วันนี้อารมณ์ป่วน อยากขี่มอเตอร์ไซค์รอบกรุงฯ ในวันว่างๆ ...จึงหันไปคว้า Yamaha “Grand Filano” ของคุณแม่บ้านที่พึ่งจะไปถอยออกมาใช้งานได้ไม่ถึงอาทิตย์แทนเจ้า R15 คู่ใจของผม เพราะอยากจะขี่เที่ยวแบบสบายๆ โดยไม่ต้องพะวงเรื่องเกียร์เรื่องคลัทช์เมื่อต้องลุยฝ่าเข้าไปในเมือง (แม้จะเป็นวันเสาร์ แต่ก็ไว้ใจการจราจรที่ติดขัดไม่ได้นะครับ) ซึ่งเป้าหมายหลักครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะพิสูจน์ดูว่าเจ้าเครื่องยนต์ Blue Core ของค่ายยามาฮ่าที่เคลมมาว่าประหยัดน้ำมันแบบสุดๆ ถึง 60 กม./ลิตร นั้น จะดีจริงสมกับที่โฆษณาไว้มากน้อยเพียงใด...
          โดยผมวางแผนการเดินทางคร่าวๆ ไว้ว่า จะไปถ่ายรูปเล่นๆ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า หน้าทำเนียบ จากนั้นก็ไปต่อที่วัดพระแก้ว กระทรวงกลาโหม และขี่ไปสะพานพุทธ ก่อนจะวนกลับมาสะพานซังฮี้ และขึ้นสะพานพระราม 7 เพื่อเอางานไปส่งให้กับเพื่อนที่ท่าน้ำนนท์ ก่อนที่จะวกกลับมาแวะถ่ายรูปเล่นที่ช็อคโกแล็ควิวก่อนที่จะเข้าบ้าน...เมื่อวางเส้นทางในใจเรียบร้อยก็จัดการขี่เจ้า Grand Filano ไปเติมน้ำมันให้เต็มถัง ซึ่งเติมขึ้นมาในระดับที่สายตามองเห็น เพื่อจะได้คำนวนได้ว่าใช้น้ำมันไปเท่าไหร่เมื่อเติมน้ำมันกลับเข้าไปในถังอีกครั้ง
          เวลาประมาณ 8.45 น. ผมก็พร้อมเดินทางออกจากปั๊มน้ำมันที่เติมน้ำมันเรียบร้อย จากนั้นก็ลุยไปพร้อมกับ Grand Filano ทันที โดยใช้เส้นเลียบทางด่วนรามอินทราฯ มุ่งหน้าไปทางถนนพระราม 9 โดยความเร็วในช่วงเช้านี้ผมบิดแบบชิลล์ๆ 60 กม./ชม. เพราะรถยังไม่หนาแน่นมากหนัก จากนั้นเลี้ยวขวาที่แยกพระราม 9 วิ่งผ่าน RCA เพื่อไปยังถนนราชปรารถ ซึ่งตอนนี้เริ่มเจอกับการจราจราที่ติดขัดมากขึ้น ทำให้เราต้องซิกแซกไปตามช่อง ซึ่งเจ้า Grand Filano ก็เบาและพริ้วซะเหลือเกินทำให้ผมผ่านการจราจรที่หนาแน่นไปได้แบบสบายๆ วิ่งมาจนถึงแยกตรงกระทรวงต่างประเทศก็ติดไฟแดง หลุดไฟแดงมาก็ติดขบวนรถไฟ ก่อนที่จะวิ่งฉิ่วขนานสนามม้านางเลิ้งมาจนถึงลานพระบรมรูปฯ ประมาณ 9.30 น. จอดรถถ่ายรูป Grand Filano กับทำเนียบฯ ไว้เป็นหลักฐานการเดินทางอยู่ครู่เดียว ก็ออกเดินทางต่อ...
          จากลานพระบรมรูปฯ ผมก็ขี่บนถนนราชดำเนินมุ่งหน้ามาทางแยกผ่านฟ้า ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และในที่สุดก็มาถึงสนามหลวง กะว่าจะจอดถ่ายรูปด้านในแต่ไม่สามารถเข้าไปได้แล้ว ก็เลยขี่ผ่านมาจอดถ่ายรูปกับปืนใหญ่หน้ากระทรวงกลาโหมซะเลย เมื่อถ่ายรูปจนพอใจแล้ว ก็ออกเดินทางต่อไปยังสะพานพุทธโดยไปทางปากคลองตลาดวนผ่านวังบรูพาและมุ่งหน้าไปทางสะพานพุทธ และเมื่อลงจากสะพานพุทธก็วกกลับขึ้นสะพานพุทธอีกครั้ง ก่อนที่จะไปจอดถ่ายรูป พระบรมรูปรัชกาลที่ 1 ตรงหน้าสะพานพุทธ จากนั้นก็ขี่กลับมาผ่านทางหน้ากระทรวงฯ อีกครั้ง และขี่ย้อนกลับมาทางราชดำเนินก่อนเลี้ยวซ้ายไปใต้สะพานพระราม 8 ถ่ายรูปคู่กับแม่น้ำเจ้าพระยาซะหน่อย เมื่อเสร็จจากสะพานพระราม 8 ก็มุ่งหน้าไปทางเทเวศน์เพื่อไปขึ้นสะพานซังฮี้...
          ข้ามสะพานซังฮี้มาก็เลี้ยวขวาตรงแยกจรัญ ซึ่งกำลังก่อสร้างทาง ทำให้รถติดพอสมควรยาวจนมาถึงตีนสะพานพระราม 7 หลุดขึ้นสะพานพระราม 7 ก็เลี้ยวซ้ายลงผ่านหน้าพระนครเหนือเพื่อมุ่งหน้าไปทางท่าน้ำนนท์นั่นเอง ส่งงานให้เพื่อนพร้อมกับแวะไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่ร้านเอกโอชา สาขา 2 ในช่วงประมาณ 11 โมง แอบพักเหนื่อยซะหน่อยหลังจากที่ขี่รถมาตั้งแต่สายๆ โดยไม่ค่อยได้พักซักเท่าไหร่ เมื่ออิ่มท้องและคลายร้อนลงก็มุ่งหน้ากลับทางเส้นแคราย งามวงศ์วาน ขี่มาจนถึงอุโมงค์แยกเกษตร เข้าสู่เกษตร-นวมินทร์ เพื่อไปช็อคโกแล็ควิว ถ่ายรูปเล่นๆ อยู่ซักพักก็ย้อนกลับเข้าบ้านทางถนนสุคนธสวัสดิ์ แวะเติมน้ำมันที่ปั๊มเดิมที่เติมตอนเช้า

