สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ขอใช้นามสมมติว่า เบี้ยนละกัน
วันนี้เราเจอสิ่งที่เรียกว่าเลวร้ายsะยำที่สุดในชีวิตของการดูหนังเลยก็ว่าได้ มาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ เมเจอร์บางกะปิ โรงภาพยนตร์ที่6 รอบเวลา 21.50 ภาพยนตร์เรื่อง dracula untold
วันนี้เรากับแฟนก็มาดูหนังกันค่ะ เราก็จองตั๋ว รอเข้าโรงดูหนังปกติ พอถึงเวลาหนังเริ่ม เรากับแฟนก็เข้าไปนั่งค่ะ สิ่งที่พบคือด้านหลังของเราแถว b9และb10 มีเกย์และกะเทย(นิสัยทราม) นั่งอยู่ก่อนแล้ว เราก็ไม่ได้อะไรอะค่ะ เราก็นั่งดูตัวอย่างภาพยนตร์กับแฟน
เหตุการณ์ที่1
กะเทยตัวด้านหลังเราโหวกเหวกโวยวายมาก อารมณ์แบบว่านางจะพูดไรก็พูดเสียงดังมากที่สุด ถึงขั้นที่แบบว่าถ้าไม่มีคนในโรง เสียวนางจะดังกังวาลอยู่คนเดียวแน่นอน นางพูดอวดนั่นอวดนี่
เช่น "หนังไม่เห็นน่าดูเลย" "คนเยอะจัง" "เดี๋ยวguไปบอกให้พี่guเปิดให้อีกโรง ดูสบายคนเดียว" บลาๆ
เสียงดังจนชนิดที่ซ้ายขวาหน้าหลังนาง ทำท่าไม่พอใจ นางก็ยังพูดเสียงดังเรื่อยๆ ไม่สนใจใคร อารมณ์แบบว่า guซื้ออตั๋วมาแล้วจะทำไม?
แต่จุดพีคคือ นางไม่ได้อยากดูหนังหรือยังไงไม่รู้ ซื้อตั๋วมาเพื่อคุยกับเพื่อน โดยไม่สนใจหนังเลย เพราะหนังมันเป็นซาวด์แทรค นางก็พูดบ้างหยุดบ้าง ส่งเสียงตกใจแบบ overacting
จนเรารู้สึกว่า "เราหนวกหู"
พอหนังเริ่มจะฉาย
เหตุการณ์ที่ 2
นางน่าจะเป็นญาติของ ลุค อีแวน หรือยังไงไม่รู้ นางสามารถเดาเหตุการณ์พยากรณ์ขึ้นมาได้ แบบมั่วบ้างแบบถูกบ้าง มันคงจะไม่ผิดค่ะสำหรับการพากย์หนัง แต่มันผิดที่ว่า เสียงนางยังคงดังขนาดที่คนทั้งโรงมีแถว เอ ถึง ล่างสุด สามารถได้ยินทุกคำที่นางพูด บางทีนางก็พูดขึ้นมาลอยๆว่า
เช่น "เนี่ย เดี๋ยวพระเอกจะแซ่บนางเอก" คือฉากมันดูดปากกันขนาดนั้นใครก็คงเดาได้ค่ะ
หรือแบบ "เนี่ยเดี๋ยวมันต้องมีภาค2 gooอ่านมาก่อน ตอนจบเป็นโง้นงี้" ไม่เกรงใจคนรอบข้างสักนิด
คนอื่นอาจจะมองว่า มันธรรมดาค่ะ แต่ขอโทษ!!! นางพูดไปครึ่งเรื่อง ถึงฉากที่เหลือประมาณ 20นาทีสุดท้าย โอ้ยแม่เธอพ่อเธอ เก่งขนาดนี้ไม่ต้องดูแล้วมั้งคะ
ในระหว่างชมภาพยนตร์
เหตุการณ์ที่ 3
เราแน่ใจว่าเมเจอร์บางกะปิยังไม่มีโรงภาพยนตร์ที่เป็น 4มิติ แต่เราเดาผิดคาดค่ะ คุณผู้หญิงข้ามโลกคนด้านหลัง เตะจนอารมณ์แบบว่า น่าจะเส้นกระตุกยังไงอย่างนั้น นางเตะแบบบิดขาไปมา สลับซ้ายขวา สับขาหลอกอะไรประมาณนั้นเลยค่ะ โถ ตายแล้ว เรานี่ตกใจเลยนะ แบบ เห้ย เตะแบบนี้มันเกินไปป่าววะ เราก็ทนอะเพราะว่าที่นั่งรอบข้างก็เต็มหมด ย้ายไปไหนก็ไม่ได้ ลุกไปนั่งหน้าก็คือหน้าเกือบสุด
