จากหนังสือ New York Times Bestseller ของนักเขียนมากฝีมืออย่าง Gillian Flynn ความยาวแปลไทยกว่า 500 หน้า
มาโลดแล่นบนจอยักษ์จากฝีมือผู้กำกับ David Fincher ด้วยเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง
ถามว่าคุ้มมั้ย บอกเลยว่ามากค่ะ ยกให้เป็น must see ของเดือนนี้
คุณจะไม่รู้ว่าใครคิดยังไงบ้าง จนกว่าคุณจะดูมันเอง ;)
- Nick Dunne เป็นบุคคลตัวอย่างที่โกหกได้ไม่เนียนเลยยยยยย
ขอพูดจากพฤติกรรมทั้งจากหนังและหนังสือคู่กันไปเลยนะคะ ว่ามีหลายข้อที่ทำให้นิกกลายเป็นคนขี้โกหก
1. สายตา นิกกระพริบตาบ่อย หลบสายตา นั่นหมายถึง เขาโกหก หรือกำลังปิดบังความจริงอยู่
2. การแสดงออก เช่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ยิ้มให้กับนักข่าวตอนถ่ายรูปเอมีตอนแถลงข่าว ถึงนักข่าวจะเป็นคนบอกให้ยิ้มก็เถอะ มันแสดงถึงความไม่จริงใจ เป็นส่วนหนึ่งในการบอกว่า ณ จุดๆนั้น ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นยังไง
3. การโยงประเด็น หรือการป้ายความผิดให้ผู้อื่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนนักสืบโบนีย์กำลังสืบสวน เขาก็พูดแต่ชื่อคนอื่น เพื่อให้ตร.ไปสืบกับคนอื่น หรือให้อยู่ห่างจากเขา นั่นหมายความว่าเขากำลังโยนความผิดให้คนอื่น
4. การพูดจา น้ำเสียง เวลาโดนสืบสวน สังเกตว่าถ้าเขาไม่พอใจในการสืบสวน หรือโดนตร.จับผิด เขาจะขึ้นเสียง หรือตัดบทไปซะดื้อๆเลย
หรือการแสดงออกกับคนรักด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปค่ะ
ความจริงมีอีกหลายข้อแต่เราไม่รู้จะจับมาอธิบายยังไง มาพูดคุยในประเด็นนี้กันได้ค่ะ
- Amy Dunne เราคิดว่า ผู้หญิงคนนี้ จะเป็นคนหนึ่งที่จะติดอยู่ในความทรงจำของคนดูไปอีกนานเลย ต้องยอมรับว่าถึงเธอจะร้ายแค่ไหน เลวแค่ไหน
เราต้องขอยกนิ้วให้เธอในความสวย ความฉลาด รอบคอบ เจ้าเล่ห์ มีเสน่ห์ ช่างวางแผน คิดการณ์ไกล
บอกเลยว่า เธอเป็นเอมีที่เอมีจริงๆ เหมือนหลุดมาจากในหนังสือเลย ถ้าเธอมีชื่อเข้าชิงออสการ์ ก็ไม่แปลกค่ะ จุดธูปให้นางเข้าออสการ์ค่ะ ชูป้ายไฟฟฟฟ
- Detective Rhonda Boney เราว่านางจับผิดคนค่อนข้างเก่งเลยทีเดียว แต่ขอโทษที นางสู้เอมีไม่ได้เลยจริงๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ช่วงท้ายของหนังจะเห็นได้เลยว่าเธอรู้ว่าเอมีโกหก แต่งเรื่อง แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้เลยซักอย่าง
สำหรับในส่วนของตัวภาพยนตร์
• จิตวิทยาไม่หนักหนาอะไรมากนัก แต่คนดูอาจกดดัน เครียด อึดอัด หายใจไม่ออกไปบ้างบางตอน ช่วงที่พีคมากๆ จะเป็นช่วงหลังๆ
• แฝงแง่มุมของเรื่อง อืม.. เรียกว่าความลุ่มหลงก็ได้มั้ง ความแค้น อยากแก้แค้น อยากเอาคืน อย่างประโยคที่เป็นทั้งตัวปิดหนัง และเปิดหนังของเรื่องเลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้what are you thinking? what are you feeling? what have we done to each other? what will we do?
