCUMBER WATERY EMULSION
5. SKINFOOD PREMIUM LETTUCE & CUCUMBER WATERY CREAM
6. SKINFOOD PREMIUM LETTUCE & CUCUMBER WATERY SOOTHING PACK
7. SKINFOOD AVOCADO LIP BALM
กฎหลักของทาครีมบำรุง คือเริ่มจากเนื้อครีมทาบางที่สุดไปสู่ข้นที่สุด และต้องรอให้เนื้อครีมซึมสู่ผิวก่อนที่จะทาชั้นต่อไป
layer 1 : toner
หลังจากที่ล้างหน้าเสร็จ ตามกฎเราจะต้องทาโทนเนอร์ทันทีภายใน 3 วินาที!!!!!! เพราะค่าความชุ่มชื้นของผิวจะอยู่ครบสมบูรณ์ แต่ถามจริงใครจะทำทัน ห๊ะ!!!! เหมี่ยวขอแนะนำให้ทาทันทีภายใน 30 วินาที ถ้าหลังจากนั้นความชุ่มชื้นจะเหลือแค่ 41 ผิวจะเริ่มแห้งและปิดรับการบำรุง
โทนเนอร์จะช่วยปรับสภาพความสมดุลของผิว ก่อนลงครีมบำรุงทำให้ครีมซึมลงสู่ผิวได้ดีขึ้น และยังช่วยแก้ปัยหาของเรื่องรูขุมขนกว้างด้วย
layer 2: serum/essence
Essence และ serum ถือเป็นพระเอกของสกินแคร์ เพราะว่ามีสส่วนผสมของสารสกัดแบบเข้มข้น เข้าไปบำรุง รักษาผิวถึงชั้นภายใน และซึมซาบเร็วด้วย
Essence และ serum สามารถแก้ปัญหาผิวได้หลายหลายขึ้นอยู่กับส่วนผสมของแต่ละตัว แต่หลักๆแล้วก็จะช่วยเรื่อง ความชุ่มชื้น บำรุงผิว ปรับผิวให้กระจ่างใส ป้องกันการเกิดสิว
layer 3 : targeted treatment
ผ่านไป 2 ชั้นแล้ว ก่อนที่จะลง moisturizer เหมี่ยวขอแนะนำให้ลงครีมบำรุงเฉพาะจุด ไม่ว่าจะเป็น ยาแต้มสิว เติมร่องตื้น ใต้ตา ที่ชั้นที่ 3 นี้คะ
สำหรับครีมทารอบดวงตา เหมี่ยวจะใช้วิธี warm cream ด้วยนิ้วนาง และนำมาแตะเบาๆจากใต้หัวตาออกไปทีหางตา การแตะจะกระตุ้นให้ครีมซึมลงไปได้ดีขึ้น
layer 4 : emulsion/lotion/cream/gel
การลง Moisturizer ปิดท้าย ถือว่าเป็นอีกตัวช่วยสำคัญของ everyday routine เพราะจะช่วยเก็บกักรักษาความชุ่มชื้นของผิว และปกป้องผิวจากการกระทบกับฝุ่นควัน และมลพิษต่างๆโดยตรง
ความแตกต่างของเจ้า emulsion/lotion/cream/gel 4 ตัวนี้คือ
Emulsion/lotion สำหรับผิวแพ้ง่าย และผิวมัน
Cream สำหรับผิวแห้ง
Gel สำหรับผิวมัน
layer 5 : extra treatment
ชั้นนี้ถือว่าเป็นของแถมค่ะ วันไหนถ้าคิดว่าฉันล้าหน้ามากเลย แต่งหน้าหนามาหลายวันแล้ว หรือว่าอยากจะให้ผิวดูสดชื่อนสวยใสแบบเร่งรีบ เพื่อออกงานวันพรุ่งนี้ ก่อนนอนก็ลงทับไปอีกชั้นด้วยเจ้า sleeping pack จะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นและกระจ่างใสขึ้น (ก็ขึ้นอยู่ว่าแต่ละแบรนด์ช่วยอะไร)