เห้อเพลียแคม
และนีคือเหตุการณ์พีคสุด
เหตุการณ์ที่ 4
ขณะที่ภาพยนตร์เหลือ 25นาทีสุดท้ายน่าจะได้ เราก็นั่งดูเพลินๆจนที่วางแขนของเรามีอะไรมาชน เราก็เอะใจนึกว่ากระเป๋าหรืออะไรตก ไม่ใช่ค่ะ
สิ่งที่เราพบมันคือ "ส้นเท้า" ของผู้หญิงยังไม่ผ่าโม้ะด้านหลังเราเอง
เราแบบเห้ย พ่อแม่เธอ มันเกินไปละ นางเอาเท้ามาวางชนแขนเราเลยนะ เราก็เริ่มไม่ทน พอเห็นเราก็อารมณ์เหมือนเขวี้ยงป๊อบคอร์นไปกำมือนึง นางก็ไม่สนใจ หรือแม้แต่เราจะสะบัดน้ำใส่เท้าที่แตกของนางก็ตาม นางก็กระดิกเท้าเหมือนจะรู้ นางก็คิดว่าแบบ "อ๋อแล้วไงจ๊ะ? ก็ฉันจะวาง" จนเราทนไม่ไหว เราก็ยกที่กั้นขึ้น แล้วชูนิ้วกลางให้นาง นางก็ไม่ยอมแพ้ค่า นางเตะใส่เราต่อเป็นพักๆจนหนังจบ
ท้ายที่สุดแล้ว
เราก็ดูหนังจบแบบรู้เรื่องแต่ไม่อิน เราคงไม่คิดอะไรมากหรอก เราเข้าใจนะ ว่ากะเทยดีดีก็มี ทรามๆก็มี แต่ดีดีอาจจะมีเยอะกว่า นางอาจจะเป็น1ใน100 ของเผ่าพันธ์เราเอง เราก็แค่หวังว่า ถ้านางได้มาอ่านหรือเพื่อนไปเล่าให้ฟัง อยากจะบอกว่า มีมารยาทนิดนึงเถอะ ถ้าอยากจะทำตัวแบบนี้ รอแผ่นออก ดูอยู่บ้าน จะบิดขาเป็นเกรียวหรือกรี๊ดตอนค้างคาวพุ่วคงไม่มีใครว่าอะไร นี่คือการดูหนังที่เลวร้ายที่สุดของเรา
**อัพเดท**
มีบางคนถามเราว่าทำไมเราถึงไม่แจ้งพนักงานแต่แรก ?
เราคิดว่า มันยังสามารถทนได้ค่ะ จนมาถึงเหตุการณ์ที่4 ที่มีเท้าวางบนบนที่รองแขน อันนี้เราค่อนข้างจะรับไม่ได้จริงๆนะ
ถ้าเกิดแต่ 3 เหตุการณ์แรก เราคงไม่ตั้งกระทู้นี้แน่นอน
****
ฝากถึงกะเทย(นิสัยทราม)ที่ชม dracula ที่นั่ง B9B10 Major Bangkapi
วันนี้เราเจอสิ่งที่เรียกว่าเลวร้ายsะยำที่สุดในชีวิตของการดูหนังเลยก็ว่าได้ มาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ เมเจอร์บางกะปิ โรงภาพยนตร์ที่6 รอบเวลา 21.50 ภาพยนตร์เรื่อง dracula untold
วันนี้เรากับแฟนก็มาดูหนังกันค่ะ เราก็จองตั๋ว รอเข้าโรงดูหนังปกติ พอถึงเวลาหนังเริ่ม เรากับแฟนก็เข้าไปนั่งค่ะ สิ่งที่พบคือด้านหลังของเราแถว b9และb10 มีเกย์และกะเทย(นิสัยทราม) นั่งอยู่ก่อนแล้ว เราก็ไม่ได้อะไรอะค่ะ เราก็นั่งดูตัวอย่างภาพยนตร์กับแฟน
กะเทยตัวด้านหลังเราโหวกเหวกโวยวายมาก อารมณ์แบบว่านางจะพูดไรก็พูดเสียงดังมากที่สุด ถึงขั้นที่แบบว่าถ้าไม่มีคนในโรง เสียวนางจะดังกังวาลอยู่คนเดียวแน่นอน นางพูดอวดนั่นอวดนี่
เช่น "หนังไม่เห็นน่าดูเลย" "คนเยอะจัง" "เดี๋ยวguไปบอกให้พี่guเปิดให้อีกโรง ดูสบายคนเดียว" บลาๆ
เสียงดังจนชนิดที่ซ้ายขวาหน้าหลังนาง ทำท่าไม่พอใจ นางก็ยังพูดเสียงดังเรื่อยๆ ไม่สนใจใคร อารมณ์แบบว่า guซื้ออตั๋วมาแล้วจะทำไม?