ขอบคุณคุณ vizakitty จากกระทู้
http://www.ppantip.com/topic/32731596 สำหรับมุมมองเรื่องนี้ด้วยค่ะ
• เป็นภาพยนตร์ที่ตลกร้ายเรื่องหนึ่งเลย สีหน้าสายตาของนิกจะทำให้เราเห็น บางคนในโรงเห็นหน้านิกแล้วหัวเราะออกมาเลยก็มี จิกกัดประชดประชันกันได้เจ็บมากค่ะ 555555555
• ในแง่ของชั้นเชิง จากหนังสือสู่ภาพยนตร์ สำหรับเราเราว่ามันยากถ้าจะยกออกมาแบบครบถ้วน แต่พอเราได้ดูหนัง มีบางฉากที่ถึงกับยิ้มเบาๆกับตัวเอง ยิ้มมุมปาก และหัวเราะหึออกมา
David Fincher เป็นคนที่เก่งมากเลยทีเดียว ฝีมือร้ายมาก เขานำดีเทลในหนังสือมาโลดแล่นได้ครบถ้วนมาก ครบจริงๆ
ทั้งการเล่าเรื่อง การตัดต่อ การเรียงเนื้อเรื่อง การวางบท ผูกเรื่อง ตัวละคร บทบาทของคาแรกเตอร์ การเล่นกับความรู้สึกคนดู เขาเก่งมากจริงๆ
• อาจจะชมเกินไป แต่ขอบอกว่าต้องดู แล้วคุณจะรู้ว่าที่เราพิมพ์มาทั้งหมด ยังไม่เท่ากับความรู้สึกเราเลย
Gone girl เป็นอีกเรื่องที่สร้างจากหนังสือแล้วทำให้เราปริ่มมาก มันใช่อะ
• การอ่านหนังสือมาก่อน ทำให้เรารู้จักตัวละครก่อน แต่นั่นมันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ตื่นเต้นไปกับหนังเลย กลับกัน เราตื่นเต้นมาก เราอยากรู้ว่ามันจะเหมือนหนังสือมั้ยนะ มันจะเป็นอย่างนี้ๆ จะทำอย่างนั้นจริงมั้ย เป็นต้น
แต่ถ้าคนไหนยังไม่เคยอ่านแล้วไปดู ก็ดีไปอีกอย่างนะคะ คุณจะตื่นเต้นและรู้สึกมากกว่าเราเยอะเลยแหละ
10/10 จากใจคนที่อ่านนิยายมาก่อนค่ะ
ขอแนะนำของ Gillian Flynn อีก 2 เรื่องนะคะ กว่าจะรู้ตัวเราก็มีของนักเขียนคนนี้ครบทั้ง 3 เรื่องแล้ว
ซึ่งนอกจาก Gone Girl ก็มีอีกเรื่องที่ว่ากันว่าจะเอามาสร้างเป็นหนังสือ ก็คือเรื่อง Dark Places เสียงลวงตาย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนอีกเรื่องไม่ได้มีโปรแกรมจะเอามาสร้างแต่อย่างใด แต่สนุกดี คือเรื่อง Sharp Objects คมมรณะค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอบคุณภาพทั้งหมดจาก google ค่ะ ลองไปหาอ่านกันดูนะคะ เราพิมพ์ในมือถือทั้งหมด อาจใส่โค้ดผิดไปบ้าง จะกลับมา edit ค่ะ
review : Gone Girl 'you must see'
warning : มีสปอยล์บางช่วง
ก่อนอื่นขอฝากค่ะ
https://www.facebook.com/girlsreview
จากหนังสือ New York Times Bestseller ของนักเขียนมากฝีมืออย่าง Gillian Flynn ความยาวแปลไทยกว่า 500 หน้า
มาโลดแล่นบนจอยักษ์จากฝีมือผู้กำกับ David Fincher ด้วยเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง
ถามว่าคุ้มมั้ย บอกเลยว่ามากค่ะ ยกให้เป็น must see ของเดือนนี้
คุณจะไม่รู้ว่าใครคิดยังไงบ้าง จนกว่าคุณจะดูมันเอง ;)
- Nick Dunne เป็นบุคคลตัวอย่างที่โกหกได้ไม่เนียนเลยยยยยย
ขอพูดจากพฤติกรรมทั้งจากหนังและหนังสือคู่กันไปเลยนะคะ ว่ามีหลายข้อที่ทำให้นิกกลายเป็นคนขี้โกหก
1. สายตา นิกกระพริบตาบ่อย หลบสายตา นั่นหมายถึง เขาโกหก หรือกำลังปิดบังความจริงอยู่
2. การแสดงออก เช่น [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ มันแสดงถึงความไม่จริงใจ เป็นส่วนหนึ่งในการบอกว่า ณ จุดๆนั้น ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นยังไง
3. การโยงประเด็น หรือการป้ายความผิดให้ผู้อื่น [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
4. การพูดจา น้ำเสียง เวลาโดนสืบสวน สังเกตว่าถ้าเขาไม่พอใจในการสืบสวน หรือโดนตร.จับผิด เขาจะขึ้นเสียง หรือตัดบทไปซะดื้อๆเลย