ตามด้วยสุดท้าย แต่สำคัญไม่แพ้กันนั้นคือลิปมันค่ะ อย่าลืมบำรุงริมฝีปากก่อนนอนด้วย เพราะถ้าหน้าสวยใส แต่ปากแห้งแตก หนุ่มๆก็คงจิไม่อยากจะจูจุ๊บนะค่ะ :p
หมดเรียบร้อยกับผิวหน้า บอกตรงใช้เวลานานเฟ่อ แต่ถามว่าคุ้มมั้ยก็คุ้มนะเพื่อผิวหน้าสวยใส ไม่เหี่ยวไม่แห้งตึง อดทนเถอะคะสาวๆ 10 นาทีก่อนนอนเพื่อผิวสวยใสดูอ่อนเยาว์อีก 10 ปี
ช่วงสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดอีกแล้ว เชื่อว่าทุกคนมีคำถาม ไอ้เซต skinfood ที่เราใช้ในวีดีโอดีหรือป่าว
มีคำตอบจ้า
จากที่แบรนด์เคลม
" เป็นสารสกัดจากผักกาดหอมและแตงกวาคุณภาพดีเกรดพรีเมี่ยม ช่วยเพื่มความชุ่มชื้นอุดมด้วยมอยเจอไรเซอร์ มีส่วนผสมของ Lettuce 5% ,Cucumber 5% และ Cucumber Watery 20% อุดมไปด้วยมอยเจอร์สูง ช่วยเติมน้ำให้กับผิว ลดผิวแห้งกร้าน และช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า "
จากที่ใช้มาเกือบ 2 เดือนนะค่ะ ขอรีวิวแบบเป็นข้อไปละกันเนอะ
1. เราว่ามันดีสำหรับคนที่ต้องการความชุ่มชื้นให้กับผิว ไม่ว่าจะผิวแห้ง มัน ผสม หรือแพ้ง่าย
2. ข้อดีตัวนี้ที่เราชอบคือมันแห้งเร็วดี คือทาหลายชั้นมาก แต่มันไม่เหนียวเนอะหนะ ลงรองพื้นอะไรตามไม่เป็นคราบ
(ต้องบอกว่าเราใช้ครีมชุ่มชื้นมาเยอะมาก เพราะเป็นคนผิวแห้งจริงจัง บางยี่ห้อดีเรื่องชุ่มชื้นเข้มข้น แต่บางครั้งมันซึมช้าและยากมาก ทารองพื้นทับลงแป้งตาม หน้าเป็นคราบตลอด) ตัวนี้ดีอย่างตรงที่ไม่เป็น
3. เรื่องความขาวใส ตัดเลยค่ะ ตัวนี้ไม่มีเลย คือเราไม่รู้สึกเลยนะ ใครมองหาความขาวก็ข้ามไป
4. ผิวหน้าเราดูอิ่มน้ำขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น อันนี้เห็นได้จริงเลย เพราะตอนนั้นใช้ไปประมาณ 1 เดือนไปเป็นแบบหน้าให้เพื่อน (evefeemakeup) นางออกปากอุทานอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าผิวหน้าดิฉันดีมาก คือดีขึ้นกว่าเมื่อเจอครั้งที่แล้ว ผิวละเอียดเรียบเนียน รูขุมขนนี่แทบไม่เห็นเลย
ปล. ตอนถ่ายทำวีดีโอนี่คือใช้ไปประมาณ 3 อาทิตย์แล้วนะค่ะ
5. นอกจากนี้ไม่รู้แล้ว 55555555 เขียนไปงั้นๆๆ
ถามว่าจะซื้อต่อมั้ย
เราคิดว่าอาจจะซื้อ แต่ไม่ครบไลน์แบบนี้แล้ว คงมีต่อแค่ sleeping pack หรือตัว essence เพื่อช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ คงผิวให้สวยใสไปเรื่อยๆๆๆ ถ้าหมดเซตนี้คงขอลาไปหา whitenning สักแปป แล้วก็อาจจะกลับมาใหม่