แต่จุดพีคคือ นางไม่ได้อยากดูหนังหรือยังไงไม่รู้ ซื้อตั๋วมาเพื่อคุยกับเพื่อน โดยไม่สนใจหนังเลย เพราะหนังมันเป็นซาวด์แทรค นางก็พูดบ้างหยุดบ้าง ส่งเสียงตกใจแบบ overacting จนเรารู้สึกว่า "เราหนวกหู"
พอหนังเริ่มจะฉาย
นางน่าจะเป็นญาติของ ลุค อีแวน หรือยังไงไม่รู้ นางสามารถเดาเหตุการณ์พยากรณ์ขึ้นมาได้ แบบมั่วบ้างแบบถูกบ้าง มันคงจะไม่ผิดค่ะสำหรับการพากย์หนัง แต่มันผิดที่ว่า เสียงนางยังคงดังขนาดที่คนทั้งโรงมีแถว เอ ถึง ล่างสุด สามารถได้ยินทุกคำที่นางพูด บางทีนางก็พูดขึ้นมาลอยๆว่า
เช่น "เนี่ย เดี๋ยวพระเอกจะแซ่บนางเอก" คือฉากมันดูดปากกันขนาดนั้นใครก็คงเดาได้ค่ะ
หรือแบบ "เนี่ยเดี๋ยวมันต้องมีภาค2 gooอ่านมาก่อน ตอนจบเป็นโง้นงี้" ไม่เกรงใจคนรอบข้างสักนิด
คนอื่นอาจจะมองว่า มันธรรมดาค่ะ แต่ขอโทษ!!! นางพูดไปครึ่งเรื่อง ถึงฉากที่เหลือประมาณ 20นาทีสุดท้าย โอ้ยแม่เธอพ่อเธอ เก่งขนาดนี้ไม่ต้องดูแล้วมั้งคะ
ในระหว่างชมภาพยนตร์
เราแน่ใจว่าเมเจอร์บางกะปิยังไม่มีโรงภาพยนตร์ที่เป็น 4มิติ แต่เราเดาผิดคาดค่ะ คุณผู้หญิงข้ามโลกคนด้านหลัง เตะจนอารมณ์แบบว่า น่าจะเส้นกระตุกยังไงอย่างนั้น นางเตะแบบบิดขาไปมา สลับซ้ายขวา สับขาหลอกอะไรประมาณนั้นเลยค่ะ โถ ตายแล้ว เรานี่ตกใจเลยนะ แบบ เห้ย เตะแบบนี้มันเกินไปป่าววะ เราก็ทนอะเพราะว่าที่นั่งรอบข้างก็เต็มหมด ย้ายไปไหนก็ไม่ได้ ลุกไปนั่งหน้าก็คือหน้าเกือบสุด เห้อเพลียแคม
และนีคือเหตุการณ์พีคสุด
ขณะที่ภาพยนตร์เหลือ 25นาทีสุดท้ายน่าจะได้ เราก็นั่งดูเพลินๆจนที่วางแขนของเรามีอะไรมาชน เราก็เอะใจนึกว่ากระเป๋าหรืออะไรตก ไม่ใช่ค่ะ
เราแบบเห้ย พ่อแม่เธอ มันเกินไปละ นางเอาเท้ามาวางชนแขนเราเลยนะ เราก็เริ่มไม่ทน พอเห็นเราก็อารมณ์เหมือนเขวี้ยงป๊อบคอร์นไปกำมือนึง นางก็ไม่สนใจ หรือแม้แต่เราจะสะบัดน้ำใส่เท้าที่แตกของนางก็ตาม นางก็กระดิกเท้าเหมือนจะรู้ นางก็คิดว่าแบบ "อ๋อแล้วไงจ๊ะ? ก็ฉันจะวาง" จนเราทนไม่ไหว เราก็ยกที่กั้นขึ้น แล้วชูนิ้วกลางให้นาง นางก็ไม่ยอมแพ้ค่า นางเตะใส่เราต่อเป็นพักๆจนหนังจบ
**อัพเดท**
มีบางคนถามเราว่าทำไมเราถึงไม่แจ้งพนักงานแต่แรก ?
เราคิดว่า มันยังสามารถทนได้ค่ะ จนมาถึงเหตุการณ์ที่4 ที่มีเท้าวางบนบนที่รองแขน อันนี้เราค่อนข้างจะรับไม่ได้จริงๆนะ
ถ้าเกิดแต่ 3 เหตุการณ์แรก เราคงไม่ตั้งกระทู้นี้แน่นอน
****