หรือการแสดงออกกับคนรักด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปค่ะ
ความจริงมีอีกหลายข้อแต่เราไม่รู้จะจับมาอธิบายยังไง มาพูดคุยในประเด็นนี้กันได้ค่ะ
- Amy Dunne เราคิดว่า ผู้หญิงคนนี้ จะเป็นคนหนึ่งที่จะติดอยู่ในความทรงจำของคนดูไปอีกนานเลย ต้องยอมรับว่าถึงเธอจะร้ายแค่ไหน เลวแค่ไหน
เราต้องขอยกนิ้วให้เธอในความสวย ความฉลาด รอบคอบ เจ้าเล่ห์ มีเสน่ห์ ช่างวางแผน คิดการณ์ไกล
บอกเลยว่า เธอเป็นเอมีที่เอมีจริงๆ เหมือนหลุดมาจากในหนังสือเลย ถ้าเธอมีชื่อเข้าชิงออสการ์ ก็ไม่แปลกค่ะ จุดธูปให้นางเข้าออสการ์ค่ะ ชูป้ายไฟฟฟฟ
- Detective Rhonda Boney เราว่านางจับผิดคนค่อนข้างเก่งเลยทีเดียว แต่ขอโทษที นางสู้เอมีไม่ได้เลยจริงๆ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สำหรับในส่วนของตัวภาพยนตร์
• จิตวิทยาไม่หนักหนาอะไรมากนัก แต่คนดูอาจกดดัน เครียด อึดอัด หายใจไม่ออกไปบ้างบางตอน ช่วงที่พีคมากๆ จะเป็นช่วงหลังๆ
• แฝงแง่มุมของเรื่อง อืม.. เรียกว่าความลุ่มหลงก็ได้มั้ง ความแค้น อยากแก้แค้น อยากเอาคืน อย่างประโยคที่เป็นทั้งตัวปิดหนัง และเปิดหนังของเรื่องเลยค่ะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอบคุณคุณ vizakitty จากกระทู้ http://www.ppantip.com/topic/32731596 สำหรับมุมมองเรื่องนี้ด้วยค่ะ
• เป็นภาพยนตร์ที่ตลกร้ายเรื่องหนึ่งเลย สีหน้าสายตาของนิกจะทำให้เราเห็น บางคนในโรงเห็นหน้านิกแล้วหัวเราะออกมาเลยก็มี จิกกัดประชดประชันกันได้เจ็บมากค่ะ 555555555
• ในแง่ของชั้นเชิง จากหนังสือสู่ภาพยนตร์ สำหรับเราเราว่ามันยากถ้าจะยกออกมาแบบครบถ้วน แต่พอเราได้ดูหนัง มีบางฉากที่ถึงกับยิ้มเบาๆกับตัวเอง ยิ้มมุมปาก และหัวเราะหึออกมา
David Fincher เป็นคนที่เก่งมากเลยทีเดียว ฝีมือร้ายมาก เขานำดีเทลในหนังสือมาโลดแล่นได้ครบถ้วนมาก ครบจริงๆ
ทั้งการเล่าเรื่อง การตัดต่อ การเรียงเนื้อเรื่อง การวางบท ผูกเรื่อง ตัวละคร บทบาทของคาแรกเตอร์ การเล่นกับความรู้สึกคนดู เขาเก่งมากจริงๆ
• อาจจะชมเกินไป แต่ขอบอกว่าต้องดู แล้วคุณจะรู้ว่าที่เราพิมพ์มาทั้งหมด ยังไม่เท่ากับความรู้สึกเราเลย
Gone girl เป็นอีกเรื่องที่สร้างจากหนังสือแล้วทำให้เราปริ่มมาก มันใช่อะ
• การอ่านหนังสือมาก่อน ทำให้เรารู้จักตัวละครก่อน แต่นั่นมันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ตื่นเต้นไปกับหนังเลย กลับกัน เราตื่นเต้นมาก เราอยากรู้ว่ามันจะเหมือนหนังสือมั้ยนะ มันจะเป็นอย่างนี้ๆ จะทำอย่างนั้นจริงมั้ย เป็นต้น
แต่ถ้าคนไหนยังไม่เคยอ่านแล้วไปดู ก็ดีไปอีกอย่างนะคะ คุณจะตื่นเต้นและรู้สึกมากกว่าเราเยอะเลยแหละ
10/10 จากใจคนที่อ่านนิยายมาก่อนค่ะ
ขอแนะนำของ Gillian Flynn อีก 2 เรื่องนะคะ กว่าจะรู้ตัวเราก็มีของนักเขียนคนนี้ครบทั้ง 3 เรื่องแล้ว
ซึ่งนอกจาก Gone Girl ก็มีอีกเรื่องที่ว่ากันว่าจะเอามาสร้างเป็นหนังสือ ก็คือเรื่อง Dark Places เสียงลวงตาย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนอีกเรื่องไม่ได้มีโปรแกรมจะเอามาสร้างแต่อย่างใด แต่สนุกดี คือเรื่อง Sharp Objects คมมรณะค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอบคุณภาพทั้งหมดจาก google ค่ะ ลองไปหาอ่านกันดูนะคะ เราพิมพ์ในมือถือทั้งหมด อาจใส่โค้ดผิดไปบ้าง จะกลับมา edit ค่ะ