แอบบอกทริคเล็กๆ เราจะสลับใช้ครีมค่ะ
whitening กับ hydrate สลับๆกันไป พอ whitening เซตนึงหมด จะมาต่อพวกเน้นชุ่มชื้น พอชุ่มชื้นหมดก็จะกลับต่อ whitening ความรู้สึกว่วนตัวเหมือนกับว่าได้สลับให้ผิวหน้าได้สารอาหารครบถ้วน
เพราะถ้าใช้แต่ไวเทนนิ่งอย่างเดียวหน้าก็จะขาวแต่แห้งและบาง ใช้แต่ช่มชื้นหน้าก็อิ่มน้ำ ดูเนียนเด้ง แต่ไม่ขาวไม้ผ่อง
หมดแล้วคร่าาาา หมดจริงๆละ เขียนมาซะยาวเหยียด
เอาเป็นว่า อย่าลืม ไม่ว่าเราจะขี้เกียจ เหนื่อย เมื่อยล้าขนาดไหน ห้ามข้ามขั้นตอนการดูแลผิวหน้าเด็ดขาด
เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของการมีผิวที่สวยกระจ่างใส
บ๊ายบายคร่า
mameawiryn
[CR] HOWTO มาบำรุงผิวหน้าก่อนนอนกันเถอะ + review skinfood
กลับมาอีกแล้ว วันนี้มากับ how to ภาคต่อหลังจากที่ลง how to การล้างหน้าไปแล้ว
วันนี้เราก็จะมาต่อที่การทาครีมค่ะขั้นตอนบำรุงผิวหน้าก่อนนอน เพื่อให้ได้ผิวสวยใส พร้อมลุยในเช้าวันต่อไป
ซึ่งเชื่อว่าก็คงมีบางคนยังงงกับการลงครีมบำรุงว่าควรลงอะไรก่อนหลัง แล้วแต่ละอย่างเนี่ยมันต่างกันยังไง
ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันค่ะ
ใครชอบวีดีโอ กดไปดูเลยคร่า
ใครชอบแบบอ่านก็ตามลงมา ^^
skincare ที่ใช้ และเลเยอร์ที่ลงตามด้านล่างเลยค่ะ
LAYER
1. SKINFOOD PREMIUM LETTUCE & CUCUMBER WATERY TONER
2. SKINFOOD PREMIUM LETTUCE & CUCUMBER WATERY ESSENCE
3. SKINFOOD SALMON BRIGHTEN EYE CREAM
4. SKINFOOD PREMIUM LETTUCE & CUCUMBER WATERY EMULSION
5. SKINFOOD PREMIUM LETTUCE & CUCUMBER WATERY CREAM
6. SKINFOOD PREMIUM LETTUCE & CUCUMBER WATERY SOOTHING PACK
7. SKINFOOD AVOCADO LIP BALM
กฎหลักของทาครีมบำรุง คือเริ่มจากเนื้อครีมทาบางที่สุดไปสู่ข้นที่สุด และต้องรอให้เนื้อครีมซึมสู่ผิวก่อนที่จะทาชั้นต่อไป
layer 1 : toner
หลังจากที่ล้างหน้าเสร็จ ตามกฎเราจะต้องทาโทนเนอร์ทันทีภายใน 3 วินาที!!!!!! เพราะค่าความชุ่มชื้นของผิวจะอยู่ครบสมบูรณ์ แต่ถามจริงใครจะทำทัน ห๊ะ!!!! เหมี่ยวขอแนะนำให้ทาทันทีภายใน 30 วินาที ถ้าหลังจากนั้นความชุ่มชื้นจะเหลือแค่ 41 ผิวจะเริ่มแห้งและปิดรับการบำรุง
โทนเนอร์จะช่วยปรับสภาพความสมดุลของผิว ก่อนลงครีมบำรุงทำให้ครีมซึมลงสู่ผิวได้ดีขึ้น และยังช่วยแก้ปัยหาของเรื่องรูขุมขนกว้างด้วย
