ผมว่า ถ้าตำรวจไทยฉลาด น่าจะเชิญหน่วยสืบสวนอังกฤษมาร่วมกระบวนการสืบสวนคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวบนเกาะเต่า แล้วเรียนรู้จากเขา

เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีเกี่ยวกับการหาหลักฐานก้าวหน้าไปมากแล้ว เรื่องนี้ อังกฤษนับว่าเก่งเป็นอันดับหนึ่งของโลก เจ๋งกว่าสหรัฐเสียอีก และคดีนี้พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในอังกฤษ แบบดังมากๆยิ่งกว่าเรื่องนักกีฬาได้เหรียญทองโอลิมปิกเสียอีก  ถ้าเชิญเขามาร่วม เราก็ไม่เสียหน้าแต่ประการใด เพราะพลเมืองของเขาเสียชีวิต

นายกรัฐมนตรีอังกฤษให้สัมภาษณ์ในการประชุมเอเซมว่า ไม่เข้าใจที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กับ ตำรวจไทย ทำไมไม่แยกจากกัน ทำให้ผลที่ออกมาเชื่อถือไม่ได้

จากคดีนี้ ทำให้รู้ว่า ระบบสืบสวนของเรายังด้อยมากๆ ถึงขนาดที่ผู้นำอังกฤษนำมาพูดในงานประชุมผู้นำยุโรปและเอเชียที่จัดขึ้นครั้งนี้

ก็จริงอยู่ ในวันแรก ตำรวจก็ปล่อยให้คนที่ไม่เกี่ยวข้อง ไปย่ำสถานที่เกิดเหตุจนเละไปหมด

เป็นอย่างนี้ทุกคดี แม้แต่ คดีห้างทอง ที่โด่งดัง  

ต้องแยกสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ออกมา คานอำนาจกับตำรวจ  ผลจึงจะน่าเชื่อถือ เพราะปัจจุบัน ศาลก็ไม่ค่อยจะให้น้ำหนัำที่ผลการตรวจดีเอ็นเอ เพราะรู้ว่า  ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ไม่มีอะไร  ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้

การที่ทั่วโลกสงสัยว่า สองพม่าที่จับได้เป็นแพะ  ตำรวจไทยควรกลับมาพิจารณาตัวเองว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น  ไม่ใช่มาตีโพยตีพายว่าไม่ไว้ใจกัน แม้แต่ผู้นำไทยก็พูดเช่นนั้น  โดยไม่พยายามพิจารณาว่าอะไรคือต้นเหตุ คือสาเหตุของการไม่ไว้ใจ  แล้วกลับมาแก้ไขที่ตัวเอง

เหตุผลหนึ่งก็คือ การสืบสวนของตำรวจ ไร้ทิศทางมาก สะเปะสะปะ แต่ผลสรุปกลับชัดเจนแบบปาฏิหาริย์