          โดยระยะทางรวมที่เดินทางวันนี้อยู่ที่ 90.6 กม. และน้ำมันที่เติมกลับเข้าไปจนถึงระดับเดิมที่เต็มตอนเช้าก็คือ 1.24 ลิตร เป็นจำนวนเงิน 45 บาท เท่านั้น...เฉลี่ยอัตราการใช้น้ำมันอยู่ที่ 73.06 กม./ลิตร ซึ่งสร้างความทึ่งให้ผมเป็นอย่างมาก เพราะไม่คิดว่ารถออโตเมติกจะประหยัดน้ำมันได้ถึงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่การเดินทางวันนี้ ผมเจอกับรถติดในเมืองตลอด ติดไฟแดงเกือบทุกไฟแดง และติดนานเป็นนาทีอีกด้วย ความเร็วที่ใช้ในช่วงรถติดก็ตามสภาพ 20-40 กม./ชม. ถ้าถนนโล่งหน่อยก็กดไป 80 กม./ชม. แต่ส่วนใหญ่แล้วความเร็วจะอยู่ที่ประมาณ 60 กม./ชม. ซะเป็นส่วนใหญ่...ตัวเลข 73.06 กม./ลิตร ที่ได้ จึงถือได้ว่าประหยัดมากๆ สำหรับการเดินทางในวันนี้...ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยี Blue Core ของยามาฮ่าเจ๋งจริงๆ
          
          แถมท้ายอีกนิด... Grand Filano ที่นอกจากจะประหยัดน้ำมันขนาดนี้แล้ว เครื่องยนต์ยังเดินเงียบมาก นุ่มมาก แต่บิดติดมือทีเดียวให้อัตราเร่งที่ถือว่าจัดจ้าน เพราะจากหลายๆ ครั้งที่ออกตัวไฟแดง ก็พุ่งขึ้นออกหน้าเป็นคันแรกทุกที รวมทั้งยังมีความคล่องตัวสูงมาก มุดซิกแซกไปตามช่องเมื่อรถติดได้อย่างง่ายดาย เบาะนั่งหนานุ่มนั่งสบายเพราะตลอดการเดินทางประมาณ 4 ชม. ผมไม่รู้สึกเมื่อยล้าเลยแม้แต่น้อย...(รู้สึกร้อนจากแดดมากกว่า) และผมก็ขอจบการเดินทางไปกับ Grand Filano เพียงเท่านี้นะครับ...ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนจบครับ...

ปล. 1 การเดินทางครั้งนี้ผมติดกล้อง VDO บันทึกภาพการขับขี่เป็นช่วงๆ นะครับ....
ปล. 2 รูปถ่ายอาจจะไม่สวยเท่าไหร่นะครับ เพราะเน้นขี่ไปรอบเมืองมากกว่าถ่ายรูปครับ...อิอิอิ