layer 2: serum/essence
Essence และ serum ถือเป็นพระเอกของสกินแคร์ เพราะว่ามีสส่วนผสมของสารสกัดแบบเข้มข้น เข้าไปบำรุง รักษาผิวถึงชั้นภายใน และซึมซาบเร็วด้วย
Essence และ serum สามารถแก้ปัญหาผิวได้หลายหลายขึ้นอยู่กับส่วนผสมของแต่ละตัว แต่หลักๆแล้วก็จะช่วยเรื่อง ความชุ่มชื้น บำรุงผิว ปรับผิวให้กระจ่างใส ป้องกันการเกิดสิว
layer 3 : targeted treatment
ผ่านไป 2 ชั้นแล้ว ก่อนที่จะลง moisturizer เหมี่ยวขอแนะนำให้ลงครีมบำรุงเฉพาะจุด ไม่ว่าจะเป็น ยาแต้มสิว เติมร่องตื้น ใต้ตา ที่ชั้นที่ 3 นี้คะ
สำหรับครีมทารอบดวงตา เหมี่ยวจะใช้วิธี warm cream ด้วยนิ้วนาง และนำมาแตะเบาๆจากใต้หัวตาออกไปทีหางตา การแตะจะกระตุ้นให้ครีมซึมลงไปได้ดีขึ้น
layer 4 : emulsion/lotion/cream/gel
การลง Moisturizer ปิดท้าย ถือว่าเป็นอีกตัวช่วยสำคัญของ everyday routine เพราะจะช่วยเก็บกักรักษาความชุ่มชื้นของผิว และปกป้องผิวจากการกระทบกับฝุ่นควัน และมลพิษต่างๆโดยตรง
ความแตกต่างของเจ้า emulsion/lotion/cream/gel 4 ตัวนี้คือ
Emulsion/lotion สำหรับผิวแพ้ง่าย และผิวมัน
Cream สำหรับผิวแห้ง
Gel สำหรับผิวมัน
layer 5 : extra treatment
ชั้นนี้ถือว่าเป็นของแถมค่ะ วันไหนถ้าคิดว่าฉันล้าหน้ามากเลย แต่งหน้าหนามาหลายวันแล้ว หรือว่าอยากจะให้ผิวดูสดชื่อนสวยใสแบบเร่งรีบ เพื่อออกงานวันพรุ่งนี้ ก่อนนอนก็ลงทับไปอีกชั้นด้วยเจ้า sleeping pack จะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นและกระจ่างใสขึ้น (ก็ขึ้นอยู่ว่าแต่ละแบรนด์ช่วยอะไร)
ตามด้วยสุดท้าย แต่สำคัญไม่แพ้กันนั้นคือลิปมันค่ะ อย่าลืมบำรุงริมฝีปากก่อนนอนด้วย เพราะถ้าหน้าสวยใส แต่ปากแห้งแตก หนุ่มๆก็คงจิไม่อยากจะจูจุ๊บนะค่ะ :p
หมดเรียบร้อยกับผิวหน้า บอกตรงใช้เวลานานเฟ่อ แต่ถามว่าคุ้มมั้ยก็คุ้มนะเพื่อผิวหน้าสวยใส ไม่เหี่ยวไม่แห้งตึง อดทนเถอะคะสาวๆ 10 นาทีก่อนนอนเพื่อผิวสวยใสดูอ่อนเยาว์อีก 10 ปี
ช่วงสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดอีกแล้ว เชื่อว่าทุกคนมีคำถาม ไอ้เซต skinfood ที่เราใช้ในวีดีโอดีหรือป่าว
มีคำตอบจ้า
จากที่แบรนด์เคลม
" เป็นสารสกัดจากผักกาดหอมและแตงกวาคุณภาพดีเกรดพรีเมี่ยม ช่วยเพื่มความชุ่มชื้นอุดมด้วยมอยเจอไรเซอร์ มีส่วนผสมของ Lettuce 5% ,Cucumber 5% และ Cucumber Watery 20% อุดมไปด้วยมอยเจอร์สูง ช่วยเติมน้ำให้กับผิว ลดผิวแห้งกร้าน และช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า "
จากที่ใช้มาเกือบ 2 เดือนนะค่ะ ขอรีวิวแบบเป็นข้อไปละกันเนอะ
1. เราว่ามันดีสำหรับคนที่ต้องการความชุ่มชื้นให้กับผิว ไม่ว่าจะผิวแห้ง มัน ผสม หรือแพ้ง่าย
2. ข้อดีตัวนี้ที่เราชอบคือมันแห้งเร็วดี คือทาหลายชั้นมาก แต่มันไม่เหนียวเนอะหนะ ลงรองพื้นอะไรตามไม่เป็นคราบ
(ต้องบอกว่าเราใช้ครีมชุ่มชื้นมาเยอะมาก เพราะเป็นคนผิวแห้งจริงจัง บางยี่ห้อดีเรื่องชุ่มชื้นเข้มข้น แต่บางครั้งมันซึมช้าและยากมาก ทารองพื้นทับลงแป้งตาม หน้าเป็นคราบตลอด) ตัวนี้ดีอย่างตรงที่ไม่เป็น
3. เรื่องความขาวใส ตัดเลยค่ะ ตัวนี้ไม่มีเลย คือเราไม่รู้สึกเลยนะ ใครมองหาความขาวก็ข้ามไป
4. ผิวหน้าเราดูอิ่มน้ำขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น อันนี้เห็นได้จริงเลย เพราะตอนนั้นใช้ไปประมาณ 1 เดือนไปเป็นแบบหน้าให้เพื่อน (evefeemakeup) นางออกปากอุทานอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าผิวหน้าดิฉันดีมาก คือดีขึ้นกว่าเมื่อเจอครั้งที่แล้ว ผิวละเอียดเรียบเนียน รูขุมขนนี่แทบไม่เห็นเลย
ปล. ตอนถ่ายทำวีดีโอนี่คือใช้ไปประมาณ 3 อาทิตย์แล้วนะค่ะ
5. นอกจากนี้ไม่รู้แล้ว 55555555 เขียนไปงั้นๆๆ
ถามว่าจะซื้อต่อมั้ย
เราคิดว่าอาจจะซื้อ แต่ไม่ครบไลน์แบบนี้แล้ว คงมีต่อแค่ sleeping pack หรือตัว essence เพื่อช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ คงผิวให้สวยใสไปเรื่อยๆๆๆ ถ้าหมดเซตนี้คงขอลาไปหา whitenning สักแปป แล้วก็อาจจะกลับมาใหม่
แอบบอกทริคเล็กๆ เราจะสลับใช้ครีมค่ะ
whitening กับ hydrate สลับๆกันไป พอ whitening เซตนึงหมด จะมาต่อพวกเน้นชุ่มชื้น พอชุ่มชื้นหมดก็จะกลับต่อ whitening ความรู้สึกว่วนตัวเหมือนกับว่าได้สลับให้ผิวหน้าได้สารอาหารครบถ้วน
เพราะถ้าใช้แต่ไวเทนนิ่งอย่างเดียวหน้าก็จะขาวแต่แห้งและบาง ใช้แต่ช่มชื้นหน้าก็อิ่มน้ำ ดูเนียนเด้ง แต่ไม่ขาวไม้ผ่อง
หมดแล้วคร่าาาา หมดจริงๆละ เขียนมาซะยาวเหยียด
เอาเป็นว่า อย่าลืม ไม่ว่าเราจะขี้เกียจ เหนื่อย เมื่อยล้าขนาดไหน ห้ามข้ามขั้นตอนการดูแลผิวหน้าเด็ดขาด
เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของการมีผิวที่สวยกระจ่างใส
บ๊ายบายคร่า
mameawiryn